Last updated: 17 มี.ค. 2566 | 484 จำนวนผู้เข้าชม |
รูปทรงสี่เหลี่ยมภายในวงกลม สี่เหลี่ยมขนาดเล็กภายใต้สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่
Hermès (แอร์เมส) หลงใหล การนำรูปทรงมาสร้างสรรค์ผลงานจากกลิ่นอายความทรงจำอันยาวนานของบรรดาเกมสำหรับเด็ก พร้อมกับการผสมผสานระหว่างสีสันและขนาด ที่วันนี้ Hermès ได้มอบชีวิตชีวาใหม่ให้กับนาฬิกาผ่านความงามในรูปแบบสีสันอันสนุกสนานและมีเอกลักษณ์หนึ่งเดียว ซึ่งอาจเรียกขานได้ทั้ง Double Face (ดับเบิล เฟซ) หรือ Recto/Verso (เรคโท/เวอร์โซ) หรือ Wow (ว้าว) ที่ดูจะเหมาะมากกว่า!
Wow คงความคิดสร้างสรรค์แบบดั้งเดิมไว้อย่างต่อเนื่องที่เมื่อสองปีก่อน ศิลปินนักวาดหนังสือการ์ตูน อูโก้ เบียนเวนู (Ugo Bienvenu) ได้ร่วมออกแบบผ้าพันคอไหมอันน่าประทับใจให้กับแอร์เมส และตั้งชื่อให้ว่า Wow ทว่า ทำไมถึงเป็น Wow ด้วยเพราะนับเป็นการนำเอาจิตวิญญาณของนักขี่ม้าที่เป็นสัญลักษณ์ของ Hermès มารังสรรค์ ทั้งยังเปลี่ยนย้ายไปสู่โลกแห่งการ์ตูนได้อย่างน่าอัศจรรย์
นักออกแบบถ่ายทอดท่าทางการกระโดดขึ้นบนอานม้า พร้อมกับการวางเท้าลงบนโกลน เพื่อนำเสนอภาพของรูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดเล็กราวกับช่องภาพสไตล์หนังสือการ์ตูน ที่จัดวางไว้ภายในรูปทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ของผ้าพันคอไหม ทั้งรูปทรงสี่เหลี่ยม ช่องคำพูด และการเคลื่อนไหว...ที่เล่าเรื่องราวผ่านฉากของฮีโร่หญิงผู้เดินทางข้ามกรุงปารีสในชุดเจ็ตสกี รองเท้าสเก็ตบนรถ และแน่นอนว่ารวมไปถึงบนหลังม้า สองนักกอล์ฟผู้มีอารมณ์ขันต่างพากันสงสัยว่าใครคือสตรีผู้กล้าหาญคนนี้ ใช่ อเมซอน (Amazon) สายลับฮีโร่หญิงแห่งปารีเซียงหรือไม่ แต่ไม่ว่าเธอจะเป็นใครก็ตาม เธอผู้นั้นคือผู้หญิงของ Hermès อย่างแน่นอน
มิติอันทรงเสน่ห์ของ Wow ไม่ได้เพียงมาจากลวดลาย แต่ยังมาจากวิธีการในการรังสรรค์ขึ้นซึ่งรวมไปถึงรูปแบบของสีสันที่แตกต่างกันบนแต่ละด้าน ทั้งการตีความด้วยหลากหลายสีบนด้านหน้า และเวอร์ชันโมโนโครมบนด้านหลัง แนวคิดนี้ได้เดินทางจากปารีสสู่ห้องปฏิบัติการของ Hermès Horloger (แอร์เมส ออร์โลเฌอร์) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่จะใช่เรือนเวลาที่มีหน้าปัดสองด้านหรือไม่ แน่นอนว่าทำไมจะไม่ใช่ และด้วยเพราะความบางและกึ่งโปร่งแสงเหมือนกับเส้นด้ายผ้าไหมที่เป็นแรงบันดาลใจของผลงานนี้ กับอีกหนึ่งตัวเลือกที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือเปลือกหอยมุก วัสดุที่ทั้งสวยงาม สง่างาม และมีความเป็นผู้หญิง ทั้งยังปล่อยให้แสงไฟสามารถส่องประกาย และช่วยให้ศิลปินสามารถใช้มิติของแสงเพื่อสร้างสรรค์ลวดลายอันเปล่งประกาย และเต็มไปด้วยความสนุกสนานได้อย่างแท้จริง
