VACHERON CONSTANTIN Les Cabinotiers Armillary Tourbillon

Last updated: 26 ส.ค. 2566  |  730 จำนวนผู้เข้าชม  | 

VACHERON CONSTANTIN Les Cabinotiers Armillary Tourbillon

  • ลูกค้าที่มีความหลงใหลในการประดิษฐ์นาฬิกาและยนตรกรรมแบบโคชบิลด์ (coachbuilt) ได้นําสองแบรนด์ ชั้นนํามาอยู่คู่กัน ระหว่าง Rolls-Royce (โรลส์-รอยซ์) และ Vacheron Constantin (วาเชอรอง กองสตองแตง) ภายใต้โครงการการออกแบบสไตล์ bespoke อันมีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียว
  • เฉลิมฉลองให้กับความหลงใหลที่มีร่วมกันของสองเฮาส์สุดหรูที่อุทิศให้กับความเที่ยงตรง ความเอาใจใส่พิถีพิถันในรายละเอียด และความเชี่ยวชาญแห่งศิลป์
  • ติดตั้งด้วยทูร์บิญองแบบสองแกนและการแสดงแบบเรโทรเกรดคู่ กับผลงานหนึ่งเดียวของ Les Cabinotiers Armillary Tourbillon (เลส คาบิโน ทิเยร์ส อาร์มิลลารี ทูร์บิญอง) ภายใต้ตัว holder ที่ยึดเพื่อความปลอดภัยและสามารถถอดออกได้ที่ออกแบบโดยทีมวิศวกรของ Vacheron Constantin เพื่อให้สามารถติดตั้งเข้าได้กับแผงหน้าปัดควบคุมของรถ Rolls-Royce Amethyst Droptail (โรลส์-รอยซ์ อเมทิสต์ ดรอปเทล)
  • การตกแต่งของเรือนเวลาและกล่องบรรจุสะท้อนถึงการตกแต่งภายในของยานยนต์สุดหรูหรานี้


ผลงานที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อตอบรับกับคําร้องขอจากลูกค้าผู้เป็นทั้งนักสะสมรถยนต์หรูและนาฬิกาอันประณีต Vacheron Constantin โรงงานการผลิตแห่งนี้จึงได้สร้างสรรค์นาฬิกาเฉพาะหนึ่งเดียวที่ออกแบบขึ้นเพื่อให้สามารถติดตั้งเข้ากับแผงหน้าปัดควบคุมภายในรถยนต์สั่งทําพิเศษ Rolls-Royce Coachbuild (โรลส์-รอยซ์ โคชบิลด์) อันประณีตวิจิตรอย่าง Rolls-Royce Amethyst Droptail (โรลส์-รอยซ์ อเมทิสต์ ดรอปเทส) โดยการทํางานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับเฮาส์หรูแห่งอังกฤษในการสร้างสรรค์ซึ่งคุณสมบัติจําเพาะทางเทคนิคและรายละเอียดของการตกแต่งที่ Vacheron Constantin ได้พัฒนามาสู่นาฬิกาที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลกอย่าง Les Cabinotiers Armillary Tourbillon (เลส คาบิโนทิเยร์ส อาร์มิลลารี ทูร์บิญอง) ซึ่งเติมเต็มได้อย่างสมบูรณ์แบบให้กับความสวยงามของการตกแต่งภายในยนตรกรรม Rolls-Royce Amethyst Droptail โดยผ่านการออกแบบและพัฒนาขึ้นเพื่อแสดงเวลาบนแผงหน้าปัดควบคุมที่ตกแต่งด้วยไม้วีเนียร์ลายผิวธรรมชาติ Calamander Light (คาลามันเดอร์ ไลท์) ที่ซึ่งเรือนเวลานี้บรรจุภายในตัว holder จักรกลแบบผสานอย่างสมบูรณ์และสง่างาม ที่สามารถถอดออกได้

วิศวกรรมแห่งจักรกลได้สร้างแรงบันดาลใจอันไร้ขอบเขตให้กับความหลงใหล ไม่ว่าจะบรรจุภายในยานยนต์หรือภายในตัวเรือนนาฬิกา โดยมอบต้องการที่ถูกจำกัดด้วยพื้นที่และเวลา ผ่านวิถีแห่งประดิษฐกรรมศิลป์อันทุ่มเท จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีลูกค้าผู้ซึ่งหลงใหลในความหรูหรามากมายที่ชื่นชอบและหลงรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อยนตรกรรมที่ได้แรงบันดาลใจนี้มาสู่โลกของการประดิษฐ์นาฬิกาชั้นสูงที่แลกเปลี่ยนแรงบันดาลใจเหล่านี้ซึ่งกันและกัน สําหรับ Vacheron Constantin แรงดึงดูดใจที่มีร่วมกันได้ถูกสะท้อนผ่านคําร้องขอพิเศษจากหนึ่งในลูกค้าของแบรนด์ในการสร้างสรรค์เรือนเวลาสําหรับแผงหน้าปัดควบคุมของยานยนต์ ที่ถูกกำหนดให้บรรจุไว้ภายในรถ Coachbuild สั่งทำพิเศษเฉพาะหนึ่งเดียวอย่าง Rolls-Royce Amethyst Droptail คําร้องขอนี้ยังรวมไปถึงคุณสมบัติเฉพาะและเกณฑ์ความต้องการบางอย่างที่เรือนเวลานี้ได้ถูกผสมผสานอย่างกลมกลืนสู่การตกแต่งภายในแบบ bespoke ระดับสูงของยานยนต์ และสะท้อนถึงรหัสแห่งสุนทรียะความสวยงาม โดยจําเป็นต้องมีทั้งความสง่างามและสามารถถอดออกได้ ขณะเดียวกันก็ต้องบรรจบกับมาตรฐานอันเข้มงวดด้านวิศวกรรมในแง่ของความทนทานต่อแรงสะเทือนและความแข็งแกร่ง

