Last updated: 24 ม.ค. 2568 | 415 จำนวนผู้เข้าชม |
Hublot (อูโบลท์) ผู้นำทางด้านนวัตกรรมวัสดุศาสตร์อันล้ำสมัย กับห้องปฏิบัติการทางด้านวัสดุและโลหะวิทยาของตัวเองที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตวัสดุโปร่งใส เช่น คริสตัล แซฟไฟร์ มีความมุ่งมั่นในการค้นคว้าหาความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ อยู่เสมอ Hublot จึงถือเป็นนาฬิกาแบรนด์แรกและแบรนด์เดียวที่ใช้วัสดุ SAXEM ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับแซฟไฟร์แต่มีคุณสมบัติที่ให้ความสว่างมากกว่าและมีความเป็นไปได้ทางด้านสีสันที่หลากหลาย ครั้งนี้ทางแบรนด์จึงได้นำเสนอนาฬิกา Big Bang Tourbillon Automatic Green SAXEM (บิ๊ก แบง ทูร์บิญอง ออโตเมติก กรีน ซาเซ็ม) ซึ่งผสมผสานตัวเรือนโปร่งใสสีเขียวมรกตเข้ากับกลไกทูร์บิญองไขลานอัตโนมัติ โดยผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 18 เรือนเท่านั้น
หลังจากที่ Hublot มีความชำนาญทางด้านเทคนิคการผลิตนาฬิกาของเราแล้ว - ทั้งในส่วนของตัวเรือนและชิ้นส่วนประกอบของกลไก – ภายใต้ตัวเรือนคริสตัล แซฟไฟร์หลากหลายสีสัน แต่ข้อจำกัดในเรื่องของเฉดสีและความเข้มข้นของสียังคงมีอยู่ เพื่อสร้างวัสดุโปร่งใสสีเขียวมรกต ทาง Hublot และทีมนักวิจัยและนักโลหะวิทยาจึงต้องมองหาทางเลือกใหม่ ซึ่งคำตอบที่ได้มาจากสิ่งที่ห่างไกลจากวงการนาฬิกาในรูปแบบของ SAXEM (Sapphire Aluminium oXide and rare Earth Mineral) วัสดุที่ถูกพัฒนาขึ้นสำหรับเทคโนโลยีดาวเทียม แม้ว่าแร่ธาตุนี้จะมีคุณสมบัติเหมือนกับแซฟไฟร์หลายประการ เช่น ความแข็งแกร่ง และความโปร่งใส แต่ SAXEM กลับมีความแตกต่างในระดับโมเลกุล แม้ว่าทั้งสองแร่ธาตุจะทำจากอลูมิเนียม ออกไซด์ แต่ SAXEM ได้รวมเอาธาตุหา
ยากเข้าไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ยังแตกต่างในแง่ของโครงสร้าง เนื่องจากแซฟไฟร์มีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม (สามด้าน) ในขณะที่ SAXEM เป็นรูปสี่เหลี่ยม (สี่ด้าน) ความแตกต่างนี้กลายเป็นจุดสำคัญทำให้ SAXEM สามารถแสดงสีสันที่เข้มข้นและเปล่งประกายได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนกับอัญมณีล้ำค่า
ภายในตัวเรือน SAXEM สีเขียวสดและโปร่งแสงคือกลไกทูร์บิญองไขลานอัตโนมัติ HUB6035 ซึ่งพัฒนาและผลิตขึ้นภายในโรงงานของ Hublot ทั้งหมด เป็นกลไกที่มีสถาปัตยกรรมการออกแบบที่ทันสมัย โดยมีไมโครโรเตอร์ทองคำ 22 กะรัตที่วางอยู่ด้านหน้าของกลไก การขึ้นลานสามารถทำได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพด้วยลูกปืนเซรามิก ช่วยให้กลไกสามารถกักเก็บพลังงานได้นานไม่น้อยกว่า 72 ชั่วโมง เพื่อการออกแบบในแบบเปิดและเผยให้เห็นการขับเคลื่อนของกลไก ไมโครโรเตอร์ถูกจัดวางไว้ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา เสริมด้วยกรงทูร์บิญองซึ่งหมุนครบรอบทุกๆ 60 วินาทีที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ความโปร่งของการออกแบบถูกเน้นย้ำด้วยองค์ประกอบแซฟไฟร์ที่ใช้งานได้จริงสามชิ้นสำหรับสะพานบาร์เรล, สะพานเกียร์ขึ้นลาน และบาเร็ตต์ทูร์บิญอง สำหรับนาฬิกา Big Bang Tourbillon Automatic Green SAXEM หน้าปัดได้รับการปรับให้มีสีเข้มขึ้นเล็กน้อยโดยเฉพาะ
กลไกภายในได้รับการตกแต่งในโทนสีดำสามารถมองเห็นได้ผ่านหน้าปัดโปร่งใส เพิ่มความตัดกันได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นกับตัวเรือน SAXEM และเข้ากันกับเม็ดมะยม อีกทั้งยังช่วยให้พื้นหน้าปัดอ่านค่าเวลาได้ง่ายขึ้นด้วยตัวเลขอารบิกและเครื่องหมายทรงแท่งที่วางสลับกันตามแบบฉบับของนาฬิกา Big Bang ที่ถูกทาด้วยสีเขียวพร้อมเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova เช่นเดียวกับเข็มนาฬิกา การผสมผสานระหว่างการขัดทรายและการขัดเงาด้วยมือแบบซันเรย์ที่ขอบช่วยยกระดับการผลิตนาฬิกาที่ทันสมัยและมีเอกลักษณ์นี้ให้กลายเป็นผลงานการสร้างสรรค์นาฬิกาชั้นสูงอย่างแท้จริง เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์แบบให้กับดีไซน์ที่เข้ากับตัวเรือนนาฬิกา Big Bang Tourbillon Automatic Green SAXEM จึงมาพร้อมกับสายที่มีให้เลือกสวมใส่ 3 แบบ ได้แก่ สายยางสีดำ สายยางโปร่งใสสีเขียว และสายผ้าเวลโคสีดำ
