Last updated: 7 ก.พ. 2566 | 569 จำนวนผู้เข้าชม |
Cartier (คาร์เทียร์) แบรนด์เครื่องประดับสัญชาติฝรั่งเศส สร้างปรากฏการณ์โชว์เคสไฮจิวเวลรีระดับโลกครั้งแรกในประเทศไทยกับคอลเลคชั่น Beautés du Monde จัดแสดงจิวเวลรีและเรือนเวลากว่า 300 ชิ้น หลังจากเผยโฉมมาแล้วที่มาดริด และเซี่ยงไฮ้ เพื่อให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์ไฮจิวเวลรีระดับตำนานของ Cartier ที่ไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์แห่งความหรูหราสง่างามและความมั่งคั่งเท่านั้น แต่ยังเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแสดงถึงฝีมืออันวิจิตรเปี่ยมล้นด้วยเรื่องราว ความชำนาญ และคุณค่าผ่านประวัติศาสตร์อันมากมายที่ก้าวข้ามกาลเวลาด้วยความปราณีตบรรจงตลอดกาล โดยงานนี้จะเปิดให้ประชาชนผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 เพียงวันเดียวเท่านั้น
Beautés du Monde Collection รังสรรค์ขึ้นจากแรงบันดาลใจในการเฝ้าสังเกตและชื่นชมความงดงามของโลกใบนี้ไม่ว่าจะอยู่แห่งใด ผ่านการถ่ายทอดความเชี่ยวชาญของ Cartier ในการดีไซน์อันสง่างาม รวมไปถึงการจับคู่ผสมผสานระหว่างอัญมณีเลอค่าที่ขับเน้นองค์ประกอบของธรรมชาติและวัฒนธรรมอันหลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน สำหรับไฮจิวเวลรีที่นำมาโชว์เคสในครั้งนี้มาจากหลายหลายคอลเลคชั่นกว่า 300 ชิ้นที่มีความล้ำค่าเหนือกาลเวลา อาทิ
SAMBHAL (ซอมบาล คอลเลคชั่น)
ทุตตี้ ฟรุตตี้ (Tutti Frutti) คือสัญลักษณ์ที่อยู่คู่ Cartier มาตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก ในปี 1920 ด้วยการจัดวางองค์ประกอบที่ดูสนุก ร่าเริงสดใสเบิกบานและน่ารับประทานไปพร้อมกัน และยังคงเป็นเช่นนั้นต่อเนื่องอยู่เสมอ ผ่านการตีความใหม่ ดังเช่นสร้อยคอเส้นนี้ที่เมซงจินตนาการออกมาเป็นสไตล์ Peter Pan Collar (ปกเสื้อปีเตอร์แพนหรือที่คนไทยเรียกว่า ปกบัว) ที่งดงามประณีต
Cartier ได้แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สร้อยคออิวาน่าจากผิวสัมผัสและมิติของผิวหนังอีกัวน่า เพื่อเผยความงดงามของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ผ่านสร้อยคอประดับเพชรประกายระยิบและมรกตแวววาวระยับตา ทุกสิ่งถูกจัดวางอยู่บนตัวเรือนอันแยบยลแฝงความละมุนและนุ่มนวล ที่ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนลักษณะการเคลื่อนไหวขยับเขยื้อนอย่างช้าๆ ของอีกัวน่า Cartier เน้นผิวสัมผัสให้ชัดเจนขึ้นด้วยการใช้เทคนิคการขึ้นตัวเรือนด้วยการต่อส่วนประกอบทรงสามเหลี่ยมฝังเพชรแต่ละชิ้นสลับไปมาแบบเรขาคณิต โดยเว้นช่องว่างระหว่างกันไว้ให้เป็นฐานรองรับมรกตโคลัมเบียสุดตระการตาขนาด 43.45 กะรัต ที่ออกแบบตามสัญลักษณ์แห่งความเชี่ยวชาญและสไตล์ของ Cartier ให้เป็นทรงพีระมิดขอบมนที่ชวนให้นึกถึงหนามแหลมบนหลังของสิ่งมีชีวิตแสนมหัศจรรย์นี้ พร้อมเล่นกับแสงสะท้อนและโครงสร้างแบบกระจกเงา เพื่อเสาะหาเทคนิคเชิงสถาปัตยกรรมมาสร้างสรรค์มุมมองแปลกใหม่ให้กับคัมภีร์แห่งสรรพสัตว์ของเมซง
