บทความทั้งหมด

Longines นำนาฬิการุ่นที่เคยผลิตให้ทหารพลร่มของอังกฤษในยุคทศวรรษที่1940 กลับมาผลิตใหม่ในนาม Longines Heritage Military COSD มาในตัวเรือนสตีลขนาด 40 มิลลิเมตร บรรจุเครื่องนาฬิกากลไกขึ้นลานอัตโนมัติL619.2 หน้าปัดสีโอปอลีนมีแถบนาทีแบบเรลเวย์แทร็คล้อมรอบ ตรงกลางห น้าปัดด้านบนมีสัญลักษณ์หัวลูกศรขนาดใหญ่ มีตัวเลขอารบิกสีดำและมีสเกล 24 ชั่วโมงประกอบ ตัดด้วยเข็มบอกเวลาสีน้ำเงิน เคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนว่าเพื่อให้ผู้ใช้สามารถอ่านค่าเวลาได้ในทุกสภาพแสง มีให้เลือกสวมใส่ด้วยสายแบบนาโต้สีคากิและสายหนังสีดำ

Franck Muller ถ่ายทอดรายละเอียดอันสง่างามผ่านเรือนเวลารุ่น Vanguard Lady ขนาดตัวเรือน 44 มิลลิเมตร ภายในบรรจุด้วยกลไกอัตโนมัติ โดดเด่นด้วยหน้าปัดพิมพ์ลวดลายรัศมีดวงอาทิตย์ ตกแต่งด้วยตัวเลขนูนสีชมพูและสีขาว ซึ่งสะท้อนความเป็นผู้หญิงและสร้างความสมบูรณ์ให้กับงานออกแบบตัวเรือนสไตล์สปอร์ตแต่คงความเป็นผู้หญิงได้อย่างแท้จริงผ่านความสง่างามที่เป็นเอกลักษณ์ จับคู่ลงตัวลงตัวด้วยสายยางต้นตำรับ หรือสายหนังเย็บตะเข็บสีชมพูหวานที่เข้ากันกับเม็ดมะยมไขลานสีชมพู มีให้เลือกทั้งในตัวเรือนสเตนเลสสตีลและทองคำชมพู

Corum เผยโฉมเรือนเวลาอันประณีตรุ่น Admiral’s Cup Ac-One 45 Chronograph เครื่องกลไกอัตโนมัติ Co116 ฟังก์ชั่นโครโนกราฟจับเวลาได้ 30 นาที และสำรองพลังงานได้ 42 ชั่วโมง ตัวเรือนสตีลขนาด 45 มิลลิเมตร หน้าปัดไม้สักที่ประดิษฐ์มืออย่างประณีตด้วยรูปทรง 12 เหลี่ยม พร้อมพิมพ์ภาพสีธงสัญลักษณ์ทางทะเลบนขอบหน้าปัดสีดำ มีบ่าป้องกันเม็ดมะยมสตีลเคลือบพีวีดีสีดำ ขอบฝาหลังไทเทเนียมกันน้ำได้ลึกถึง 300 เมตร มาคู่กับสายหนังสีดำเคฟลาร์แบบ “แมด แม็กซ์”

Oris แบรนด์นาฬิกาสวิสแท้ที่เป็นหนึ่งในใจของคนทั่วโลกในฐานะแบรนด์ที่มีความคุ้มค่าทั้งในด้านราคา การออกแบบ ความทนทาน และเป็นนาฬิกาที่เชื่อถือได้ในความเที่ยงตรง เมื่อผมได้มีโอกาสพูดคุยกับ Philipp Kaser Vice President of Oris ในงาน Baselworld ผมจึงไม่พลาดที่จะต้องอัพเดทถึงนาฬิการุ่นใหม่ที่แบรนด์ได้เปิดตัวในปีนี้

ร่วมเฉลิมฉลองครบรอบวันเกิด 200 ปีของ เฟอร์ดินานด์ อดอล์ฟ ลังเงอ ผู้ก่อตั้งประวัติศาสตร์การประดิษฐ์นาฬิกาอันเที่ยงตรงด้วยการเชิดชูเกียรติภูมิของเขา ผ่านเรือนเวลารุ่นรำลึกใน 1815 200th Anniversary F.A.Lange มาในตัวเรือนขนาด 40 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลไขลานด้วยมือในคาลิเบอร์ L051.1 ซึ่งมอบการสำรองพลังงานได้นาน 55 ชั่วโมง หน้าปัดเงินแท้ที่เติมเต็มความประณีตด้วยพื้นผิวลาย Argentè-Grainé จากทองฮันนีโกลด์ พร้อมแกะสลักหมายเลขประจำตัวเรือนด้วยมือ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เฉพาะของรุ่น ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 200 เรือนเท่านั้น