นาฬิกา Big Bang Tourbillon Automatic Green SAXEM ผลิตจำนวนจำกัด 18 เรือน โดยสามารถหาซื้อได้ที่บูติก Hublot และตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต
HUBLOT
Hublot (อูโบลท์) แบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาสวิส ที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1980 และมีฐานการผลิตอยู่ในเมือง Nyon (นียง) นับจากผลงานนาฬิการุ่นแรกของแบรนด์ บริษัทได้ลบล้างหลักการพื้นฐานของการประดิษฐ์นาฬิกา โดยเลือกผสมผสานตัวเรือนทองเข้ากับสายยาง พร้อมด้วยงานออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจมาจากช่องอากาศวงกลมของเรือ (หรือ hublot ในภาษาฝรั่งเศส) อันเป็นที่มาของ Art of Fusion (ศิลปะแห่งการผสมผสาน) ที่ได้ถือกำเนิดขึ้น โดยการผสมผสานของประเพณี นวัตกรรม งานฝีมือในเชิงศิลป์ และพรสวรรค์ด้านต่างๆ ที่หล่อหลอมกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งสุนทรียะความสวยงามและความโดดเด่นทางเทคนิคของแบรนด์
เอกลักษณ์เฉพาะนี้ยังได้ถูกเสริมความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในปี ค.ศ. 2005 เมื่อนาฬิกา Big Bang (บิ๊ก แบง) ได้พิสูจน์ถึงองค์ความรู้อันมิอาจเทียบเคียงได้ในแง่ของความสลับซับซ้อน กลไกซึ่งผลิตภายในโรงงานของตนเอง และวัสดุอันล้ำสมัย ทั้ง คาร์บอน, ไทเทเนียม, เซรามิก และแซฟไฟร์ ที่ได้รับการพัฒนาบนนาฬิการุ่นนี้สู่ความเป็นที่สุดทางเทคนิค
การบรรลุถึงคุณภาพระดับสูงอันน่าทึ่งที่นำมาใช้ในการประดิษฐ์รังสรรค์นาฬิกานี้ได้หล่อหลอมภายใต้ปรัชญาอันแน่วแน่ของแบรนด์ นั่นคือ ‘Be First, Unique and Different’ (‘เป็นที่หนึ่ง มีเอกลักษณ์ และแตกต่าง’) และนำไปสู่การสร้างสรรค์คอลเลกชันอื่นๆ อย่างต่อเนื่องด้วยนวัตกรรมการออกแบบมากมาย ทั้งใน Classic Fusion (คลาสสิค ฟิวชั่น), Shape Collection (Spirit of Big Bang (สปิริต ออฟ บิ๊ก แบง), Square Bang (สแควร์ แบง)) และ Manufacture Pieces (แมนูแฟคเจอร์ พีซ) โดยผลงานเหล่านี้ได้ดึงระดับแห่งงานฝีมือขั้นสูงมาใช้ ทั้งในแง่ของวัสดุอันเป็นที่รักยิ่งของ Hublot (อาทิ Magic Gold (เมจิก โกลด์), เซรามิกสีสดใส และแซฟไฟร์) ตลอดจนกลไกที่ผลิตขึ้นภายในโรงงานของตนเอง (เช่น กลไกโครโนกราฟ Unico (ยูนิโค), Meca-10 (เมกา-10) และกลไกระดับแกรนด์คอมพลิเคชั่นอีกมากมาย อาทิ Tourbillon (ทูร์บิญอง), Cathedral Minute Repeater (คาธีดรัล มินิท รีพีทเตอร์) รวมถึงกลไกที่ผลิตขึ้นเฉพาะสำหรับ Manufacture Pieces)
โลกของ Hublot ยังขยายสู่หลากหลายความร่วมมืออันเปี่ยมด้วยพลัง ซึ่งรวมไปถึงโลกแห่งฟุตบอล ด้วย ‘Hublot Loves Football’ (‘อูโบลท์รักฟุตบอล’) ที่กลายเป็นสโลแกน ณ การแข่งขันกีฬาอันยิ่งใหญ่สูงสุดระดับโลก (เช่น FIFA World CupTM (ฟีฟ่า เวิลด์ คัพ), Premier League (พรีเมียร์ ลีก), UEFA Champions LeagueTM (ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก), UEFA EUROTM (ยูฟ่า ยูโร)) รวมถึงผ่านเหล่าแอมบาสซาเดอร์ของแบรนด์ ความรักต่อฟุตบอลนี้ยังขยายต่อเนื่องไปยังสาขาแห่งศิลปะ, งานออกแบบ, ดนตรี, กีฬา, สไตล์แห่งอาหารไฟน์ไดนิ่งและการแล่นเรือ ท้ายสุด กับความสัมพันธ์ของ Hublot ภายในโครงการความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ ทั้งร่วมกับ SORAI (โซไร) และ Polar Pod (โพลาร์ พอด) ที่ล้วนสะท้อนถึงความเอาใจใส่ในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมของวันนี้
เครือข่ายบูติกมากกว่า 140 แห่งทั่วโลกของ Hublot ล้วนมีความมุ่งมั่นอันแรงกล้าและแบ่งปันคุณค่าเดียวกัน รวมถึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ Hublot.com
13 เม.ย 2568
13 เม.ย 2568