ULYSSE NARDIN - Freak [S Nomad]

Last updated: 15 พ.ค. 2567  |  560 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ULYSSE NARDIN - Freak [S Nomad]

เมื่อลองสังเกตนาฬิกาชั้นสูงในปัจจุบัน เหล่าผู้ชื่นชอบไม่เคยเห็นรูปแบบใดที่มีความพิเศษขนาดนี้มาก่อน มาพร้อมความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และจินตนาการ: เผยด้านที่แปลกใหม่ของการผลิตนาฬิกาสวิส

การเปิดตัว Ulysse Nardin Freak ในปี 2001 ได้สร้างปรากฏการณ์ในอุตสาหกรรมนาฬิกา นี่คือผลงานที่กล้าแหกกฎเกณฑ์ดั้งเดิมทั้งหมด ไม่เพียงแต่ไม่มีเข็มนาฬิกา หน้าปัด หรือเม็ดมะยมเท่านั้น กลไกยังถูกสร้างขึ้นโดยเลือกใช้ไฮเทคซิลิคอน วัสดุอันล้ำสมัย มาช่วยแก้ไขปัญหาการเสียดสีของชิ้นส่วนประกอบ ซึ่งทุกรายละเอียดของนาฬิกา Freak สื่อความหมายชัดเจน แสดงออกถึงความกล้าหาญที่ท้าทาย

การเผชิญความเสี่ยง หลังจากช่วงสามทศวรรษที่การผลิตนาฬิกาจักรกลเงียบเหงา กลับถูกปลุกกระแสทำให้มาได้รับความสนใจอีกครั้ง การสร้างสรรค์ Freak ที่ไม่ธรรมดาและดูแปลกใหม่ทางด้านกลไกจะได้รับการยอมรับหรือไม่ จะมีใครต้องการไหม? กลายเป็นคำถามที่ถูกตั้งขึ้น

นาฬิกา Freak ทำให้เกิดพายุลูกใหม่ ที่มาปลุกกระแสการผลิตนาฬิการะดับไฮเอนด์ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดยสลัดรูปแบบดั้งเดิม มาพร้อมตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ทรงกลม หน้าปัดเคลือบลงยาและตกแต่งทูร์บิญอง พร้อมด้วยสุนทรียศาสตร์ที่แปลกใหม่และเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ถือเป็นการเล่าเรื่องเกี่ยวกับ The Freak ครั้งใหม่

ไม่มีหน้าปัด ไม่มีเข็ม ไม่มีเม็ดมะยม
ในช่วงสองทศวรรษนับตั้งแต่นั้นมา รูปแบบที่ไม่เหมือนใครของ Freak ทำให้กลายเป็นรุ่นเรือธงของ Ulysse Nardin ลักษณะที่แหกกฎของบริษัทอิสระที่มุ่งมั่นในการคิดค้นเชิงสร้างสรรค์และการพัฒนากลไก ตั้งแต่ปี 2001 ผู้ผลิตได้ยื่นจดสิทธิบัตรมากกว่า 20 ฉบับ และเมื่อปีที่ผ่านมา ผลงาน Freak One ได้รับรางวัล Iconic Watch Prize ในงาน Grand Prix d'Horlogerie de Genève อันทรงเกียรติ ในขณะเดียวกัน ชิ้นส่วนประกอบซิลิคอนได้กลายเป็นบรรทัดฐานของการผลิตกลไก ช่างนาฬิกาได้ทดลองใช้ชิ้นส่วนประกอบที่พิเศษ จึงทำให้ Freak มีเอกลักษณ์เหนือใคร

ในงาน Watches and Wonders Geneva 2024 ทาง Ulysse Nardin ได้มุ่งเน้นความสนใจไปที่นาฬิกา Freak S Nomad มาพร้อมโทนสีทราย ดั่งพายุทะเลทรายที่ก่อตัวขึ้น ผลงานที่ไม่มีหน้าปัด ไม่มีเข็ม และไม่มีเม็ดมะยม ให้ได้ทดลองสวมใส่บนข้อมือ อีกทั้งยังมีผลงานอีกหลายรุ่นที่จะนำเสนอในอนาคต

Freak S Nomad พิสูจน์ให้เห็นว่ายังคงไม่มีนาฬิกาใดที่จะเหมือนกับ Freak

THE FREAK TAKES OFF
ในงาน Watches and Wonders Geneva ในปีนี้ Ulysse Nardin ซึ่งเป็นแบรนด์ผลิตนาฬิกาอิสระและบูรณาการ ได้นำเสนอเรื่องราวของ Freak ครั้งใหม่ ผ่านผลงาน Freak S Nomad ที่ยังคงรูปแบบแปลกตา สะท้อนถึงจิตวิญญาณอันอิสระและภารกิจในการพัฒนาผลงานให้ก้าวข้ามขีดจำกัด กับจำนวนผลิตจำกัด 99 เรือน สะท้อนดีไซน์ที่ดูมีเอกลักษณ์ หากมองผ่านหน้าปัดแวบแรกจะชวนให้นึกถึงยานอวกาศที่น่าอัศจรรย์ 