โดยบนด้านแรก งานออกแบบนั้นเริ่มต้นจากการผลิตขึ้นใหม่ด้วยหมึกสีดำ ที่สามารถมองเห็นได้บนทั้งสองด้าน และเป็นการนำทางไปสู่สัมผัสอันเชี่ยวชาญของศิลปินจวบจนลายเส้นพู่กันสุดท้าย จากนั้น การตกแต่งทั้งหมดของลวดลายเหล่านี้จะถูกวาดขึ้นด้วยมือบนด้านแรก ด้วยเฉดสีพาสเทลหรือสีอ่อนที่ค่อยๆ บรรจงวาดลงทีละสี และด้วยความหนาพอสำหรับมอบมิติความลุ่มลึกให้กับงานออกแบบ ขณะเดียวกันก็บางพอที่จะปล่อยให้แสงส่องผ่านได้ เป็นความสมดุลอันลุ่มลึกละเอียดอ่อนที่ต้องอาศัยงานหัตถศิลป์อันเชี่ยวชาญและประณีตสูงสุด โดยใช้ประมาณ 20 ชั้นของการวาดสีเพื่อนำเอาทุกๆ มิติอันแตกต่างกันแม้เพียงเล็กน้อยของงานออกแบบนี้ให้เผยออกมา แต่ละชั้นยังต้องผ่านการเผาภายในเตาไฟที่อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส เพื่อสร้างความแข็งแรงและทนทานให้กับเม็ดสีอันล้ำค่า
ขณะที่ม้าและฮีโร่หญิงนั้นครองความยิ่งใหญ่บนหน้าปัดที่สอง ซึ่งสอดคล้องกับหน้าปัดด้านบนของนาฬิกา ด้วยเฉดสีสันที่คมชัดขึ้น ปริมาตรที่ทึบขึ้น งานออกแบบนี้จึงค่อยๆ มีชีวิตชีวาขึ้นทีละน้อยเมื่อฮีโร่หญิงปรากฏกายบนหลังม้า และเมื่ออยู่รวมกัน พวกเขาจึงดูคล้ายแทบจะกระโจนจากหน้าปัดด้วยความมีชีวิตชีวา ความคลาสสิกแห่งการควบม้าของ Hermès ยังสอดคล้องกับสีเอิร์ธโทนราวกับผืนผ้าไหมที่วาดลงบนด้านกลับกันของนาฬิกาด้วยเฉดสีที่แตกต่างและสดใส พร้อมทั้งมิติลวดลายแบบนูนและหนักแน่น ขณะที่การเคลื่อนไหวของม้ายังมอบการปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลัน ซึ่งเป็นผลลัพธ์มาจากความชำนาญของการทำงานอันแสนละเอียดอ่อนและอดทนที่ใช้เวลาในการรังสรรค์กว่า 35 ชั่วโมงของการผลิตหน้าปัดเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น
เรือนเวลาโดดเด่นด้วยตัวเรือน Arceau (อาร์โซ) ที่ออกแบบขึ้นโดย อองรี ดอริญี (Henri d’Origny) ในปี ค.ศ. 1978 นี้ มาพร้อมสองเวอร์ชันโดยการขับเคลื่อนของกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติชุดเดียวกันใน Manufacture H1912 โดยเวอร์ชันแรกมาพร้อมหน้าปัดในโทนสีชมพูอ่อน ขณะที่เวอร์ชันที่สองเลือกใช้เฉดสีฟ้าน้ำเงินมากกว่า ทั้งคู่ลงตัวกับสายหนังวัว Hermès ที่แต่ละเวอร์ชันของรุ่น Arceau Wow (อาร์โซ ว้าว) รังสรรค์ขึ้นจากไวท์โกลด์สง่างาม พร้อมด้วยขอบตัวเรือนประดับเพชร 82 เม็ด ผลิตในจำนวนจำกัดเพียงเวอร์ชันละ 24 เรือน
23 พ.ย. 2567
25 พ.ย. 2567
25 พ.ย. 2567
25 พ.ย. 2567