Last updated: 24 ม.ค. 2568 | 897 จำนวนผู้เข้าชม |
Hublot (อูโบลท์) แบรนด์ชั้นนำทางด้านความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมในการผลิตเครื่องบอกเวลา ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับโลกแห่งนาฬิกา เมื่อได้เปิดตัว Big Bang MECA-10 (บิ๊ก แบง เมกา-10) เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2016 ด้วยดีไซน์กลไกที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร และในวันนี้ เกือบหนึ่งทศวรรษผ่านมา ทาง Hublot ได้นำ MECA-10 กลับมาอีกครั้ง ด้วยการพัฒนากลไกให้เพิ่มประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นในตัวเรือนขนาด 42 มม. ที่ผลิตจากวัสดุสุดพิเศษ อย่าง King Gold, Titanium และ Frosted Carbon
Hublot ได้สร้างนิยามใหม่ในกระบวนความคิดสร้างสรรค์ ด้วยการตีความของกลไกนาฬิกาในมุมมองอันล้ำสมัย โดย MECA-10 ได้ก้าวข้ามข้อจำกัดของหน้าปัดนาฬิกาในแบบดั้งเดิม โดยเผยให้เห็นกลไกอันสลับซับซ้อนที่ซ่อนไว้ภายใน พร้อมยกระดับความงามให้กลายเป็นงานศิลป์ที่น่าจับตามอง ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโครงสร้างแบบ Meccano ทำให้ MECA-10 กลายเป็นผลงานชิ้นเอกที่
สะท้อนความเชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมกลไกระดับจุลภาค (Micromechanical Engineering) อีกทั้งยังถ่ายทอดวิสัยทัศน์อันสร้างสรรค์ในการรับรู้ถึงกลไกและการเคลื่อนไหวของเวลาได้อย่างลึกซึ้ง ด้วยการประกอบแต่ละชิ้นส่วนอย่างบรรจง Big Bang MECA-10 เต็มไปด้วยรายละเอียดที่น่าค้นหาในทุกมิติ ทุกองค์ประกอบถูกเชื่อมโยงอย่างผสมผสาน เกิดเป็นท่วงทำนองแห่งการเคลื่อนไหวที่มีชีวิตชีวาและน่าตื่นตาตื่นใจ
Big Bang MECA-10 รุ่นต้นฉบับ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2016 และได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการนาฬิกาด้วยรูปแบบอันมีเอกลักษณ์ โดยมีแผ่นฐานวงแหวนที่เชื่อมต่อกับสะพานจักร สร้างผลลัพธ์ของการออกแบบที่สะกดสายตาด้วยโครงสร้างที่แข็งแกร่ง ซึ่งในครั้งนี้ Hublot ได้กลับมาพัฒนาโครงสร้างกลไกไขลานด้วยมือแบบสเกเลตันในรูปแบบที่เปิดกว้างและดูกลมกลืนยิ่งขึ้น แต่ยังคงรักษาจุดเด่นของดีไซน์ดั้งเดิมไว้อย่างครบครัน พร้อมการตกแต่งและขัดแต่งที่พิถีพิถันยิ่งขึ้น สำหรับทีมวิศวกรและช่างผลิตนาฬิกาของ Hublot ความท้าทายคือการรักษาเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ MECA-10 ไว้ทั้งหมด ในขณะเดียวกันก็ลดขนาดของกลไกให้เหมาะสมกับตัวเรือน Big Bang ขนาด 42 มม. โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพในการทำงาน
MECA-10 รุ่นใหม่ที่ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงใหม่นี้ มาพร้อมกับสะพานจักรแบบเส้นตรง 3 ส่วน ที่เชื่อมต่อกับแผ่นฐานหลัก ซึ่งแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด ด้วยการพัฒนาหลากหลายส่วน สะพานจักรได้รับการตกแต่งด้วยพื้นผิวแบบขัดซาตินและขอบที่ขัดเงาด้วยมือ เพิ่มความประณีตให้กับงานศิลปะของการผลิตนาฬิกาชั้นสูง (haute horlogerie) ในกลไกที่ล้ำสมัยและโดดเด่นไม่เหมือนใคร สำหรับทั้ง 3 รุ่น ซึ่งประกอบไปด้วยตัวเรือน King Gold, Titanium และ Frosted Carbon กลไกของนาฬิกาจะถูกแต่งสีด้วยกระบวนการชุบกัลวานิกให้เข้ากับตัวเรือน โดยแต่ละรุ่นมาพร้อมสีทอง 5N สีเทาเมทัลลิก และสีดำตามลำดับ
