TAG HEUER Official Timekeeper

Last updated: 15 มี.ค. 2568  |  146 จำนวนผู้เข้าชม  | 

TAG HEUER Official Timekeeper

เมลเบิร์น, ออสเตรเลีย – 13 มีนาคม 2025 – การแข่งขัน FORMULA 1 LOUIS VUITTON AUSTRALIAN GRAND PRIX 2025 พร้อมส่งมอบความตื่นเต้นเร้าใจให้กับแฟนๆ ทั่วโลก และ TAG Heuer แบรนด์นาฬิกาหรูจากสวิตเซอร์แลนด์ก็เป็นใจกลางของทุกวินาทีสำคัญในฐานะ Official Timekeeper ของ Formula 1® ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้เป็นมากกว่าบทบาทในการบอกเวลา แต่เป็นการตอกย้ำถึงความแม่นยำ นวัตกรรม และจิตวิญญาณแห่งมอเตอร์สปอร์ต ที่ฝังลึกอยู่ใน DNA ของ TAG Heuer พร้อมเฉลิมฉลองมรดกทางการบอกเวลาที่ผูกพันกับการแข่งขันระดับตำนานแห่งนี้

Formula 1 ในสายเลือดของ TAG Heuer
ในปี 1969 แบรนด์ Heuer ได้สร้างประวัติศาสตร์ในฐานะ แบรนด์นาฬิกาหรูรายแรกที่สนับสนุนนักแข่ง F1 โดยร่วมมือกับ Jo Siffert นักแข่งชาวสวิสในตำนานและในปี 1971 Heuer ได้ก้าวสู่การเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีจับเวลาสำหรับทีมแข่ง Scuderia Ferrari ด้วย Le Mans Centigraph ซึ่งช่วยบันทึกทุกวินาทีที่นำไปสู่ชัยชนะของทีมเฟอร์รารีในยุคนั้น

ในช่วงปี 1980s แบรนด์ได้เข้าสู่ยุคทองยุคใหม่ หลังจากถูกซื้อกิจการโดย TAG Group ซึ่งเป็นเจ้าของทีม McLaren Formula 1 และทำให้แบรนด์เป็นหัวใจสำคัญของวงการมอเตอร์สปอร์ต ด้วยการครองแชมป์ World Constructors’ Championships และ World Drivers’ Champions ซึ่งรวมถึง Alain Prost และ Ayrton Senna หนึ่งในนักแข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งเมื่อกล่าวถึง Ayrton Senna แล้ว ก็สามารถกล่าวได้ว่าเขาเป็นนักแข่งที่เป็นตำนานที่สุดในยุคนั้น โดยเขาได้มีความใกล้ชิดกับแบรนด์ตลอดมา ซึ่งเขาได้สวมนาฬิกาของ TAG Heuer ทั้งในและนอกสนาม


TAG Heuer เคยดำรงตำแหน่ง Official Timekeeper ของ Formula 1 ตั้งแต่ปี 1992 ถึง 2003 และกลับมาอีกครั้งในปี 2016 ด้วยความร่วมมือกับ Oracle Red Bull Racing คว้าแชมป์โลกนักแข่ง 4 สมัยกับ Max Verstappen สุดยอดนักขับแห่งยุค และในปี 2025 นี้ การกลับมาเป็น Official Timekeeper ของ Formula 1 อีกครั้ง จะถือเป็นการเปิดฉากบทใหม่ของ TAG Heuer และตอกย้ำความสัมพันธ์อันยาวนานกับวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก

ทุกสายตาจะจับจ้องไปที่ Pitlane Clocks ศูนย์กลางความแม่นยำแห่งสนาม
หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของ TAG Heuer ในการแข่งขัน Formula 1 Louis Vuitton Australian Grand Prix 2025 คือนาฬิกาบนเส้นพิทเลน ซึ่งเป็นนาฬิกาที่ได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับ Formula 1 ตัวเรือนของนาฬิกาได้รับแรงบันดาลใจมาจากคอลเลกชัน TAG Heuer Formula 1 รุ่นปี 1986 แต่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้เหมาะกับสนามแข่งยุคปัจจุบัน โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1,200 มม. ผลิตจากวัสดุประสิทธิภาพสูง เช่น ขอบเรือนไฟเบอร์กลาส หน้าปัดน้ำหนักเบาทำจาก plexiglass และเข็มอลูมิเนียมที่ออกแบบมาเพื่อให้อ่านค่าได้อย่างชัดเจน ไฟ LED ที่ให้แสงสว่างสูงช่วยให้การมองเห็นเวลาเป็นไปอย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวัน ท่ามกลางสายฝน หรือภายใต้แสงไฟของการแข่งขันยามค่ำคืน แต่ละเรือนมีน้ำหนักเพียง 35 กิโลกรัม ด้วยการใช้วัสดุที่แข็งแกร่งแต่เบาโดยไม่เสียความทนทาน นอกจากนี้นาฬิกาบนเส้นพิทเลน ยังถูกรวมเข้ากับระบบเครือข่ายการจับเวลาของ Formula 1 เพื่อให้แน่ใจว่าการแสดงเวลาจะมีความแม่นยำและสอดคล้องกันในทุกสนาม ก่อนเริ่มการแข่งขันแต่ละครั้ง นาฬิกาจะถูกปรับเทียบใหม่และตั้งเวลาให้ตรงกับเขตเวลาท้องถิ่น

นอกเส้นพิทเลน TAG Heuer ยังเสริมการปรากฏตัวใน Formula 1 ด้วย TAG Heuer Monaco Clock ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์มอเตอร์สปอร์ตและความหรูหรา นาฬิการุ่น Monaco เปิดตัวครั้งแรกในปี 1969 และกลายเป็นไอคอนแห่งวงการทันทีเมื่อ Steve McQueen สวมใส่ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Le Mans ในปี 1970 ด้วยดีไซน์ตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยม เม็ดมะยมอยู่ทางด้านซ้าย และหน้าปัดสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ Monaco กลายเป็นหนึ่งในนาฬิกาที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์


TAG Heuer Monaco Clock ถูกติดตั้งในพื้นที่ที่มีการมองเห็นได้ชัดเจนรอบ Paddock, โซน VIP Hospitality, และ Exclusive F1 Lounges โดยนาฬิกาในบริเวณ เสา Paddock มีขนาดกว้าง 55 ซม. และในบริเวณอื่นมีขนาด 40 ซม. แต่ละเรือนติดตั้งอยู่บนเสาสูง 3 เมตร และมีดีไซน์เรืองแสงสามด้าน ทำให้มองเห็นได้จากหลายมุม มอบความโดดเด่นให้กับสถานที่อันทรงเกียรติของวงการมอเตอร์สปอร์ต

TAG Heuer ในงาน Australian Grand Prix
นอกเหนือจากความแม่นยำในการจับเวลาแล้ว TAG Heuer ยังนำเสนอประสบการณ์สุดพิเศษให้กับแฟนๆ ในการแข่งขัน FORMULA 1 LOUIS VUITTON AUSTRALIAN GRAND PRIX 2025 ผ่านกิจกรรมที่สร้างการมีส่วนร่วมและการสร้างแบรนด์ที่ทรงพลัง ไม่ว่าจะเป็นบนสนามแข่ง บริเวณ Paddock หรือผ่านหน้าจอดิจิทัลทั่วโลก แบรนด์จะเป็นส่วนหนึ่งของช่วงเวลาแห่งความเร็ว เพื่อย้ำถึงสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งที่มีต่อโลกมอเตอร์สปอร์ต

สนามแข่งเอง ก็จะสะท้อนตัวตนของ TAG Heuer ได้อย่างชัดเจน โดยสะพานลอยข้ามสนามแข่งจะโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ แสดงให้เห็นถึงการเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน ขณะที่บริเวณโค้งที่ 11 โลโก้ของ TAG Heuer จะปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดในจุดที่มีการแข่งขันเข้มข้น ซึ่งการตัดสินใจที่แม่นยำเพียงเสี้ยววินาทีอาจเป็นตัวกำหนดชัยชนะ นอกจากนี้ พื้นสนามยังได้รับการตกแต่งด้วยโลโก้ขนาดใหญ่ของ TAG Heuer ซึ่งจะสามารถมองเห็นได้จากมุมสูง พร้อมด้วยเครื่องหมาย Braking Markers ที่ช่วยย้ำเตือนว่าความแม่นยำของเวลาคือสิ่งสำคัญที่สร้างความแตกต่างระหว่างชัยชนะ และการพ่ายแพ้

