Last updated: 12 ก.ย. 2559 | 4165 จำนวนผู้เข้าชม |
ผมปลีกตัวจากความวุ่นวายในงาน Baselworld ที่หนาแน่นไปด้วยผู้คนที่เจือไปด้วยอากาศหนาวเย็นอยู่รายรอบ สบโอกาสดีที่ได้รับการเชื้อเชิญจากแบรนด์นาฬิกาเยอรมันที่มีอายุกว่า 160 ปี ไปเยี่ยมชมโรงงานครั้งนี้ ในเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองนาฬิกาแห่งเยอรมันก็คือ Glashütte ครับ พร้อมเดินทางสู่ต้นกำเนิดแบรนด์นาฬิกา Glashütte Original ยอดแบรนด์เยอรมัน ที่มีขุมทรัพย์แห่งนวัตกรรมอันน่าทึ่งไม่แพ้แบรนด์สวิสครับผมเดินทางจากบาเซิลแล้วเหินฟ้าไปลงที่เดรสเดนครับ แล้วก็ต่อไปยังแคว้นแซกซอนนี แคว้นหลักของเมือง Glashütte เมืองอันเป็นที่ตั้งของแบรนด์ Glashütte Original นั่นเอง ตามสูตรเช่นเคยครับ วันแรกที่มาถึงจะเสมือนเป็นวันว่างให้พักผ่อนกันสบายๆ อิ่มอร่อยกับมื้อดินเนอร์ก่อนวันรุ่งขึ้นจะเข้าโรงงาน
เมือง Glashütte ถึอเป็นเมืองขนาดไม่ใหญ่นัก มีประชากรราว 5 พันคน ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่เมืองเล็กๆ สงบน่ารักครับ แต่เป็นเมืองที่อุดมไปด้วยแบรนด์นาฬิกามากมายหลายแบรนด์ของเยอรมัน และถือเป็นเมืองอุตสาหกรรมหลักด้านนาฬิกาของเยอรมันครับ
ทางเจ้าหน้าที่ของโรงงานได้แนะนำเมื่อผมไปถึงโรงงานว่าโรงงานผลิตนาฬิกาของ Glashütte Original นั้น มีปรัชญาการบริหารที่ว่า นำคุณค่านวัตกรรมแห่งอดีตมาผลิตด้วยความประณีตที่สุด บนพื้นฐานของเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่ช่วยให้กลไกนาฬิกายอดเยี่ยมกว่าเดิม ดังนั้นเมื่อเราเดินภายในโรงงานแห่งนี้จะเห็นความร่วมสมัยที่ผสานกับอดีตและปัจจุบันไปตลอดทางที่ได้เยี่ยมชมครับ เมื่อเข้าโรงงานแห่งนี้ก็เดินผ่านโถงโล่งที่มีการจัดแสดงนาฬิกาของ Glashütte Original ตั้งแต่รุ่นดั้งเดิมจนถึงรุ่นใหม่ เพื่อเป็นการบอกถึงระยะเวลาอันเก่าแก่ที่แบรนด์นี้ได้สร้างความยอดเยี่ยมเอาไว้แก่ผู้ที่เข้าเยี่ยมชม แผนกหลักๆ ในโรงงานแห่งนี้แบ่งเป็น 6 แผนกด้วยกันครับ ได้แก่ แผนกผลิตนาฬิกาต้นแบบและพัฒนาการผลิต, แผนกผลิตชิ้นส่วนความแม่นยำสูง, แผนกทดสอบการใช้งานและความเที่ยงในการทำงานของกลไก, แผนกตัดเจาะกลึงและขัดแต่ง, แผนกแกะสลักและตกแต่งความสวยงามและแผนกประกอบและดูแลนาฬิกากลไกความซับซ้อนสูงครับ แต่ละแผนกแต่ละห้องนั้นมีการแยกสัดส่วนไว้ชัดเจน มีป้ายบอกพร้อมระบบเข้าออกเฉพาะบุคคล