Beautés du Monde FINE JEWELRY Collection
Beautés du Monde FINE JEWELRY Collection (โบเต้ ดู มงด์ ไฟน์จิวเวลรีคอลเลคชั่น) 3 ชุดนี้ Cartier ได้รังสรรค์มาเพื่ออุทิศให้กับความงดงามของโลกใบนี้ด้วยเช่นกัน
NOPAL (โนปาล คอลเลคชั่น)
สร้อยคอน้ำหนัก 102.17 กะรัต Cat’s eye Rubellite แหวน น้ำหนัก 44.08 กะรัต Cat’s eye Rubellite
NISHIN (นิชิน คอลเลคชั่น)
สร้อยคอคอลเลคชั่นนี้ นำเสนอดีไซน์อันวิจิตรในรูปแบบนามธรรมความเป็นวัฒนธรรมญี่ปุ่นผ่านกิโมโนรูปตัวที (T) ทรงยาว เน้นองค์ประกอบสีของของอัญมณีให้สดใสเหมือนสีสันฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านกาลเวลามาบ่อยครั้ง การออกแบบมีโครงสร้างโดยรอบเป็นทรงยาวของจี้ที่เน้นแซฟไฟร์สี่สี
POROCA (ปูฮูกจาร์ คอลเลคชั่น)
Cartier รังสรรค์สร้อยคอคอลเลคชั่นนี้ให้เหมือนทิวคลื่นที่ถูกกระตุ้นให้มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลา โดยได้รับแรงบันดาลใจจากสีน้ำเงินเข้มของไพลินจากเกาะซีลอน (ศรีลังกา) น้ำหนัก 36.67 กะรัต
ENIVRE (อองนีฟ)
สร้อยเส้นนี้ Cartier ได้ออกแบบให้เป็นเหมือนสถาปัตยกรรมแห่งแสงที่ส่องกระทบสะกดสายตาระยิบระยับจับตาที่น่าหลงใหลชวนมอง รวมถึงองค์ประกอบรูปทรงที่ทำให้เรียวเพชรทรงเหลี่ยมและทรงเหลี่ยมแบบเกลี้ยง ในโครงสร้างทรงเรขาคณิตที่บ่งบอกถึงดีไซน์ที่ดูสูงยาวเพรียว จินตนาการได้ถึงเส้นขอบฟ้าของมหานครอันรุ่งโรจน์
นอกเหนือจากความงดงามของไฮจิวเวลรีที่ล้ำค่าแล้ว การออกแบบสถาปัตยกรรมเพื่อเนรมิต Cartier Beautés du Monde Bangkok Exhibition นับเป็นการสร้างประสบการณ์เหนือระดับ ครั้งแรกของเมืองไทยที่จะได้ยลโฉมการดีไซน์อันน่าทึ่ง จากการออกแบบโดย Jaime Hayon ดีไซเนอร์ชาวสเปน ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักออกแบบผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก อีกทั้งยังได้ร่วมเป็นประจักษ์พยานการเผยโฉมห้อง Thai Patrimony ซึ่งรังสรรค์ขึ้นโดย ศรัณย์ เย็นปัญญา นักเล่าเรื่องผ่านงานดีไซน์และศิลปะชาวไทย เรียกได้ว่างานนี้ Cartier ได้ผสมผสานการออกแบบสถานที่โชว์เคสไฮจิวเวลรีระดับโลกจากสองวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน เพื่อให้คนไทยได้รับประสบการณ์ที่หาชมได้ยาก เก็บเป็นภาพความทรงจำสุดประทับใจครั้งหนึ่งในชีวิต
Beautés du Monde Bangkok Exhibition ประกอบไปด้วย 5 ห้องหลัก คือ Lounge, Introduction room, Patrimony room, Exhibition room และ Private Viewing room