Vacheron Constantin เผยโฉมเรือนเวลาเวอร์ชั่นล่าสุด Malte Tourbillon High Jewellery ที่มาพร้อมสายสร้อยข้อมือประดับเพชรบาแก็ตต์ประกายระยิบระยับถึง 1,170 เม็ด เพื่ออุทิศให้กับความสวยงามอันลุ่มลึกของงานหัตถศิลป์ จึงรังสรรค์เรือนเวลาทั้งหมดด้วยมือโดยใช้เทคนิคการประดับอัญมณีแบบไร้ร่องรอยการฝัง ตัวเรือนนาฬิกามีขนาด 38 มิลลิเมตร บรรจุด้วยกลไกคาลิเบอร์2795 สร้างความโดดเด่นให้กับหัวใจสำคัญและความสวยงามของเรือนเวลาโดยการแสดงชั่วโมงและนาทีเป็นแบบเยื้องศูนย์กลาง ยึดสายด้วยตัวพับล็อคที่ทำจากทอง ฝาหลังเป็นกระจกคริสตัลแซฟไฟร์สามารถชื่นชมการทำงานของกลไกนี้ได้ ด้วยการตกแต่งอันประณีตวิจิตรของเรือนเวลารุ่นนี้นอกจากจะทอประกายแสงระยิบระยับภายใต้ความโปร่งแสงของเพชรน้ำงามแล้ว ยังคงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตามแบบนาฬิกาชั้นสูงอีกด้วย

ผลงานการสร้างสรรค์ล่าสุดของ Panerai ในรุ่น Lo Scienziato Radiomir 1940 Tourbillon GMT Oro Rosso – 48 mm. เรือนเวลาที่มาพร้อมความสวยงามน่าทึ่งและคุณสมบัติทางเทคนิคอันน่าประทับใจ ตัวเรือนขนาด 48 มิลลิเมตร ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานด้วยมือ P.2500/S พร้อมด้วยฟังก์ชั่น GMT กับเข็มชี้กลางซึ่งแสดงเวลาไทม์โซนที่สอง และการแสดงกลางวัน/กลางคืนที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา และหน้าปัดวินาทีเล็ก ที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา โดดเด่นด้วยความซับซ้อนของงานสเกเลตันภายใน พร้อมด้วยตูร์บิยอง เรกูเลเตอร์ ซึ่งทำให้เรือนเวลานี้ล้ำเลิศ โดยเฉพาะการหมุนของกรงตูร์บิยอง ซึ่งหมุนด้วยความเร็วพิเศษหนึ่งรอบภายใน 30 วินาที แทนที่จะเป็น 60 วินาทีตามประเพณีทั่วไป และยังหมุนบนแกนตั้งฉาก แทนที่จะเป็นแกนขนานไปกับบาลานซ์วีล โครงสร้างพิเศษนี้ช่วยในการชดเชยความคลาดเคลื่อนต่างๆที่เกิดจากอิทธิพลของแรงโน้มถ่วง สวยงามในแบบเรียบง่ายด้วยสายหนังจระเข้สีดำ และหัวเข็มขัดแบบบานพับทำจากทองคำแดงขัดเงา สำรองพลังงานได้นานถึง 6 วัน

ประโยควาทะเด็ดที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีไม่ว่าคนที่อยู่ในช่วงสมัยนั้น หรือคนที่รับชมภาพยนตร์ Hollywood คงจำได้แม่น ประโยคที่ว่านี้คือ ประโยคข้อความวิทยุจาก Apollo 13 ที่กำลังโคจรรอบดวงจันทร์ก่อนจะทำภารกิจลงจอด แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ไปถึงฝั่งฝัน จนเป็นที่มา ความสำเร็จแห่งความล้มเหลว โดยมี Omega Speedmaster เป็นเครื่องมือหลักที่เหล่านักบินอวกาศฝากชีวิตไว้ครับ เหตุนี้เอง ปี 2015 จึงเป็นปีครบรอบ 45 ปี ของ Apollo 13 ที่ผมได้ไปเกาะติดการเฉลิมฉลองแห่งความสำเร็จในภารกิจอันล้มเหลวสุดยิ่งใหญ่ครั้งนี้ถึงสหรัฐอเมริกาครับ

