Last updated: 2 ก.พ. 2565 | 1145 จำนวนผู้เข้าชม |
เป็นเวลากว่า 60 ปีมาแล้วที่ความก้าวหน้าในด้านพื้นฐานแห่งการประดิษฐ์เรือนเวลา ความแม่นยำ ความทนทาน และความงดงาม เป็นสิ่งที่ ‘Grand Seiko’ (แกรนด์ ไซโก) ให้ความสำคัญเป็นที่สุด และกลไก ‘Spring Drive’ (สปริง ไดรฟ์) คาลิเบอร์ 9RA5 และกลไก ‘Hi-Beat’ (ไฮ-บีท) ความถี่สูง 36,000 ครั้ง/ชั่วโมง คาลิเบอร์ 9SA5 ที่เปิดตัวใน ค.ศ.2020 ก็คือ ความก้าวหน้าครั้งสำคัญของ Grand Seiko ในด้านความแม่นยำและประสิทธิภาพในองค์รวม ส่วนกลไก Spring Drive คาลิเบอร์ใหม่ 9RA2 ที่ถือกำเนิดขึ้นใน ค.ศ.2021 นั้นมีคุณสมบัติและคุณลักษณะในระดับสูงเช่นเดียวกับคาลิเบอร์ 9RA5 แต่ทำการย้ายตำแหน่งแสดงพลังงานสำรองไปไว้บนฝั่งด้านหลังของตัวเครื่องและลดระดับความสูงของเข็มที่อยู่เหนือระนาบหน้าปัดลงซึ่งทำให้สามารถใช้ตัวเรือนที่มีขนาดเพรียวบางยิ่งขึ้นได้
Grand Seiko SLGA013
วันนี้ Grand Seiko ขอนำเสนอเรือนเวลา 2 รุ่นที่บรรจุกลไกคาลิเบอร์ 9SA5 และ 9RA2 ไว้ในตัวเรือนที่ผลิตขึ้นจาก ‘Ever-Brilliant Steel*’ (เอเวอร์-บริลเลียนท์ สตีล) อันเป็นชนิดวัสดุสเตนเลสสตีลที่มีระดับความต้านทานการกัดกร่อนที่สูงกว่าซึ่งทำให้มีความทนทานสูงกว่าชนิดสเตนเลสสตีลที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในนาฬิกายุคปัจจุบัน ทั้งยังมีผิวขาวเจิดจ้าที่ช่วยเสริมความงดงามให้กับนาฬิกาซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับลักษณะดีไซน์แบบ ‘Grand Seiko Style’ (แกรนด์ ไซโก สไตล์) ที่สถาปนาขึ้นใน ค.ศ.1967 ซึ่งมีอายุครบ 55 ปี ณ ค.ศ.2022 และเรือนเวลา 2 รุ่นใหม่ก็ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อร่วมฉลองวาระครบรอบหลักปีสำคัญน
Grand Seiko SLGH009
คาลิเบอร์ 9SA5 และ 9RA2 ความก้าวหน้าขั้นสุดแห่งศาสตร์เครื่องบอกเวลา
การตกแต่งบนสะพานจักรได้รับแรงบันดาลใจมาจากความสมบูรณ์ของธรรมชาติที่รายล้อมสตูดิโอผลิตนาฬิกาทั้ง 2 แห่ง: (ซ้าย) การตกแต่งแบบแม่น้ำ ‘Shizukuishi River’ (ชิสุกุอิชิ ริเวอร์) และ (ขวา) การตกแต่งแบบน้ำค้างแข็ง ‘Shinshu Frost’ (ชินชู ฟรอสต์)
ทั้ง 2 คาลิเบอร์มอบความก้าวหน้าครั้งสำคัญในแง่ประสิทธิภาพการทำงานซึ่งเกิดขึ้นได้จากบรรดานวัตกรรมต่าง ๆ ที่มีเพียงผู้ผลิตซึ่งมีความเพียบพร้อมในทุกสาขาเท่านั้นที่สามารถสร้างขึ้นได้ กลไก Hi-Beat 9SA5 มอบการสำรองพลังงานได้ถึง 80 ชั่วโมงในขณะที่คาลิเบอร์ 9RA2 มอบการสำรองพลังงานได้นานถึง 120 ชั่วโมงและให้อัตราความแม่นยำถึง +/-10 วินาทีต่อเดือน นอกจากนี้ทั้ง 2 คาลิเบอร์ยังมีขนาดตัวเครื่องบางกว่าคาลิเบอร์ที่มีใช้กันอยู่ก่อน ซึ่งทำให้สามารถใช้ตัวเรือนที่มีขนาดเพรียวบางยิ่งขึ้นตามรูปแบบ Grand Seiko Style ที่สถาปนาขึ้นโดยรุ่น 44GS อันเลื่องชื่อได้
หน้าปัดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากดวงดาว
เรือนเวลาทั้ง 2 รุ่นใช้ดีไซน์หน้าปัดรูปแบบเดียวกัน มิติลวดลายอันล้ำลึกบนพื้นผิวของหน้าปัดดึงดูดสายตาและเชิญชวนให้จินตนาการถึงท้องฟ้าในยามค่ำคืน รูปแบบลายสลักร่องลึกมีลักษณะคล้ายวงโคจรแบบวงรีของดวงดาวขณะเคลื่อนตำแหน่งข้ามฟากฟ้า แนวขอบอันคมชัดของเข็มชั่วโมงและเข็มนาทีมอบความแตกต่างอย่างลงตัวกับแนวโค้งอันนุ่มนวลของลายบนหน้าปัด การเคลื่อนตัวของเข็มวินาทีสีทองที่มีแนวยาวจนเกือบสุดขอบของหน้าปัดสร้างความรู้สึกดุจกาลเวลาที่ข้ามผ่านฟากฟ้าอย่างเงียบสงบ หน้าปัดของเวอร์ชั่น Hi-Beat มอบความงามสง่าด้วยสีน้ำเงินในขณะที่เวอร์ชั่น Spring Drive มอบความงามสุขุมด้วยสีเทาเข้ม
เรือนเวลาทั้ง 2 รุ่นถูกผลิตขึ้นในแบบจำนวนจำกัดเพียงรุ่นละ 550 เรือนโดยจะมีจำหน่ายที่บูติกของ Grand Seiko และร้านจำหน่าย Grand Seiko ที่ได้รับการเลือกสรรทั่วโลกในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.2022
*สเตนเลสสตีลชนิดนี้มีค่า ‘PREN’ (พรีน: Pitting Resistance Equivalent Number - พิททิง รีซิสแทนซ์ อีควิวาเลนท์ นัมเบอร์: ค่าความต้านทานต่อการเกิดการกัดกร่อนแบบจุดเทียบเท่า) สูงกว่าเกรดของสตีลที่ใช้กับเรือนเวลาระดับไฮ-เอนด์โดยส่วนใหญ่ถึง 1.7 เท่า โดย PREN เป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับกันอย่างแพร่หลายในการวัดความต้านทานการกัดกร่อน
21 พ.ย. 2567
21 พ.ย. 2567
22 พ.ย. 2567
21 พ.ย. 2567