สิ่งที่ผมประทับใจอีกอย่างคือการได้ดูการเผาชิ้นส่วนของกลไกให้เป็นสีฟ้าครับ หรือเรียกกันว่า Blue Steel เป็นการทำที่ใช้ฝีมือล้วนๆเพราะชิ้นส่วนจะถูกเผาไฟด้วยไฟที่มีค่าความร้อนสูงมากไปเรื่อยๆ จนเกิดการเปลี่ยนแปลงปฎิกิริยาเคมีของโลหะจนเนื้อโลหะกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มอย่างที่เราเห็นทั่วไป ความยากก็คือเราต้องรู้ความร้อนของเปลวไฟ ที่มีค่าเฉพาะตามสีของเปลวครับ ระยะเวลาในการเผาชนิดของโลหะจากดำเป็นสีฟ้า ที่ต้องเผาไฟไปพร้อมกับส่องกล้องขยายไปด้วยครับ เพื่อให้เห็นชิ้นงานขนาดเล็กจิ๋วเหล่านั้นที่สำคัญที่สุดคือประสบการณ์ของช่างเผาครับ ที่จะบอกได้ว่าเมื่อไหร่ควรจะเสร็จสิ้นกระบวนการทำให้ผมเห็นว่าแค่ชิ้นเล็กๆแค่นี้ ทำไม่ได้ง่ายเลยจริงๆครับ
หลังจากไปเยี่ยมชมภายในโรงงานอย่างครบถ้วนแล้ว ผมก็ได้เดินทางต่อไปยังพิพิธภัณฑ์นาฬิกาของเมือง Glashütte ครับ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้รับเงินสนับสนุนหลักจาก Swatch Group นำโดย Mr. Nicolas G. Hayek (1928-2010) ผู้นำของกลุ่ม Swatch Group ได้ริเริ่มและผลักดันให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นสถานที่จัดแสดงนาฬิกาของเยอรมันอย่างครบถ้วนที่สุด พิพิธภัณฑ์แห่งนี้แบ่งออกเป็นหลายชั้นและมีขนาดใหญ่มาก เดินวันเดียวก็ยังไม่สามารถจะครบถ้วนได้ แต่ก็จะมีนาฬิการะดับ Masterpieces ให้ชมกัน เป็นองค์ประกอบหลักครับ
เช่นนาฬิกาตั้งพื้น Astronomic Clock โดย Hermann Goertz ผลิตในปี 1925 ด้วยชิ้นส่วนประกอบเกือบ 2 พันชิ้นทีเดียวครับ สามารถแสดงผลต่างๆได้อย่างเที่ยงตรงจนถึงปี 2899 นับเป็นความน่าทึ่งมาก ที่นาฬิกาสร้างเมื่อ 90 ปี จะสามารถโปรแกรมให้แสดงผลได้ยาวนานหลายร้อยปี ด้วยความซับซ้อนของนาฬิกามากมายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ทำให้จำเป็นต้องมีแผนกช่างนาฬิกาที่รับบูรณะนาฬิกาที่จัดแสดงอยู่ในพิพิธภณัฑ์เพราะมีนาฬิกาจำนวนมากจริงๆ ครับ ที่จัดแสดงทำให้นาฬิกามากมาย ต้องมีวงรอบต้องเข้าการดูแลรักษา เพื่อให้การอนุรักษ์สมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะนาฬิกาบางเรือนต้องดูแลรักษาและปรับสภาพการทำงานอยู่ตลอดเวลาครับ ผมไปเยือนเยอรมันครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้งครับ
การได้ไปเยือนเมือง Glashütte และโรงงาน Glashütte Original เสมือนเป็นการไปเหยียบพรมแดนแห่งใหม่ของโลกนาฬิกา ที่น้อยคนนักจะได้เห็นและได้เข้าใจว่านาฬิกาแท้ๆ แบบเยอรมันนั้นมันดีเลิศเช่นไร และ Glashütte Original ก็แสดงอย่างชัดแจ้งแล้วว่านี่แหล่ะคือนาฬิกาเยอรมันตัวจริงเสียงจริงครับ
เรื่อง : Chettha Songthaveepol
3 ก.พ. 2559
12 ม.ค. 2559
3 ก.พ. 2559
20 ก.ย. 2567