เพื่อให้บรรจบกับความต้องการของไลฟ์สไตล์ที่ไม่เคยหยุดนิ่งและสอดคล้องกับยุคสมัยปัจจุบัน Vacheron Constantin ขอแนะนำ คอลเลคชั่น Harmony Dual time Caliber 2460DT ซึ่งได้รังสรรค์กลไกไขลานอัตโนมัติ Caliber 2460DT เป็นฟังก์ชั่นแสดงเวลาสองไทม์โซนที่ผสมผสานอยู่ภายใน ขับเคลื่อนการแสดงชั่วโมง นาที และวินาที ร่วมไปกับการแสดงเวลาสองไทม์โซน สัญลักษณ์รูปดวงอาทิตย์และดวงจันทร์บนการแสดงกลางวัน/กลางคืนทำจากทอง การปรับตั้งทั้งหมดสามารถทำได้โดยผ่านเม็ดมะยม ปรับหมุนได้สองทิศทาง และกลไกคาลิเบอร์นี้ยังประกอบด้วยอุปกรณ์หยุดวินาทีพิเศษ ทำให้มั่นใจได้ถึงการแสดงเวลาที่เที่ยงตรงมากยิ่งขึ้น มีให้เลือกสองเวอร์ชั่น สำหรับสุภาพบุรุษปรากฏโฉมภายใต้ตัวเรือนทรง Cushion-Shaped ทำจากทองคำขาวและทองคำชมพู 18 กะรัต ขอบตัวเรือนประดับด้วยเพชร 88 เม็ด และในเวอร์ชั่นสุภาพสตรีขอบตัวเรือนทำจากทอง ตัวหน้าปัดโทนสีน้ำเงินโอปอลสง่างาม ติดตั้งด้วยเข็มชี้ทรงใบไม้ทอง รับกับต้นแบบของตัวเลขวาดสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์ของคอลเลคชั่น Harmony

นาฬิกาจากสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ มาพร้อมกลไกอัตโนมัติ 2826 ประกอบด้วย Helium Valve (ฮีเลียมวาลว์) กลไกที่ป้องกันแรงดันของน้ำในระดับลึก จะทำงานเมื่ออยู่ในระดับความลึกที่เหมาะสม หน้าปัดนาฬิกาเคลือบด้วยกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 46 มิลลิเมตร หนา 5.6 มิลลิเมตร. สามารถกันน้ำได้ลึกถึง 1000 เมตร สายข้อมือมีให้เลือก 2 แบบ ทั้งสเตนเลสสตีล และสายยางที่ทำจากยางสีดำคุณภาพมาตรฐานเหมาะที่จะสวมใส่ขณะลงน้ำได้เป็นอย่างดี นาฬิกา Hamilton รุ่น The Belowzero ถูกสวมใส่โดย Mark Watney ตัวเอกในภาพยนตร์เรื่อง The Martian

แอร์เมสเนรมิตพื้นหน้าปัดมุกให้เป็นดั่งผืนผ้าแคนวาส เพื่อรังสรรค์งานศิลปะภาพวาดบนพื้นที่ขนาดย่อส่วน ด้วยองค์ประกอบที่พิถีพีถันในทุกขั้นตอนจากเวิร์คช็อปของแอร์เมส เรือนเวลา Slim d’Hermès Mille Fleurs du Mexique ได้รับการผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 6 เรือน

Rado ต้อนรับสมาชิกใหม่สุดสปอร์ตรุ่น Rado Hyperchrome Automotic Chronograph Tachymeter นาฬิกาโครโนกราฟเครื่องขึ้นลานอัตโนมัติ โดดเด่นด้วยตัวเรือน พลาสม่าไฮเทคเซรามิก ขอบตัวเรือนเซรามิกมีการแกะสเกลทาคีมิเตอร์อุปกรณ์ที่สามารถใช้เพื่อวัดความเร็วได้โดยคำนวณเวลาจากการเดินทาง หรือใช้เพื่อวัดระยะทางโดยคำนวณจากความเร็ว พร้อมสารเรืองแสง Super-Luminova ทำให้สามารถมองเห็นตัวเลขได้ชัดแม้ในยามค่ำคืน ตัวเรือนนาฬิการังสรรค์จากเนื้อวัสดุเซรามิกที่ผ่านกระบวนการพิเศษสุดล้ำจาก Rado ทำให้นาฬิกาโลหะมีความทนทานต่อการขีดข่วนและคงสภาพไว้ได้นาน

