Last updated: 22 ก.พ. 2565 | 786 จำนวนผู้เข้าชม |
นาฬิกา Casquette (คาสเคตต์) รุ่นดั้งเดิมผลิตขึ้นนับจากปี ค.ศ. 1976 ถึง ค.ศ. 1978 โดยในระหว่างช่วงเวลานั้น Girard-Perregaux (จีราร์ด-แพร์โกซ์) ได้ผลิตตัวอย่างแห่งนวัตกรรมนาฬิกาควอตซ์นี้ขึ้นเพียงจำนวน 8,200 เรือน และตลอดช่วงเวลาหลายปี นาฬิกาควอตซ์นี้ได้กลายเป็นที่ตามหาอย่างมากของบรรดาผู้ซึ่งหลงใหลในนาฬิกา และผู้สวมใส่เรือนเวลาที่มีความสนใจในสไตล์ ในวันนี้ นาฬิกา Casquette ได้หวนคืนอีกครั้ง พร้อมทั้งตั้งชื่อว่า Casquette 2.0 (คาสเคตต์ 2.0) รุ่นใหม่ของวันนี้ไม่เพียงเชิดชูภาษาแห่งงานออกแบบจากรุ่นดั้งเดิม ทว่ายังโดดเด่นด้วยการบรรจุภายใต้ตัวเรือนเซรามิกและไทเทเนียม เกรด 5 มากไปกว่านั้น ยังมาพร้อมกลไกควอตซ์ชุดใหม่ที่เปี่ยมด้วยฟังก์ชันการใช้งานเพิ่มเติม และท้ายสุด ด้วยตัวเรือนที่รับกับสรีระข้อมือ พร้อมทั้งขนาดและงานออกแบบของนาฬิการุ่นนี้ ได้สร้างซึ่งความเหมาะสมสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน
การถือกำเนิดของ Casquette
ในปี ค.ศ. 1976 Girard-Perregaux ได้เผยโฉม Casquette ในฐานะเรือนเวลาอันล้ำสมัย ที่อุทิศให้กับการแสดงเวลาด้วยหลอดแอลอีดี (LED) โดยให้พลังงานผ่านกลไกควอตซ์ และบรรจุภายใต้จิตวิญญาณของเครื่องบอกเวลาแห่งยุค 70s ที่เผยโฉมเป็นนาฬิกาซึ่งมีคุณลักษณะและความแตกต่างไปจากนาฬิกาสองเข็มชี้แสดงเวลาตามแบบประเพณีทั่วไป ซึ่งนั่นทำให้ Girard-Perregaux โรงงานการผลิต (Manufacture) ที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1791 ได้กลายเป็นที่สนใจในฐานะผู้นำแถวหน้าของการแสดงเวลาด้วยกลไกควอตซ์ และแท้จริงแล้ว ด้วยระดับความถี่ 32,768 เฮิรตซ์ของกลไกที่ตั้งไว้โดยเมซง (Maison) แห่งนี้ ในเวลาต่อมานั้นได้ถูกนำไปใช้ในฐานะมาตรฐานสากลของบรรดานาฬิกาควอตซ์ต่างๆ
นาฬิกาอันน่าทึ่งนี้ไม่ได้ถูกเรียกขานอย่างเป็นทางการด้วยชื่อ Casquette แต่เปิดตัวสู่ตลาดโดยการใช้หมายเลขอ้างอิงแทน อย่างไรก็ดี นักสะสมนาฬิกาได้เริ่มที่จะตั้งชื่อเล่นขึ้นจากความชื่นชอบหลงใหลให้กับนาฬิการุ่นนี้ว่า Casquette ซึ่งกลายเป็นฉายาที่ยังคงเป็นส่วนหนึ่งในคำเรียกขานภายในแวดวงสาขาของเครื่องบอกเวลาเสมอมา