แผนก Les Cabinetiers (เลสคาบิโนทิเยร์ส) ของ Vacheron Constantin ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการรังสรรค์เรือนเวลาเฉพาะหนึ่งเดียวหรือ bespoke เพื่อให้บรรจบกับความต้องการและความปรารถนาของลูกค้า ได้รับเกียรติเป็นพิเศษในการตอบรับกับคําร้องขอนี้ ขณะที่ในเอกสารทางประวัติศาสตร์ของ Vacheron Constantin ได้เผยว่านาฬิกาซึ่งถูกสั่งทําขึ้นสําหรับยานยนต์นั้นเคยปรากฏมาแล้วในปี 1928 และโครงการซึ่งเป็นการออกแบบขึ้นเพื่อให้ติดตั้งได้อย่างสมบูรณ์ภายใต้คําสั่งทำยานยนต์ Rolls-Royce Coachbuild รุ่นพิเศษอย่างมากนี้ จะเป็นตัวแทนครั้งแรกในประวัติศาสตร์ยุคสมัยใหม่ของบริษัท ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะตอบรับความท้าทายนี้ ซึ่งมอบให้กับการเฉลิมฉลองความทุ่มเทและความมุ่งมั่นของผู้ผลิตยนตรกรรมหรูแห่งอังกฤษที่มุ่งเน้นสู่ความเป็นเลิศและความเอาใจใส่อย่างพิถีพิถันในรายละเอียด

ความท้าทายทางเทคนิค
Les Cabinotiers Armillary Tourbillon สั่งทําโดยลูกค้าผู้ซึ่งหลงใหลทั้งการแสดงออกระดับสูงของ Rolls-Royce Motor Cars (โรลส์-รอยซ์ มอเตอร์ คาร์ส) และเรือนเวลาสั่งทำหนึ่งเดียวของ Vacheron Constantin อันเป็นผลงานมาสเตอร์พีชแห่งเครื่องบอกเวลานี้ได้น่าเสนอความท้าทายทางเทคนิคอันน่าอัศจรรย์ โดยเฮาส์แห่งความหรูหราทั้งสองแห่งได้ทําางานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจได้ถึงการผสานอย่างกลมกลืนของเรือนเวลาสู่แผงหน้าปัดควบคุมอันสง่างามของ Rolls-Royce Amethyst Droptail

ทีมช่างนาพิการะดับมาสเตอร์ของ Vacheron Constantin ทำงานร่วมกับทีมนักออกแบบ Rolls-Royce Coachbuild เพื่อให้มั่นใจถึงรูปทรง วัสดุ และสีสันของเรือนเวลาที่จะรับกันอย่างสมบูรณ์แบบกับสิ่งแวดล้อมภายในยานยนต์คันนี้ และทั้งหมดยังคงสืบทอดซึ่งวิถีอันเหนือกาลเวลาแห่งความล้ำเลิศของ Vacheron Constantin ที่อุทิศให้กับลูกค้า

“สองแบรนด์ที่มีอายุยาวนานหลายศตวรรษได้แลกเปลี่ยนซึ่งการถวิลหาความสมบูรณ์แบบ ที่ประกอบไปด้วยการผลักซึ่งขีดข้อจํากัดแห่งความยืดหยุ่นและความเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง" Christian Selmoni (คริสเตียน เซลโมนี) ผู้อํานวยการแห่งสไตล์และมรดก (Director of Style and Heritage) ของ Vacheron Constantin อธิบาย "ปรัชญานี้คือแรงบันดาลใจอันล้ำเลิศแห่งการสร้างสรรค์นวัตกรรมและรสนิยมที่ดี ทั้งในแง่ของความสามารถทางเทคนิคและสุนทรียะความสวยงาม

ทีมช่างนาฬิกาที่ Vacheron Constantin ได้แนะนําลูกค้าในการติดตั้งเรือนเวลาเฉพาะหนึ่งเดียวนี้ด้วยกลไกพิเศษ คาลิเบอร์ 1990 ซึ่งเป็นกลไกจักรกลไขลานด้วยมือสลับซับซ้อนผลิตในโรงงานของตนเอง โดยผสานไว้ด้วยการพัฒนาทางเทคนิคที่เด่นชัดซึ่งสืบทอดมาจากผลงานสร้างสรรค์รุ่น Reference 57260 นาฬิกาที่สลับซับซ้อนสูงสุดในโลกที่นําเสนอโดยเมซงในปี 2015