รูปลักษณ์นั้นมาจากสถาปัตยกรรมของผลงานในตระกูล Freak S ผ่านกลไก Calibre UN-251 Manufacturing ซึ่งสามารถหมุนรอบแกน ประกอบด้วยออสซิเลเตอร์สองตัวที่มีบาลานซ์วีลซิลิคอนเอียงทำมุม 20 องศา (จึงดูเหมือนแท่นปล่อยจรวด) และเอสเคปเมนต์เคลือบด้วย DIAMonSIL ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเพิ่มความแม่นยำและความทนทานของกลไก สิ่งเหล่านี้เชื่อมโยงกันด้วยระบบดิฟเฟอเรนเชียลแนวตั้งที่ติดตั้งบนตลับลูกปืนทรงกลม การขึ้นลานอัตโนมัติที่ได้รับการดูแลผ่านระบบ Grinder® ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ของ Ulysse Nardin เพิ่มประสิทธิภาพเป็นสองเท่าของระบบอัตโนมัติแบบดั้งเดิม

สะพานจักรกลเคลือบด้วย PVD แอนทราไซต์ ในขณะที่ส่วนปลายทำหน้าที่เป็นเข็มนาที เคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนวา จึงเรืองแสงสีฟ้าอ่อนในที่มืด กลไกประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนทั้งหมด 373 ชิ้นและทับทิม 33 เม็ด

ตัวเรือนขนาด 45 มม. ตัวเครื่องหลักทำจากไทเทเนียม ขอบตัวเรือนไทเทเนียมเคลือบ PVD สีแอนทราไซต์ และขอบด้านข้างคาร์บอนไฟเบอร์ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมตัวเรือนนาฬิกา สายนาฬิกามีให้เลือกสองแบบ: สายยางแอนทราไซต์พิมพ์ลาย 'ballistic' และอีกสายทำจากหนังจระเข้สีแอนทราไซต์ด้านในบุด้วยหนังลูกวัวสีทราย

TURNING IT UP
FREAK S NOMAD มาพร้อมแผ่นดิสก์ชั่วโมงสลักลายกิโยเช่สะท้อนงานฝีมือชั้นสูง

Freak S Nomad งานดีไซน์ที่ผสมผสานเทคนิค ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความหลงใหลในการผลิตเครื่องบอกเวลาชั้นสูงของ Ulysse Nardin ศิลปะ métiers d’art ถ่ายทอดงานฝีมือและเทคนิคการตกแต่งที่หายาก ทุกองค์ประกอบใน Freak S Nomad แสดงให้เห็นถึงความงดงามผ่านดิสก์บอกเวลาที่อยู่ด้านหลังกลไก 'ยานอวกาศ' แบบหมุน

สะกดทุกสายตาด้วยลวดลายกิโยเช่เคลือบด้วย CVD สีทราย ซึ่งสื่อถึงเนินทรายที่มีสายลมพัดโชย ผลิตทีละชิ้นโดยช่างฝีมือผู้ชำนาญงาน ผ่านวิธีการอันอุตสาหะ ที่ต้องใช้เวลาหลายปีในการศึกษาและพัฒนาเพื่อสร้างความสมบูรณ์แบบ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับลวดลายแกะสลักในช่วงศตวรรษที่ 18 โดยแกะสลักด้วยมือทั้งหมด จึงไม่ต้องใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือเลเซอร์นำร่อง

หน้าปัดแต่ละชิ้นมีเส้นโค้งที่ตัดกันอย่างลงตัว โดยมีการแกะสลักอย่างต่อเนื่อง 240 ครั้งที่ใช้เวลาสามชั่วโมง เกิดลวดลายกิโยเช่อันงดงาม แน่ใจว่าทุกเส้นสายไร้รอยต่อ ช่างแกะสลักจึงไม่มีเวลาพักผ่อน ต้องจดจ่อใช้สมาธิ ทักษะ และความอดทนในการแกะสลัก

ทำไมต้องแกะสลักด้วยมือ? ด้วยเหตุผลสามประการ ประการแรกเนื่องจากความคลาสสิกและความงดงามในงานฝีมือ ถึงแม้เครื่องจักรสามารถทำงานได้เร็วขึ้น แต่ลดทอนอารมณ์ความรู้สึกและคุณค่าของงานฝีมือ ประการที่สอง เนื่องจากไม่มีเครื่องจักรเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงไม่เกิดการสั่นสะเทือน ทำให้ลายเส้นราบรื่นและแม่นยำที่สุด และสุดท้าย เนื่องจากแต่ละดิสก์ถูกสร้างขึ้นด้วยมือ จึงมีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร

การวางเคียงกันของงานศิลป์ที่ใช้เทคนิคการตกแต่งแบบดั้งเดิมกับกลไกที่ล้ำสมัยของ Freak S Nomad การผสมผสานวัสดุที่ล้ำยุค ถือเป็นสัญลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบของการผลิตนาฬิกาที่ไม่ธรรมดาของ Ulysse Nardin ซึ่งในครั้งนี้ได้หยั่งรากลึกในภูมิปัญญาการผลิตนาฬิกาสวิสที่ยังแสวงหาความแปลกใหม่และนวัตกรรมอย่างชาญฉลาด

ดังนี้ Freak S Nomad จึงให้คำจำกัดความไว้ว่า: Ulysse Nardin จิตวิญญาณแห่งการสำรวจอันไร้ขอบเขต

SPECIAL FREAK-TURES
ไม่มีหน้าปัด
ตามรูปแบบปกติ กลไกของนาฬิกาจะถูกซ่อนอยู่ใต้หน้าปัด แต่ Freak S Nomad ไม่มีหน้าปัด เผยให้เห็นกลไก Caliber UN-251 Manufacturing ในรูปแบบสามมิติ ภายใต้กระจกคริสตัลแซฟไฟร์

ไม่มีเข็ม
นาฬิกาอะนาล็อกส่วนใหญ่มีเข็มชั่วโมงและนาทีเพื่อแสดงค่าเวลา ส่วน Freak S Nomad ระบุเวลานาทีผ่านตัวชี้ที่ตั้งไว้ที่ปลายแกนกลไกที่หมุนโคจรภายในหนึ่งชั่วโมง (ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลไก) และบอกเวลาชั่วโมงผ่านตัวชี้ที่ตั้งไว้บนดิสก์หมุนที่อยู่ใต้กลไก

ไม่มีเม็ดมะยม
ส่วนใหญ่นาฬิกา Freak จะไม่มีเม็ดมะยม แต่ขอบตัวเรือนจะทำหน้าที่เชื่อมกับกลไกในการตั้งค่านาฬิกาแทน โดยเปิดใช้งานเมื่อยกตัวล็อคในตำแหน่ง 6 นาฬิกาขึ้น เพื่อปลดระบบการตั้งค่า

จักรกลขนาดเล็กสุดมหัศจรรย์
กลไกนี้ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของ Freak S Nomad ดั่งผลงานศิลปะแห่งเครื่องบอกเวลาสมัยใหม่ ประกอบด้วยออสซิลเลเตอร์คู่พร้อมบาลานซ์วีลซิลิคอนและเอสเคปเมนต์ที่เคลือบด้วย DIAMonSIL ซึ่งเป็นซิลิคอนเคลือบเพชรจากเทคโนโลยีขั้นสูงที่ให้ความแข็งแกร่งทนทานเป็นพิเศษ ทุกองค์ประกอบเชื่อมประสานกันด้วยดิฟเฟอเรนเชียลแนวตั้งเพื่อมอบความแม่นยำในการบอกค่าเวลาที่เหนือกว่าใคร ระบบขึ้นลานอัตโนมัติ Grinder® ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรโดย Ulysse Nardin สร้างพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าระบบขึ้นลานทั่วไปถึงสองเท่า สามารถสำรองพลังงานได้นาน 72 ชั่วโมง

วัสดุที่ไม่เหมือนใคร
Freak S Nomad ตัวเรือนและตัวล็อคไทเทเนียมจึงมีน้ำหนักเบา รวมถึงขอบตัวเรือนไทเทเนียมเคลือบ PVD สีแอนทราไซต์ ด้านข้างตัวเรือนทำด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ซึ่งเชื่อมแต่ละส่วนประกอบของตัวเรือนเข้าไว้ด้วยกัน

แผ่นดิสก์หมุน
ดิสก์ชั่วโมงที่หมุนอยู่ด้านหลังกลไกของนาฬิกา Freak S Nomad ได้รับการขัดและแกะสลักลายกิโยเช่ด้วยมืออย่างบรรจง เคลือบด้วย CVD สีทราย เกิดลายแกะสลักแห่งศตวรรษที่ 18 โดยฝีมือของช่างผู้ชำนาญงาน ต้องใช้เวลาสามชั่วโมงในการผลิตด้วยความอุตสาหะและต้องใช้ทักษะอย่างสูง

มหัศจรรย์แห่งแสง
มาตรแสดงเวลาชั่วโมงและนาทีเคลือบด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์ลูมิโนวา จึงเรืองแสงสีน้ำเงินในพื้นที่ที่มีแสงน้อย

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้