ผู้ที่เข้ามาเยือน Beautés du Monde Bangkok Exhibition จะได้สัมผัสประสบการณ์จากห้องต่างๆ โดยห้องแรก จะเป็น Lounge ไว้คอยต้อนรับ หลังจากนั้นจะผ่านไปที่ห้อง Introduction room จะเป็นห้องที่บอกเล่าเรื่องราวคอนเซ็ปต์และการเดินทางของคอลเลคชั่นนี้ หลังจากนั้นจะเป็นห้อง Thai Patrimony room เป็นห้องจัดแสดง Cartier คอลเลคชั่นทั้งหมด ออกแบบโดย ศรัณย์ เย็นปัญญา ส่วนห้องถัดไปจะเป็นห้อง Exhibition room ที่จัดแสดงไฮไลท์ไฮจิวเวลรีชิ้นสำคัญ จากการออกแบบโดย Jaime Hayon ส่วนห้องสุดท้าย เป็นห้อง Private Viewing room สำหรับพื้นที่ส่วนตัวเพื่อการทดลองสวมใส่
ห้อง Exhibition room จะแบ่งออกเป็น 3 ห้อง ตกแต่งอย่างงดงามภายใต้ 3 คอนเซ็ปต์ World Wildlife, Mineral World และ Cultural World ในงาน Beautés du Monde Bangkok Exhibition ที่ออกแบบโดย Jaime Hayon
• World Wildlife: เป็นห้องที่ Cartier ได้โชว์ให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับสิงห์สาราสัตว์ ในการทำเครื่องประดับเป็นสัตว์ต่างๆ ที่มีกายวิภาคเหมือนจริง ให้ความรู้สึกเหมือนมีชีวิต ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในโลกใบนี้เป็นส่วนหนี่งของประวัติศาสตร์ของเมซงเสมอมา โดยมีพืชพรรณธรรมชาติและสัตว์นานาชนิดเป็นหัวใจหลักของแรงบันดาลใจทั้งในเชิงรูปลักษณ์ (Figurative) และทำให้เกินจริง (Stylised) ความปรารถนาแห่งความงามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ Cartier นั้นถูกพัฒนาตามกาลเวลา ผ่านเทคนิคที่ถูกปรับเปลี่ยนไปตามเทรนด์การสร้างสรรค์ของเมซงในขณะนั้น โดยเมซงได้ใช้เทคนิคโบราณอันซับซ้อนผสานนวัตกรรมสมัยใหม่ซึ่งเหล่าช่างฝีมือชั้นครูของ Cartier ต่างได้ผ่านการฝึกฝนจนชำนาญแล้ว
• Mineral World: ห้องนี้บ่งบอกให้รับรู้ว่า Cartier ไม่ได้เชี่ยวชาญเพียงการทำเครื่องประดับเพชร แต่เชี่ยวชาญด้านการทำอัญมณีด้วยซึ่งเป็นอีกระดับของการทำเครื่องประดับไฮจิวเวลรี เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า Cartier เชี่ยวชาญทั้งการสรรหาวัตถุดิบเลอค่าจากทั่วโลกบวกกับความเชี่ยวชาญในการผลิตแต่ละชิ้นงาน
• Cultural World: ห้องนี้มีความชัดเจนภายใต้แนวคิดที่ Cartier นั้นมองเห็นความงดงามของโลกใบนี้ไม่ว่าจะอยู่แห่งใดและนั่นคือเจตนารมณ์ที่สืบต่อจากหลุยส์ Cartier , ปิแอร์ Cartier และฌาค Cartier หรือที่รู้จักกันในนาม “สามพี่น้องแห่ง Cartier ” ผู้ซึ่งได้ท่องเที่ยวไปทั่วโลกพร้อมเสาะแสวงหาแรงบันดาลใจมารังสรรค์เครื่องประดับใหม่ๆ พร้อมบรรจงแต่งแต้มสัมผัสแห่งศิลป์และองค์ความรู้ที่ได้สั่งสมมา Cartier มองเห็นความงดงามของโลกใบนี้ พร้อมที่จะรักษาไว้ซึ่งความงามนั้น และเหนือสิ่งอื่นใดคือเชิดชูความงามต่อไป นี่คือความหลงใหลที่ไม่เคยเสื่อมคลายและยังเป็นปรัชญาที่หล่อเลี้ยง Cartier เสมอมา Beautés du Monde คือ คอลเลคชั่นเครื่องประดับชั้นสูงหรือไฮจิวเวลรีที่ถ่ายทอดแรงบันดาลใจเพื่อเป็นเหมือนดั่งมรดกในการชื่นชมความงดงามอันหลากหลายของโลกใบนี้ของ Cartier