โดยการแสดงแบบดั้งเดิมของชั่วโมง นาที วินาที วัน และวันที่ พร้อมด้วยกลไกควอตซ์นั้นได้ส่งมอบซึ่งระดับของความเที่ยงตรงแม่นยำสูง มากไปกว่านั้น ขณะที่บริษัทคู่แข่งมากมายเพียงแต่เปลี่ยนจากการแสดงแบบดั้งเดิมตามประเพณีของแผงหน้าปัดวงกลมไปสู่การใช้ชุดของหลอดแอลอีดีเท่านั้น ทว่า Girard-Perregaux กลับมุ่งไปที่งานออกแบบของ Casquette ด้วยสายตาและมุมมองใหม่อย่างสิ้นเชิง โดยการแสดงด้วยหลอดแอลอีดีนั้นไม่เพียงทำหน้าที่ด้านฟังก์ชัน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของภาพลักษณ์ที่ฉีกออกจากกฎเกณฑ์ประเพณี และได้มอบซึ่งสไตล์อันล้ำสมัยขึ้นมาแทน ซึ่งแท้จริงแล้ว ณ เวลานั้น นาฬิกานี้ยังเชื่อมโยงถึงงานออกแบบอันทรงพลังของรถมัสเซิลคาร์ (muscle car) ยุค 70s ด้วยหลอดแอลอีดีซึ่งดูคล้ายกับไฟท้ายของรถเหล่านี้นั่นเอง
ตลอดช่วงประวัติศาสตร์ เมซงแห่งนี้ได้แสดงออกถึงความเชี่ยวชาญด้านงานออกแบบมาแล้วมากมาย โดยเมื่อเริ่มต้นออกแบบนาฬิกา แบรนด์ไม่ได้มองแต่ละองค์ประกอบของนาฬิกาเป็นเพียงองค์ประกอบชิ้นเดียว แต่มองถึงการเป็นส่วนหนึ่งของความกลมกลืนและสัมพันธ์กันในภาพรวม โดยย้อนกลับไปในยุค 70s Girard-Perregaux ได้นำเสนออย่างมุ่งมั่นถึงแนวคิดของนาฬิกาที่ติดตั้งไว้ด้วยสายสร้อยข้อมือแบบผสาน นอกจากนี้ บริษัทยังได้แสดงออกถึงความปรารถนาในการสร้างสรรค์รูปทรงตัวเรือนที่แตกต่างเสมอ และอุทิศให้กับการคำนึงถึงด้านการยศาสตร์ ประโยชน์ของการใช้งานได้อย่างแท้จริง และความสามารถในการอ่านค่าได้ชัดเจนสมบูรณ์
นาฬิกา Casquette ถูกผลิตขึ้นนับจากปี ค.ศ. 1976 ถึง ค.ศ. 1978 และนำเสนอด้วยความหลากหลายของตัวเรือนทั้งหมดสามแบบ ระหว่างมาโครลอน (Makrolon® (โพลีคาร์บอเนต)), แผ่นเยลโลโกลด์ และท้ายสุดคือสตีล โดยตลอดหลายปีต่อมา Casquette ได้กลายเป็นนาฬิกาอันเป็นที่ตามหาของบรรดานักสะสมและผู้ที่หลงใหลในเรือนเวลา ด้วยภาษางานออกแบบสไตล์ ‘เรโทรล้ำยุค’ (retro futuristic) ที่ยังคงนำเสนอเสน่ห์อันดึงดูดใจอย่างที่ไม่เคยจางหาย
ยุคใหม่
ในวันนี้ Casquette ได้หวนคืน และเป็นครั้งนี้ที่ได้นำเอาชื่อเล่นดั้งเดิมกลับมาใช้อย่างเป็นทางการ ด้วยการตั้งชื่อให้ว่า Casquette 2.0 โดยบรรจุภายใต้ตัวเรือนเซรามิกป้องกันรอยขีดข่วน และนำเสนอด้วยฝาหลังไทเทเนียม เกรด 5 ซึ่งทั้งไทเทเนียมและเซรามิกนั้นต่างมีคุณสมบัติของการไม่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองผิว และมีน้ำหนักเบา นั่นทำให้นาฬิการุ่นนี้มีน้ำหนักเบาเพียง 107 กรัม ซึ่งช่วยให้มอบความสะดวกสบายให้กับผู้สวมใส่ และแท้จริงแล้ว นาฬิกา Casquette ใหม่นี้ยิ่งสวมใส่บนข้อมือได้สะดวกสบายกว่าที่เคย โดยรายล้อมโครงร่างตัวเรือนน้ำหนักเบาคล้ายกันนี้ด้วยบรรดาปุ่มกดที่ทำจากไทเทเนียม รวมถึงแผ่นไทเทเนียมซึ่งประกอบอยู่ด้านบนสุดของตัวเรือนนาฬิกา และการประดับด้วยโลโก้ GP สไตล์ย้อนยุค
