Last updated: 10 มี.ค. 2567 | 626 จำนวนผู้เข้าชม |
Breguet (เบรเกต์) ร่วมฉลองวันสตรีสากล หรือ International Women’s Day ด้วยการเผยโฉมเรือนเวลาสุดไอคอนิค Reine de Naples (แรน เดอ นาปล์) ในเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด เพื่อยกย่องความเป็นผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงผู้มีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ ทั้งมีความโดดเด่นในยุคสมัยของตนและยังเป็นผู้วางรากฐานสู่อนาคตอีกด้วย ดังเช่น พระขนิษฐาในองค์จักรพรรดินโปเลียน โบนาปาร์ต นามพระนางแคโรลีน มูราต์ (Caroline Murat) หนึ่งในสตรีผู้ทรงพระปรีชาสามารถและยังเป็นแรงบันดาลใจ พระนางทรงพระปรีชาญาณอย่างมากและยังทรงรอบรู้ด้านวรรณกรรมและวัฒนธรรม รวมถึงยังทรงให้การสนับสนุนศิลปะและยังทรงเป็นนักสะสมตัวยงอีกด้วย นอกจากพระองค์จะทรงสนพระทัยในศิลปะแล้ว ยังทรงสนพระทัยเรื่องเศรษฐกิจ, สังคม และประเด็นด้านการศึกษาของอาณาจักรของพระองค์เอง และยังทรงมีส่วนร่วมให้เกิดโครงการต่างๆ เช่น การก่อตั้งโรงเรียนสำหรับเด็กผู้หญิงและการปฏิรูปโรงงานแกะสลักเครื่องประดับจากปะการังอีกด้วย
นาฬิกาข้อมือเรือนแรกของโลก: จากดำริของสตรี รังสรรค์โดยฝีมือบุรุษ
แคโรลีน มูราต์ ทรงโปรดเรือนเวลาที่รังสรรค์โดย Abraham-Louis Breguet (อับราฮัม-หลุยส์ เบรเกต์) มากเป็นพิเศษ และทรงสะสมเรือนเวลาฝีมือเขาไว้มากกว่า 30 เรือน ในยุคสมัยที่เหล่าสุภาพสตรีทั้งหลายยังสวมนาฬิกาเป็นสร้อยคอนั้น พระนางได้ทรงมีพระราชดำริที่ล้ำนำสมัยมาก โดยทรงสั่งให้อับราฮัม-หลุยส์ เบร์เกต์ประดิษฐ์นาฬิกา เพื่อให้พระองค์สวมใส่ที่ข้อพระกร ปีนั้นคือปี 1810 และผู้ก่อตั้ง Breguet ก็ได้เริ่มต้นรังสรรค์เรือนเวลาที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน นั่นคือ นาฬิกาข้อมือเรือนแรกของโลก
จากการส่งมอบครั้งแรกในปี 1812 จนถึงการส่งซ่อมครั้งแรกในปี 1855 บันทึกข้อมูลของ Breguet ย้อนประวัติและคุณลักษณะต่างๆของเรือนเวลาเรือนนี้ ที่ต่อมาได้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ นาฬิกาทรงรีเรือนนี้ มาพร้อมหน้าปัดสีเงิน สลักลาย guilloché (กิลโยเช่) และประกอบด้วยกลไกมากมาย ได้แก่ ระบบ repeater รอบละ15 นาที, moonphase แสดงข้างขึ้นข้างแรม และฟังก์ชั่นแสดงอุณหภูมิ สายนาฬิกาทำจากเส้นผมผสานเส้นไหมทองคำ ที่ช่วยให้สามารถสวมใส่นาฬิกาขึ้นข้อมือได้อย่างงามสง่า
รุ่มรวยด้วยรายละเอียด