Officine Panerai นำเสนอทายาทรุ่นใหม่ของ Radiomir 1940 ขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลไขลานด้วยมือ คาลิเบอร์ P.1000 มาในตัวเรือน สเตนเลสสตีล AISI 316L ขัดเงา ขนาด 42 มิลลิเมตร หนา 3.85 มิลลิเมตร และในเวอร์ชั่นตัวเรือนทองคำแดงทำจากโลหะผสมทองพิเศษโดยเอกลักษณ์เฉพาะของ Panerai ถ่ายทอดความซับซ้อนผ่านของกลไกผ่านทางช่องหน้าต่างกระจกคริสตัลแซฟไฟร์บนฝาหลังของนาฬิกา ทำให้สามารถชื่นชมโครงสร้างและการตกแต่งได้อย่างชัดเจน พร้อมการแสดงเวลาของหน้าปัดย่อยบอกวินาที ณ ตำแหน่ง 9 นาฬิกา อันเป็นลักษณะที่โดดเด่นที่สืบทอดจากรุ่นประวัติศาสตร์ และเพิ่มฟังก์ชั่นพิเศษกับอุปกรณ์สำหรับหยุดบาลานซ์ และปรับตั้งเข็มวินาทีไปที่ศูนย์ (ปรับตั้งวินาทีใหม่) เมื่อต้องการปรับตั้งเวลาใหม่ โดยในรุ่นสตีลมาพร้อมสายหนังจระเข้สีเขียว ขณะที่รุ่นทองคำแดงมาพร้อมสายหนังจระเข้สีดำ

หนึ่งในคอลเลคชั่น Horsebit นาฬิกาอันเลื่องชื่อของแบรนด์แฟชั่นระดับเวิลด์คลาสอย่าง Gucci ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากประเพณีนิยมของการขี่ม้าในหมู่ชนชั้นสูงของชาวเมืองฟลอเรนซ์ ก่อกำเนิดขึ้นอีกครั้งกับโมเดลใหม่ล่าสุดที่มาในรูปแบบ Pink Gold PVD พร้อมรูปทรงห่วงรัดปากม้า ตัวเรือนทองคำสีชมพูขนาด 28 มิลลิเมตร โดดเด่นด้วยหน้าปัดตัวเรือนเหล็กอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ตั้งแต่ยุค’50s กับตัวเลขโรมันที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาและ 6 นาฬิกา พร้อมประดับโลโก้ Gucci ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา และ Swiss Made ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา เหมาะสำหรับสุภาพสตรีที่ชื่นชอบความหรูหราคลาสสิก

ย้อนสู่อดีตด้วยความภาคภูมิใจที่จะเสนอนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุด Oris Divers Sixty-Five นาฬิกาที่เหล่านักประดาน้ำให้ความเชื่อถือถึงความเที่ยงตรงแม่นยำในการรักษาเวลาในการประดาน้ำและยังช่วยวัดความกดอากาศที่เปลี่ยนแปลง ตัวเรือนขนาด 40 มิลลิเมตร ทำด้วยสเตนเลสสตีลที่กันการผุกร่อน วงแหวนบนขอบหน้าปัดหมุนได้ทิศทางเดียวเคลือบด้วยอลูมิเนียมสีดำ กระจกโค้งแบบฟองอากาศที่ทำด้วยคริสตัลแซฟไฟร์กันรอยขีดข่วน พร้อมเคลือบสารกันแสง Light Old Radium Super-Luminova ด้านในเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นอย่างชัดเจนภายใต้ผืนน้ำ เสริมรายละเอียดนาฬิกาด้วยสายผ้าสีดำหรือสายรับเบอร์พร้อมหัวล็อคสายสเตนเลสสตีลแบบบานพับ

Graham แบรนด์อิสระระดับสูงที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อตามรอย George Graham ช่างนาฬิกาชาวอังกฤษผู้เป็นบิดาแห่งศาสตร์การประดิษฐ์นาฬิการุ่นใหม่ และบิดาแห่งกลไกโครโนกราฟ เขาเป็นผู้คิดค้นอุปกรณ์สำหรับเริ่มและหยุดการจับเวลาโครโนกราฟ เอสเคปเม้นท์ทรงกระบอก และสิ่งประดิษฐ์อื่นๆ อีกมากมายซึ่งถือได้ว่าเป็นการพลิกประวัติศาสตร์ของการประดิษฐ์นาฬิกา เมื่อเราได้มีโอกาสพูดคุยกับ Mr. Eric Loth ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Graham เราจึงไม่พลาดที่จะสอบถามถึงความเป็นมาของแบรนด์

นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ Longines แบรนด์นาฬิกาจากสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์หยิบยกเอาเรือนเวลาที่น่าสนใจในอดีต กลับมาผลิตใหม่ในชื่อรุ่น Longines Column-Wheel Single Push-Piece Chronograph เป็นนาฬิกาโครโนกราฟกลไกคอลัมน์วีล แบบมีปุ่มกดเพียงปุ่มเดียว มาในตัวเรือนขนาด 41 มิลลิเมตร นาฬิการูปทรงเรียบร้อย สง่างาม ฝาหลังสตีลแบบใสเผยให้เห็นทุกรายละเอียดของตัวเครื่อง และเพียบพร้อมไปด้วยสเกลทาคีมิเตอร์ มีให้เลือก 2แบบด้วยกัน คือ หน้าปัดสีดำด้านหรือหน้าปัดสีขาวแล็คเกอร์ เลขอารบิกมีสีขาวและสีดำ ตัวสายทำจากหนังมีให้เลือก 2 สี ด้วยกัน ทั้งสีดำหรือสีน้ำตาล ไม่ว่าจะจับคู่กับสีใดก็เข้ากันได้อย่างลงตัว

เรือนเวลาซีรีส์พิเศษที่อุทิศให้กับการเฉลิมฉลองครบรอบ 260 ปี Vacheron Constantin มาพร้อมกับความโดดเด่นของกลไกไขลานอัตโนมัติโครโนกราฟสปลิทเซ็กเกินด์บางพิเศษเพียง 5.20 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นกลไกที่ผลิตขึ้นเองภายในโรงงานชุดใหม่ ที่สามารถสำรองพลังงานได้นาน

ความน่าสนใจของเรือนเวลาที่มีความซับซ้อนสูงรุ่นใหม่ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากความรู้ด้านดาราศาสตร์ของ Jaeger-LeCoultre แบรนด์นาฬิกาที่มีชื่อเสียงในด้านการออกแบบและผลิตกลไกที่มีความซับซ้อนสูงในงาน SIHH 2015

Baume & Mercier แบรนด์นาฬิกาสวิสที่มีความมุ่งมั่นที่จะถ่ายทอดมรดกแห่งความสมบูรณ์แบบของศาสตร์การประดิษฐ์นาฬิกาที่สืบต่อมายาวนานลงในนาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่ของแบรนด์

นาฬิการุ่นครบรอบ 40 ปีของ Bulgari Bulgari เป็นหนึ่งในนาฬิกาที่ชวนให้ระลึกถึงจิตวิญญาณอันน่าหลงใหลของยุค 70

Carrera และ Monaco วินเทจอาจเป็นรุ่นที่มีชื่อเสียงและดึงดูดคนส่วนใหญ่ แต่สำหรับบรรดาแฟนตัวจริงที่คลั่งไคล้นาฬิกาโครโนกราฟสำหรับรถแข่งของ Heuer นั้น Autavia คือที่สุดของพวกเขา

Radiomir 1940 3 Days Automatic Titanio เติมเต็มทายาทรุ่นใหม่จากการตีความการผสมผสานความเรียบง่ายแห่งงานออกแบบเข้ากับเนื้อหาด้านเทคนิคอันล้ำสมัยในวิถีดั้งเดิมของคอลเลคชั่น Radiomir 1940

Silverstone RS Racing โดดเด่นในตัวเรือนสตีลขนาด 46 มิลลิเมตร สะท้อนบรรยากาศความน่าตื่นเต้นของความเร็วไว้บนหน้าปัดแบบแผงควบคุมภายในรถแข่งสีสันสดใส หน้าปัดย่อยแสดงวินาทีรูปทรงดิสก์เบรค

Superocean Chronograph M2000 ดำดิ่งสู่ห้วงมหาสมุทรกับนาฬิกาโครโนกราฟหนึ่งเดียวในโลกที่มาพร้อมประสิทธิภาพการกันน้ำ และสามารถใช้งานฟังก์ชั่นทั้งหมดได้อย่างเต็มสมรรถนะในระดับน้ำลึกถึง 2,000 เมตร