ในปี ค.ศ. 2021 Girard-Perregaux โดยความร่วมมือของ Bamford Watch Department (แบมฟอร์ด วอทช์ ดีพาร์ทเมนต์) ได้สร้างสรรค์นาฬิกา pièce unique เรือนเดียวในโลกขึ้น เพื่อสนับสนุนงานประมูลการกุศล โอนลี วอทช์ (Only Watch) โดยมีพื้นฐานมาจากนาฬิกา Casquette รุ่นดั้งเดิมของปี ค.ศ. 1976 ที่นาฬิกาเรือนดังกล่าวบรรจุภายใต้ตัวเรือนฟอร์จคาร์บอน (forged carbon) และไทเทเนียม พร้อมทั้งเสริมด้วยปุ่มกดไทเทเนียม โดยผลงานเรือนเฉพาะหนึ่งเดียวนั้นจำหน่ายด้วยมูลค่าการประมูลถึง 100,000 สวิสฟรังก์ ซึ่งได้ร่วมสมทบทุนอันจำเป็นอย่างมากสำหรับการวิจัยโรคกล้ามเนื้อเสื่อมดูเชน (Duchenne muscular dystrophy) และ ณ เวลานั้นเอง ที่บรรดาผู้เฝ้าสังเกตการณ์ที่มีสายตาอันเฉียบคมได้สังเกตเห็นว่า Casquette Only Watch Edition บรรจุไว้ด้วยกลไกชุดใหม่ของคาลิเบอร์ GP03980 และเกิดข้อสงสัยว่าเหตุใดเมซงจึงต้องผลิตกลไกชุดใหม่ให้กับเรือนเวลาเพียงเรือนเดียว และในวันนี้ กลไกเดียวกันนั้นของคาลิเบอร์ GP03980 จึงได้ไขปริศนาด้วยการมาบรรจุอยู่ ณ หัวใจของนาฬิกา Casquette 2.0 ใหม่
Patrick Pruniaux (แพทริค ปรูโนซ์) ผู้อำนวยการบริหารใหญ่ของ Girard-Perregaux กล่าวว่า “ไม่ใช่นาฬิกาทุกรุ่นจะสามารถรักษาไว้ซึ่งภาพลักษณ์และความสามารถในการเป็นที่ปรารถนาของผู้คนมากมายมาตลอดการเดินทางแห่งเวลาอันยาวนานเช่นนี้ได้ อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่ที่การผลิตนาฬิกา Casquette รุ่นดั้งเดิมได้หยุดลงในปี ค.ศ. 1978 ความสนใจในนาฬิการุ่นนี้ก็ไม่เคยหายไปไหน เรายังคงได้รับเสียงสอบถามถึงมาอย่างสม่ำเสมอ และได้ประจักษ์ว่านาฬิกาเหล่านี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากเพียงใด รวมถึงยังมีมูลค่าสูงขึ้นกว่าราคาจำหน่ายดั้งเดิมถึง 10 เท่าในตลาดนาฬิกาที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ซึ่งแน่นอนว่า ไม่อาจเป็นทุกสิ่งที่เราซื้อที่จะมีมูลค่าเพิ่มได้ในแบบเดียวกันนี้! เหตุผลนั้นจึงแสนเรียบง่าย