TAG Heuer ยังผสานแบรนด์เข้ากับประสบการณ์ดิจิทัลของการแข่งขัน Formula 1 โดยโลโก้ของแบรนด์จะปรากฏควบคู่ไปกับข้อมูล Live Timing Data บน Broadcast Graphics ซึ่งออกอากาศไปทั่วโลก แฟนๆ จะได้เห็น TAG Heuer ในทุกช่วงเวลาสำคัญของการแข่งขัน ตั้งแต่การขับเคี่ยวเพื่อทำเวลาต่อรอบที่เร็วที่สุด ไปจนถึงจังหวะการเข้าพิทที่ต้องอาศัยการตัดสินใจที่แม่นยำและฉับไวไม่ว่าผู้ชมจะอยู่บนอัฒจันทร์ ติดตามการแข่งขันข้างสนาม หรือรับชมจากทั่วทุกมุมโลก TAG Heuer จะอยู่ที่นั่น พร้อมจับทุกช่วงเวลาสำคัญ กำหนดนิยามของการแข่งขัน และเฉลิมฉลองการไล่ล่าความเป็นเลิศที่ไม่มีที่สิ้นสุด

TAG Heuer และ Oracle Red Bull Racing พันธมิตรแห่งชัยชนะ
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน Formula 1 Louis Vuitton Australian Grand Prix ความร่วมมือระหว่าง TAG Heuer และ Oracle Red Bull Racing จึงได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ความเชี่ยวชาญของ Oracle Red Bull Racing ในด้านความเร็ว กลยุทธ์ และวิศวกรรมชั้นสูง สอดคล้องอย่างสมบูรณ์แบบกับความมุ่งมั่นของ TAG Heuer ในการสร้างสรรค์เรือนเวลาที่สะท้อนจิตวิญญาณของการแข่งขันความเร็วสูง ซึ่งเป็นรากฐานของความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งที่นำไปสู่ชัยชนะมากมายที่มีร่วมกัน

หัวใจสำคัญของความร่วมมือนี้คือ Max Verstappen นักแข่งที่เป็นตัวแทนของความแม่นยำ ความแข็งแกร่ง และความมุ่งมั่นที่ไม่มีวันสิ้นสุด ซึ่งเป็นคุณค่าที่ Oracle Red Bull Racing และ TAG Heuer ยึดถือ เมื่อเขาลงสนาม Albert Park Circuit ที่เมลเบิร์น

Max Verstappen จะสวมนาฬิการุ่น TAG Heuer Monaco Split-Seconds Chronograph รุ่นพิเศษ ใน Paddock ซึ่งออกแบบมาเพื่อสะท้อนถึงความเป็นสุดยอดในวงการมอเตอร์สปอร์ต หน้าปัดของนาฬิกาบอกเล่าเรื่องราวแห่งความสำเร็จ หน้าปัดย่อยด้านหนึ่งสลักดาวสี่ดวงพร้อมปีที่เขาคว้าแชมป์โลก และมีคำว่า World Champion อยู่ด้านล่าง เป็นสัญลักษณ์แห่งการครองบัลลังก์สูงสุด ขณะที่หน้าปัดย่อยอีกด้านประดับด้วยโลโก้สิงโตอันเป็นสัญลักษณ์ของเขา พร้อมกับชื่อของเขาเอง อีกทั้งเลข 1 ที่ตำแหน่ง 1 นาฬิกา เป็นการแสดงออกถึงการเป็นแชมป์ของเขาอย่างชัดเจน


Liam Lawson นักแข่งดาวรุ่งของ Oracle Red Bull Racing จะสวมใส่ TAG Heuer Formula 1 Chronograph x Oracle Red Bull Racing ตลอดช่วงสุดสัปดาห์การแข่งขัน นาฬิการุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากอะดรีนาลีนของ Formula 1 มีดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวและถูกสร้างขึ้นเพื่อความเร็ว เช่นเดียวกับทีม Oracle Rad Bull Racing

ความร่วมมือระหว่าง TAG Heuer และ Oracle Red Bull Racing ได้เกิดจากความหลงใหลในความเร็วที่มีร่วมกันและความเข้าใจถึงทุกวินาทีที่มีค่า