ห้อง Thai Patrimony ในงาน Cartier Beautés du Monde Bangkok Exhibition รังสรรค์ขึ้นโดย ศรัณย์ เย็นปัญญา
• ห้อง Thai Patrimony: เป็นห้องที่จัดแสดงเฉพาะ Cartier คอลเลคชั่นเท่านั้น โดยออกแบบห้องให้เกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวความเป็นมาของ Cartier รวมถึงคอลเลคชั่นต่างๆ ผ่านเอกลักษณ์ความเป็นไทย โดยใช้สัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมไทยอันน่าภาคภูมิใจ เป็นจุดเชื่อมโยงความเข้าใจกับผู้คนภายในงาน ใน 3 โซน ด้วยกัน คือ โซน โลตัส (Lotus-ดอกบัว), โซน แดนซ์ (Dance-การร่ายรำ) และโซน สถาปัตยกรรม (Architecture) เพื่อส่งต่อเรื่องราวของ Cartier ที่มีมรดกยาวนานถึง 176 ปี จาก 3 พี่น้อง Cartier ที่สามารถมองเห็นความงามได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ความอัศจรรย์ใจที่เกิดขึ้นขณะเดินทางไปทั่วโลก และได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน นำมาซึ่งจินตนาการการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร
ในแต่ละโซนดังกล่าวได้จัดวาง Cartier คอลเลคชั่นต่างๆ กับงานศิลปะไว้อย่างมีความหมายและลงตัว ไม่ว่าจะเป็น คอลเลคชั่น Cartier , อัญมณี, การผลิตนาฬิกาและเครื่องประดับล้ำค่าที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ รวมถึงเรื่องราวมรดก Cartier ชิ้นที่เก่าแก่ที่สุดมีอายุย้อนไปถึงปี 1860 และชิ้นล่าสุดคือปลายศตวรรษที่ 20 โดยคอลเลคชั่นของ Cartier มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันมีมากกว่า 3,000 ชิ้น โดยบางชิ้น Cartier ได้ประมูลกลับคืนมาแต่ไม่ใช่เพื่อนำมาเพื่อการค้า แต่เพื่อนำมาเป็นมรดกสืบทอดทางวัฒนธรรมและมรดกที่พิพิธภัณฑ์ทั่วโลกได้ยืมไปจัดแสดงผ่านเรื่องราวสำคัญต่างๆ
Cartier Beautés du Monde Bangkok Exhibition ปรากฏการณ์โชว์เคสไฮจิวเวลรีระดับโลกครั้งแรกในประเทศไทย ที่รอให้ทุกคนมาร่วมแบ่งปันจินตนาการและผจญภัยไปในเส้นทางของตนเอง เพื่อเก็บเกี่ยวความงดงามของโลกใบนี้ผ่านสเปกตรัมแห่งแสงสี รูปทรงต่างๆ และวัสดุนานาชนิด ที่เรียกความทรงจำให้กลับมาสร้างแรงบันดาลใจและพาให้เคลิ้มไปกับจินตนาการอันเลอค่าเหล่านั้น...ครั้งหนึ่งในชีวิตกับ Cartier
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Cartier โปรดเยี่ยมชม www.cartier.com/en-th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Cartier Thailand
LINE Official Account @CartierTH
16 ต.ค. 2567
26 ก.ย. 2567
7 ต.ค. 2567
8 ต.ค. 2567