และเป็นผลลัพธ์ซึ่งมาจากการที่ Casquette รุ่นดั้งเดิมได้ทำหน้าที่ในการวางรากฐานชื่อเสียงอันมั่นคงยิ่งขึ้นของเรา โดยเฉพาะด้านการออกแบบนาฬิกาด้วยรูปลักษณ์และเสน่ห์ดึงดูดใจได้อย่างยาวนานเหนือกาลเวลา เราดีใจที่ได้ต้อนรับการหวนคืนของ Casquette ในฐานะนาฬิกาเปี่ยมด้วยสไตล์ ที่จะมอบเสน่ห์ดึงดูดเย้ายวนใจอันไม่มีสิ้นสุดนี้ต่อไป”
ด้วยคุณลักษณะที่มีร่วมกับนาฬิกา Casquette รุ่นดั้งเดิม ที่ในรุ่นใหม่ล่าสุดยังคงประกอบด้วยการแสดงชั่วโมง นาที วินาที วันและวันที่ อย่างไรก็ดี กลไกชุดใหม่ได้เสริมไว้ด้วยฟังก์ชันเพิ่มเติมอื่นๆ ซึ่งรวมไปถึง การแสดงเดือน ปี โครโนกราฟ เวลาไทม์โซนที่สอง และการแสดงวันที่ลับหรือซีเครตเดท (secret date) โดยฟังก์ชันหลังสุดนี้ ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถเก็บวันแห่งความทรงจำที่เลือกไว้เองได้ ด้วยฟังก์ชันซีเครตเดท (ประกอบด้วยการแสดงวันที่ เดือน และปี) ที่สามารถแสดงแต่ละวัน ณ ช่วงเวลาเฉพาะซึ่งกำหนดหรือเลือกไว้โดยผู้สวมใส่ ตัวอย่างเช่น วันครบรอบแต่งงาน
นาฬิกา Casquette ยังช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถดูเวลาได้ตามต้องการ เพื่อช่วยประหยัดอายุการใช้แบตเตอรี่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ด้วยการวางสมมติฐานไว้ว่าจะมีการใช้งานปุ่มกดโดยการกดลงบนปุ่มเฉลี่ย 20 ครั้งต่อวัน ดังนั้นอายุของแบตเตอรี่จึงควรยาวนานได้ 2 ปี นาฬิการุ่นใหม่นี้ประกอบคู่มากับสายสร้อยข้อมือเซรามิก พร้อมทั้งการตกแต่งด้วยยางบนด้านใน ซึ่งมอบทั้งความยืดหยุ่นและความสะดวกสบายในการสวมใส่ที่ดียิ่งขึ้นกว่าสายสร้อยข้อมือที่ติดตั้งในรุ่นดั้งเดิม โดยสายสร้อยข้อมือของวันนี้มาพร้อมด้วยหัวเข็มขัดแบบบานพับทำจากไทเทเนียม
ตลอดช่วงอายุนับจากการถือกำเนิดของนาฬิกา Casquette รุ่นดั้งเดิมนั้น มีนาฬิกาที่ถูกผลิตขึ้นเพียง 8,200 เรือน และด้วยแรงบันดาลใจมาจากจำนวนตัวเลขหลังสุดนี้ จีราร์ด-แพร์โกซ์จึงเลือกที่จะจำกัดจำนวนการผลิตนาฬิกา Casquette รุ่นใหม่นี้ขึ้นเพียง 820 เรือน โดย Casquette 2.0 อันคุ้มค่าและเปี่ยมด้วยคุณค่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งของนาฬิกากลุ่มเซกเมนต์ใหม่สำหรับ Girard-Perregaux
