Last updated: 3 ก.พ. 2568 | 455 จำนวนผู้เข้าชม |
หน้าปัดสีเขียวเข้มชวนให้นึกถึงภาพและเสียงของ Rikka ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ 7 จาก 24 ฤดูกาลของญี่ปุ่น เมื่อฤดูใบไม้ผลิผ่านไป อุณหภูมิจากแสงแดดที่ค่อย ๆ อุ่นขึ้นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฤดูร้อนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว พืชพรรณอันเขียวขจีในญี่ปุ่นที่เจริญเติบโต พลิ้วไหวไปมาอย่างสง่างามท่ามกลางสายลมต้นฤดูร้อน
นี่คือการตีความใหม่ของ 62GS ผลงานอันมีชื่อเสียงจากปี 1967 ขอบที่คมชัดและพื้นผิวเงาราวกับกระจกที่ปราศจากความผิดเพี้ยน ซึ่งมีเพียงเทคนิคขัดเงาแบบ Zaratsu (ซารัสซึ) เท่านั้นที่จะสร้างสรรค์ได้ หน้าปัดที่กว้างด้วยโครงสร้างแบบไร้ขอบตัวเรือนทำให้ 62GS มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเมื่อสวมใส่บนข้อมือ
ตัวเครื่องขับเคลื่อนด้วยกลไก Hi-Beat Calibre 9S85 ซึ่งเป็นผลงานที่ประกอบขึ้นโดยช่างบรุษและสตรีที่มีทักษะของสตูดิโอนาฬิกา Grand Seiko Studio Shizukuishi สีเขียวสดใสบนหน้าปัดชวนให้นึกถึงสายลมอันอ่อนโยนที่พัดผ่านทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่มใกล้กับสตูดิโอ ส่วนโลโก้ GS และเข็มวินาทีสีทองเมื่อรวมกันตัดกับพื้นหลังสีเขียวของหน้าปัดได้อย่างลงตัว
ตัวเรือนและสายที่ทำจาก Ever-Brilliant Steel
ตัวเรือนและสายทำจาก Ever-Brilliant Steel ที่มีฤทธิ์ต้านการกัดกร่อนสูง ซึ่งเป็นโลหะผสมสแตนเลสสตีลที่มีค่า PREN (Pitting Resistance Equivalent Number) สูงกว่าเกรดโลหะที่ใช้ในนาฬิการะดับไฮเอนด์ส่วนใหญ่ถึง 1.7 เท่า
Caliber 9S85
กลไกจักรกลความถี่สูงคาลิเบอร์นี้ ได้รับการพัฒนาขึ้นด้วยการหวนกลับไปคิดค้นชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่เป็นพื้นฐานแห่งความแม่นยำในการทำงานของนาฬิกาขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ได้มาซึ่งแรงบิดในระดับที่เพียงพอต่อการรักษาอัตราการแกว่งระดับสูงของจักรกลอก และให้พลังงานสำรองที่เพียงพอต่อการใช้งานนาฬิกาถึงประมาณ 55 ชั่วโมง เมื่อลานถูกขึ้นจนเต็ม
หน้าปัดนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากท้องฟ้ายามค่ำคืนอันสดใสในช่วงชูบุนของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ 16 จากเซกกิที่ 24 อยู่ในช่วงเวลาของฤดูใบไม้ร่วงที่กลางวันเท่ากับกลางคืน โดยมีโลโก้ Grand Seiko และเข็มวินาทีสีทองโดดตัดกับหน้าปัดสีน้ำเงินเข้มโด่ดเด่นโดดเด่นสะดุดตา สะท้อนถึงแสงดวงจันทร์และดวงดาวที่สว่างไสวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน
นี่คือการตีความใหม่สมัยใหม่ของ 62GS อันโด่งดังจากปี 1967 ซึ่งมีเหลี่ยมมุมที่ตัดเจียรคมกริบอันเป็นเอกลักษณ์พร้อมพื้นผิวที่สมบูรณ์แบบ ปราศจากการบิดเบี้ยวของเงาสะท้อนที่เกิดจากการขัดเงาแบบ Zaratsu เท่านั้น หน้าปัดนาฬิกาออกแบบให้ดูกว้างซึ่งเกิดจากโครงสร้างแบบไร้ขอบ ทำให้ 62GS มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นบนข้อมือ
ตัวเรือนขับเคลื่อนด้วย Caliber 9S85 Automatic Hi-Beat ซึ่งประกอบด้วยมือโดยช่างฝีมือและสตรีผู้มีทักษะของ Grand Seiko Studio Shizukuishi
ตัวเรือนและสายนาฬิกาทำจาก เอเวอร์-บริลเลียนท์ สตีล ซึ่งเป็นโลหะผสมสแตนเลสที่มีคุณสมบัติป้องกันการกัดกร่อนได้สูง โดยมีค่า PREN (Pitting Resistance Equivalent Number) สูงกว่าเกรดเหล็กที่ใช้ในนาฬิการะดับไฮเอนด์ส่วนใหญ่ถึง 1.7 เท่า
กลไกความถี่สูงนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยจากชิ้นส่วนต่างๆ ที่เป็นรากฐานของความแม่นยำของนาฬิกา โดยให้แรงบิดในระดับที่จำเป็นเพื่อรักษาอัตราการแกว่งที่สูง และให้พลังสำรองใช้งานได้จริงประมาณ 55 ชั่วโมงเมื่อไขลานเต็มที่
18 เม.ย 2568
18 เม.ย 2568
18 เม.ย 2568
17 เม.ย 2568