สมกับชื่อ Big Bang MECA-10 มาพร้อมพลังงานสำรองอันน่าทึ่งถึง 10 วัน สิ่งที่ทำให้นาฬิการุ่นนี้โดดเด่นคือฟังก์ชั่นการแสดงค่าพลังงานสำรองซึ่งแสดงผลโดยเมนสปริงบาร์เรลคู่ โดยระดับพลังงานของกลไกจะถูกแสดงผ่านจอแสดงผลดิจิตอลที่แสดงจำนวนวันที่เหลือของการสำรองพลังงาน ตัวบ่งชี้นี้ขับเคลื่อนโดยระบบ cremaillère (ครามายเยร์) ที่หายากในนาฬิกากลไก ซึ่งประกอบด้วย linear gear ที่เชื่อมต่อกับ circular gear และเคลื่อนที่ในแนวตรง หากสังเกตอย่างละเอียดจะเห็นได้ว่าระบบกลไกนี้สลับซับซ้อนมากกว่าที่คิด ประกอบด้วยดิสก์สองส่วนที่หมุนในทิศทางตรงข้ามและเชื่อมต่อกันด้วยสปริงเกลียวที่พันรอบศูนย์กลางของดิสก์เหล่านั้น ซึ่งทำงานคล้ายกับสปริงของบาร์เรล สิ่งนี้ทำให้การแสดงค่าแบบต่างๆ เกิดขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถอ่านค่าได้อย่างง่ายดาย แท้จริงแล้ว การสำรองพลังงานของ MECA-10 นั้นสามารถเกิน 10 วันได้ แต่การแสดงผลถูกจำกัดไว้ที่ 10 วัน เพราะเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการทำงานที่จะมีความแม่นยำสูงสุด ซึ่งกลไกไขลานด้วยมือแบบใหม่และมีความคิดริเริ่มนี้นั้นเป็นการเชื่อมต่อที่สมบูรณ์แบบระหว่างการแสดงระดับพลังงานสำรองและระดับการขึ้นลานที่เหมาะสมของบาร์เรลสปริง
บาลานซ์วีลถูกวางไว้อยู่ทางด้านหน้าปัดของกลไกทำให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่เพียงแต่เพิ่มความเคลื่อนไหวอันต่อเนื่องให้กับการแสดงเวลา แต่ไฮไลท์ให้เห็นถึงกลไกอันเป็นเอกลักษณ์ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ Hublot ที่มาพร้อมกับเอสเครปวีลซึ่งผลิตจากซิลิคอนที่ปราศจากสารหล่อลื่นและไม่ไวต่อสนามแม่เหล็ก เพื่อความแม่นยำในการตั้งเวลา Big Bang MECA-10 รุ่นใหม่นี้ยังมาพร้อมกับกลไกหยุดเข็มวินาที (hacking seconds) ที่ช่วยให้การปรับเวลามีความแม่นยำยิ่งขึ้น
Big Bang MECA-10 มาพร้อมตัวเรือนขนาด 42 มม. ถูกออกแบบให้มีสัดส่วนที่ลงตัวและเข้ากับข้อมือยิ่งขึ้น แต่ยังคงรักษาลักษณะอันคุ้นตาของนาฬิการุ่นนี้ไว้อย่างครบถ้วน ในรุ่น King Gold และ Titanium มาพร้อมกับงานตกแต่งที่เป็นเอกลักษณ์ของ Big Bang ด้วยพื้นผิวแบบขัดซาตินและขอบที่ขัดเงาอย่างประณีต ส่วนรุ่น Frosted Carbon ถือเป็นครั้งแรกในตระกูล Big Bang ที่เลือกใช้วัสดุนี้ โดดเด่นด้วยสายรัดข้อมือ Velcro สีดำที่ออกแบบมาเพื่อเสริมคุณสมบัติของตัวเรือนที่มีน้ำหนักเบาแต่ทนทาน สำหรับ Frosted Carbon จะแตกต่างจากแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์แบบเลเยอร์ทั่วไปเพราะไม่มีลวดลายตายตัว ทำให้แต่ละชิ้นมีเอกลักษณ์ในรูปลักษณ์เฉพาะตัว นอกจากนี้ Big Bang MECA-10 ขนาด 42 มม. ยังมาพร้อมกับสายระบบ “One Click” อันชาญฉลาดของ Hublot ที่ติดตั้งอยู่บนตัวเรือน ช่วยทำให้สามารถเปลี่ยนสายได้อย่างง่ายดาย
HUBLOT