ในปัจจุบัน เรือนเวลาคอลเลคชั่น Reine de Naples รังสรรค์ขึ้นในโทนสีอ่อนๆหลากหลายสีสัน ก่อนหน้านี้มีทั้งสีชมพู, เทา, ขาว และล่าสุดมาในสีเขียวมินท์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง และเป็นสีเข้ากับข้อมือผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี
เรือนเวลาเวอร์ชั่นใหม่นี้มาในหน้าปัดมุก mother-of-pearl พร้อมขอบหน้าปัดประดับเพชรส่องประกายด้วยเทคนิค snow-setting หรือการฝังเพชรให้ครอบคลุมเต็มทั้งตัวเรือนโดยแทบจะไม่เห็นพื้นวัสดุตัวเรือนเลย ล้อมรอบด้วยหลักนาทีทรงกลมสีดำที่ดูกลมกลืนไปกับหน้าปัด แทรกด้วยสัญลักษณ์ต่างๆที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาพกที่อับราฮัม-หลุย์ เบรเกต์ประดิษฐ์ขึ้น ชั่วโมงและนาทีแสดงด้วยเข็มนาฬิกาสไตล์ open-tipped ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของเบรเกต์ เติมเต็มความงดงามด้วยเพชรทรงหยดน้ำประดับ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา
การเลือกใช้สีเขียวสองเฉดสำหรับทั้งตัวเลขและสีตัดขอบทำให้ตัวเลขอารบิกดูมีมิติ ตอกย้ำความเป็นเอกลักษณ์ด้วยหมายเลขตัวเรือนบนหน้าปัด ณ ตำแหน่งระหว่าง 11 และ 12 นาฬิกา ซึ่งการระบุหมายเลขเช่นนี้เป็นธรรมเนียมสืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยก่อตั้ง Breguet ในยุคแรกๆ ทำให้สามารถบันทึกประวัติของนาฬิกาแต่ละเรือนได้ ขอบหน้าปัดด้านในและขอบตัวเรือนประดับเพชร 117 เม็ด ให้หน้าปัดยิ่งส่งประกายงดงาม และเพื่อให้สมพระเกียรติพระราชินีผู้ยิ่งใหญ่ เม็ดมะยมยังประดับเพชรทรงหยดน้ำอีกด้วย นอกจากนี้ สายนาฬิกาหนังอัลลิเกเตอร์ยังมีตัวล็อคสายประดับเพชรทรงเหลี่ยมเกสรรวม 28 เม็ด
สุดยอดวิวัฒนาการอัจฉริยะที่เปี่ยมด้วยความประณีตงดงาม
ภายในตัวเรือนขนาด 35.6 x 28.45 มม. ประกอบด้วยกลไก 537/3 และชิ้นส่วน 191 ชิ้น กลไกขึ้นลานอัตโนมัติ สำรองพลังงานได้นาน 45 ชั่วโมง พร้อมด้วยบาลานซ์สปริง และเอสเคปเมนท์มาตรฐานสวิสทำจากซิลิคอน ซึ่งซิลิคอนเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติหลากหลาย นอกจากจะทนทานต่อการกัดกร่อนและการสวมใส่แล้ว ยังไม่ตอบสนองต่อสนามแม่เหล็กโลก ทำให้นาฬิกาขับเคลื่อนได้อย่างเที่ยงตรงมากขึ้น
แต่ละชิ้นส่วนของกลไกคาลิเบอร์ ทั้งที่มองเห็นหรือแม้ว่าจะมองไม่เห็น รังสรรค์ขึ้นอย่างประณีตด้วยมือทุกชิ้นตามขนบของ Breguet ด้านหลัง ตัวเรือนไวท์โกลด์ กรุคริสตัลแซฟไฟร์ เผยให้เห็น weight ทำจากแพลทินัม และกลไกที่สลักลวดลาย Côtes de Genève (โกท เดอ เฌอแนฟ) ที่ตกแต่งแบบลบเหลี่ยมและสกรู พร้อมสลักหมายเลขตัวเรือนกำกับบริเวณริมขอบสีทอง
21 พ.ย. 2567
23 พ.ย. 2567
22 พ.ย. 2567
23 พ.ย. 2567