ในปี ค.ศ. 1976 Casquette ได้ถูกซื้อโดยกลุ่มลูกค้าที่เรียกขานกันว่า ‘ผู้ล้ำสมัย’ (‘early adopters’) และทำให้หลายคนที่ช้ากว่าต้องพลาดโอกาสในการได้ครอบครองไป แต่ครั้งนี้ เพื่อป้องกันความผิดหวัง คุณสามารถจับจองหรือสั่งซื้อ Casquette 2.0 ได้แล้วล่วงหน้าผ่านทางช่องทางอี-คอมเมิร์ซของแบรนด์ นับจากวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2022 ถึงวันที่ 7 มีนาคม ค.ศ. 2022 และหลังจากนั้น นาฬิการุ่นใหม่นี้จึงจะมีให้เลือกครอบครองผ่านตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการคัดเลือกของ Girard-Perregaux ทั่วโลกต่อไป
เกี่ยวกับ Girard-Perregaux
ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1791 Girard-Perregaux เป็นหนึ่งในผู้ผลิตนาฬิกาชั้นสูงเก่าแก่ที่สุด ที่ยังคงดำเนินกิจการและได้รับการยกย่องชื่นชมโดยเหล่านักสะสมและผู้หลงใหลในเรือนเวลา ด้วยประวัติศาสตร์ของบริษัทที่ได้ปักหมุดไว้โดยผลงานสร้างสรรค์อันแสนพิเศษมากมาย ซึ่งเชื่อมโยงระหว่างความสวยงามและฟังก์ชันอันเปี่ยมด้วยทักษะ ผลงานรุ่นต่างๆ เหล่านี้ยังรวมไปถึงไอคอนิก อย่าง ลอรีอาโต (Laureato) ที่ถือกำเนิดขึ้นในปี ค.ศ. 1975 เช่นเดียวกับตำนานแห่ง ตูร์บิญอง 'วิท ทรี โกลด์ บริดจ์ส' (Tourbillon 'With Three Gold Bridges') นาฬิกาที่ได้สร้างสิ่งที่ไม่อาจมองเห็นให้สามารถมองเห็น โดยเปลี่ยนรูปสะพานจักรจากองค์ประกอบทางเทคนิคไปสู่ชิ้นส่วนผสมผสานของเรือนเวลา ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในโลกแห่งการประดิษฐ์นาฬิกา ตำแหน่งระดับแถวหน้าของ Girard-Perregaux ในโลกแห่งนวัตกรรมการประดิษฐ์เครื่องบอกเวลานี้ยังยืนยันด้วยสิทธิบัตรที่ได้รับการบันทึกไว้มากกว่าหนึ่งร้อยฉบับ รวมถึงรางวัลและความโดดเด่นอีกมากมาย โดยบริษัทยังคงเป็นหนึ่งในช่างนาฬิกาเพียงไม่กี่รายผู้ซึ่งรักษาไว้ด้วยสถานะของการเป็น โรงงานการผลิต (Manufacture) มาอย่างยาวนานกว่าสองศตวรรษ จากความเชี่ยวชาญในทักษะ ทั้งหมดที่จำเป็นในการสร้างสรรค์เครื่องบอกเวลาภายในโรงงานของตนเอง ที่ผสมผสานเข้ากับระดับสูงสุดของความเป็นต้นตำรับขนานแท้ ขณะเดียวกัน Girard-Perregaux ยังเคารพต่อมรดกของตนและเดินหน้าพัฒนาความก้าวล้ำอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งหลอมรวมไว้ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ วัสดุอันล้ำสมัย และการสร้างสรรค์ความสดใหม่ให้กับรูปทรงการออกแบบที่ล้วนเป็นไอคอนิก
23 พ.ย. 2567
22 พ.ย. 2567
21 พ.ย. 2567
23 พ.ย. 2567