Hublot (อูโบลท์) แบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาสวิส ที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1980 และมีฐานการผลิตอยู่ในเมือง Nyon (นียง) นับจากผลงานนาฬิการุ่นแรกของแบรนด์ บริษัทได้ลบล้างหลักการพื้นฐานของการประดิษฐ์นาฬิกา โดยเลือกผสมผสานตัวเรือนทองเข้ากับสายยาง พร้อมด้วยงานออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจมาจากช่องอากาศวงกลมของเรือ (หรือ hublot ในภาษาฝรั่งเศส) อันเป็นที่มาของ Art of Fusion (ศิลปะแห่งการผสมผสาน) ที่ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยการผสมผสานของประเพณี นวัตกรรม งานฝีมือในเชิงศิลป์ และพรสวรรค์ด้านต่างๆ ที่หล่อหลอมกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งสุนทรียะความสวยงามและความโดดเด่นทางเทคนิคของแบรนด์
เอกลักษณ์เฉพาะนี้ยังได้ถูกเสริมความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในปี ค.ศ. 2005 เมื่อนาฬิกา Big Bang (บิ๊ก แบง) ได้พิสูจน์ถึงองค์ความรู้อันมิอาจเทียบเคียงได้ในแง่ของความสลับซับซ้อน กลไกซึ่งผลิตภายในโรงงานของตนเอง และวัสดุอันล้ำสมัย ทั้ง คาร์บอน, ไทเทเนียม, เซรามิก และแซฟไฟร์ ที่ได้รับการพัฒนาบนนาฬิการุ่นนี้สู่ความเป็นที่สุดทางเทคนิค
การบรรลุถึงคุณภาพระดับสูงอันน่าทึ่งที่นำมาใช้ในการประดิษฐ์รังสรรค์นาฬิกานี้ได้หล่อหลอมภายใต้ปรัชญาอันแน่วแน่ของแบรนด์ นั่นคือ ‘Be First, Unique and Different’ (‘เป็นที่หนึ่ง มีเอกลักษณ์ และแตกต่าง’) และนำไปสู่การสร้างสรรค์คอลเลกชันอื่นๆ อย่างต่อเนื่องด้วยนวัตกรรมการออกแบบมากมาย ทั้งใน Classic Fusion (คลาสสิค ฟิวชั่น), Shape Collection (Spirit of Big Bang (สปิริต ออฟ บิ๊ก แบง), Square Bang (สแควร์ แบง)) และ Manufacture Pieces (แมนูแฟคเจอร์ พีซ) โดยผลงานเหล่านี้ได้ดึงระดับแห่งงานฝีมือขั้นสูงมาใช้ ทั้งในแง่ของวัสดุอันเป็นที่รักยิ่งของ Hublot (อาทิ Magic Gold (เมจิก โกลด์), เซรามิกสีสดใส และแซฟไฟร์) ตลอดจนกลไกที่ผลิตขึ้นภายในโรงงานของตนเอง (เช่น กลไกโครโนกราฟ Unico (ยูนิโค), Meca-10 (เมกา-10) และกลไกระดับแกรนด์คอมพลิเคชั่นอีกมากมาย อาทิ Tourbillon (ทูร์บิญอง), Cathedral Minute Repeater (คาธีดรัล มินิท รีพีทเตอร์) รวมถึงกลไกที่ผลิตขึ้นเฉพาะสำหรับ Manufacture Pieces)
โลกของ Hublot ยังขยายสู่หลากหลายความร่วมมืออันเปี่ยมด้วยพลัง ซึ่งรวมไปถึงโลกแห่งฟุตบอล ด้วย ‘Hublot Loves Football’ (‘อูโบลท์รักฟุตบอล’) ที่กลายเป็นสโลแกน ณ การแข่งขันกีฬาอันยิ่งใหญ่สูงสุดระดับโลก (เช่น FIFA World CupTM (ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ), Premier League (พรีเมียร์ ลีก), UEFA Champions LeagueTM (ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก), UEFA EUROTM (ยูฟ่า ยูโร)) รวมถึงผ่านเหล่าแอมบาสซาเดอร์ของแบรนด์ ความรักต่อฟุตบอลนี้ยังขยายต่อเนื่องไปยังสาขาแห่งศิลปะ, งานออกแบบ, ดนตรี, กีฬา, สไตล์แห่งอาหารไฟน์ไดนิ่งและการแล่นเรือ ท้ายสุด กับความสัมพันธ์ของ Hublot ภายในโครงการความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ ทั้งร่วมกับ SORAI (โซไร) และ Polar Pod (โพลาร์ พอด) ที่ล้วนสะท้อนถึงความเอาใจใส่ในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมของวันนี้
เครือข่ายบูติกมากกว่า 140 แห่งทั่วโลกของ Hublot ล้วนมีความมุ่งมั่นอันแรงกล้าและแบ่งปันคุณค่าเดียวกัน รวมถึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Hublot.com
23 เม.ย 2568
24 เม.ย 2568
22 เม.ย 2568
22 เม.ย 2568