ฤดูกาลอันน่าตื่นตาตื่นใจ
แม้ว่า Melbourne Grand Prix จะเป็นไฮไลต์สำคัญ แต่การปรากฏตัวของ TAG Heuer จะขยายออกไปตลอดทั้งฤดูกาล Formula 1 โดยนาฬิกาบนเส้นพิทเลน ของแบรนด์จะปรากฏอยู่ในการแข่งขันทุกสนาม และตลอดฤดูกาล แฟนๆ จะได้เห็นวิวัฒนาการของดีไซน์ของนาฬิกาบนเส้นพิทเลนที่สะท้อนถึงพลังงานและความเร้าใจของการแข่งขัน

ในโลกของ Formula 1 ทุกเสี้ยววินาทีนั้นมีความหมาย ไม่ว่าจะเป็นการเข้าพิทที่ต้องอาศัยความแม่นยำสูงสุด การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ หรือการทำลายสถิติความเร็วรอบสนาม ทุกช่วงเวลาถูกวัดด้วยความเที่ยงตรงสูงสุด เมื่อสัญญาณไฟดับลงที่ Melbourne และฤดูกาล Formula 1 2025 เริ่มต้นขึ้น TAG Heuer จะอยู่เคียงข้างในทุกจังหวะสำคัญของการแข่งขัน เฉลิมฉลองความสำเร็จของวงการความเร็ว และตอกย้ำสถานะของแบรนด์ในฐานะสุดยอดแห่งโลกแห่งการจับเวลา ทั้งในสนามนี้ และสนามอื่นๆ ต่อไป…

เกี่ยวกับ TAG Heuer
TAG Heuer ก่อตั้งขึ้นในปี 1860 โดย Edouard Heuer (เอดูอารค์ ฮอยเออร์) ในเทือกเขาฌูรา (Jura Mountains) ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นแบรนด์นาฬิกาหรูที่เป็นส่วนหนึ่งของ LVMH Moet Hennessy Louis Vuitton SE (“LVMH”) กลุ่มสินค้าหรูหราชั้นนำระดับโลก TAG Heuer มีฐานการผลิตอยู่ทีเมือง La Chaux-de-Fonds (ลาโช-เดอ-ฟง) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และมีฐานการผลิตทั้งหมด 4 แห่ง มีพนักงานจำนวน 1,900 คน และดำเนินธุรกิจใน 139 ประเทศ ผลิตภัณฑ์ของ TAG Heuer มีจำหน่ายทางออนไลน์ที่ www.tagheuer.com สำหรับบางประเทศ และผ่านทางบูติกที่มีอยู่ 260 บูติก และจุดจำหน่าย 2,300 แห่งทั่วโลก นำโดย Antoine Pin, (อองตวน ปิน) – CEO ของ TAG Heuer

ตลอดระยะเวลา 164 ปีของ TAG Heuer ได้แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของการผลิตนาฬิกาไสตล์อวังกาศอย่างแท้จริง และความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยเทคโนโลยีที่ปฏิวัติวงการ ซึ่งรวมถึงเฟืองแกว่ง (oscillating pinion) ในนาฬิกากลไกระบบจับเวลาในปี 1887 นาฬิกา Mikrograph (ไมโครกราฟX ในปี 1916 กลไกจับเวลาโครโนกราฟอัตโนมัติชุดแรกของโลก คาลิเบอร์ 11 ที่สร้างสรรค์ขึ้นในปี 1969 และนาฬิกาสมาร์ทวอชท์สุดหรูเรือนแรกในปี 2015 ปัจจุบัน คอลเลกชั่นหลักของแบรนด์ประกอบด้วย 3 ตระกูลระดับไอคอนที่ออกแบบโดย Jack Heuer (แจ็ค ฮอยเออร์) ประกอบด้วย TAG Heuer Carrera Monaco และ Autavia และนาฬิกาสไตล์ร่วมสมัยในคอลเลกชัน      TAG Heuer Link, Aquaracer, Formula 1 และ Connected

ตามคำขวัญของ TAG Heuer ทีว่า “Don’t Crack Under Pressure” (ไม่หวั่นไหว แม้อยู่ภายใต้แรงกดดัน) ทั้งพันธมิตรและแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์ที่โดดเด่นล้วนแสดงออกถึงความหลงใหลในกิจกรรมและมีความสามารถสูง

www.tagheuer.com
@TAGHeuer

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้