ตัวเลือกนี้ยังได้รับอิทธิพลอย่างสง่างามโดยการแสดงเวลาแบบเรโทรเกรดคู่ หรือ bi-retrograde พร้อมด้วยการหมุนทวนกลับอย่างฉับพลันของเข็มขี้เวลาชั่วโมงและนาที ฟังก์ชันนี้ยังเชื้อชวนให้นึกถึงมาตรวัดความเร็วหรือ speedometers (สปีโดมิเตอร์) ของยานยนต์ตามประเพณีทั่วไปที่มาพร้อมกับเข็มชี้แบบกวาด โดยการตีกลับของเข็มชี้ไปยังตําแหน่งศูนย์ ณ จุดเริ่มต้นของความเร็ว แต่ไร้ซึ่งอุปสรรคด้านแรงดึงหรือการใช้พลังงานที่มากเกินไป จักรกลอันเป็นที่ต้องการเฉพาะนี้จําเป็นต้องอาศัยความเอาใจใส่พิเศษ เพื่อให้มั่นใจ ได้ถึงความเที่ยงตรงแม่นยําของการแสดงและความทนทานของวัสดุที่ใช้ โดยในกรณีนี้ เข็มชี้ยังทําจากไทเทเนียม ซึ่งมีความเบาอย่างมากและแข็งแกร่งทนทานกว่าสตีล

นอกจากนี้ ประเภทของรูปทรง พร้อมทั้งการแสดงต่างๆ ที่สัมพันธ์กับเวลาที่ส่วนด้านบนของหน้าปัดยังได้มอบพื้นที่ที่เหลือซึ่งจำเป็นสําหรับการแสดงการเคลื่อนไหวของจักรกลทูร์บิญอง โดยในรุ่นนี้ กรงทูร์บิญองจะปรากฏในเวอร์ชัน “armillary” (อาร์มิลลารี) อันซับซ้อน ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกขานผลงานของ Antide Jarvier (อองติด ฌองวิเยร์) ช่างนาฬิกาชาวฝรั่งเศสแห่งศตวรรษที่ 18 ผู้คิดค้นรูปทรงกลมแบบลูกโลกเคลื่อนไหว พร้อมทั้ง planetary gear หรือที่รู้จักกันว่า armillary ด้วยภาพที่มองเห็นนั้น ทูร์บิญองนี้ยังเชื้อชวนให้นึกถึงวงกลมและวงแหวนต่างๆ (ดิสก์โลหะต่อเนื่อง) ซึ่งวางซ้อนกันของอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์อันโด่งดังที่ก่อรูปเป็นทรงกลมท้องฟ้า โครงสร้างของสิ่งประดิษฐ์ซึ่งทําหน้าที่เป็นดั่งอุปกรณ์ควบคุม หรือ regulator ได้ถูกออกแบบมาเพื่อชดเชยผลกระทบต่างๆ จากแรงโน้มถ่วงโลกที่กระทำต่อการทํางานอย่างราบรื่นของกลไก โดยประกอบด้วยกรงจัดวางรวมกันสองกรงและหมุนไปรอบแกนค่างกันสองแกน ที่ความเร็ว 60 วินาทีต่อรอบ เพื่อสร้างรูปทรงกลมภายใต้การเคลื่อนไหวตลอดเวลา โดยจัดวางในตำแหน่งตั้งตรงของนาฬิกาบนแผงหน้าปัดควบคุมของรถยนต์ ที่การปรากฏของ regulator ณ หัวใจแห่งจักรกลได้รับการปรับอย่างสมบูรณ์ ด้วยต้นแบบของทูร์บิญองที่ได้รับการพัฒนาขึ้นนับตั้งแต่เริ่มต้นศตวรรษที่ 19 เพื่อมอบความแม่นยําในการดูแลและขจัดปัญหาด้านหลักการเทียบเวลา (isochronism) ที่มีผลกระทบต่อสปริงจักรกรอก (balance-spring) ของเหล่านาฬิกาพก ซึ่งโดยปกติแล้วจะติดตั้งในแนวตั้งไว้ภายในฝาครอบปิด

บาลานซ์สปริงรูปทรงกระบอกที่จับคู่กับจักรกรอกต่างไปจากบาลานซ์สปริงแบบเรียบแบน ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติทางเทคนิคของจักรกลภายในเรือนเวลานี้ โดยการประดิษฐ์คิดค้นของ Jacques-Frederic Hourier (ฌาคส์-เฟรเดริค อูเรียต) ในปี 1814 บาลานซ์สปริงไร้ปลายโค้งประเภทนี้หายากพิเศษในการประดิษฐ์นาฬิการ่วมสมัย ได้มอบจังหวะการหมุนที่ซ้อนกัน อย่างสมบูรณ์แบบของทูร์บิญอง ดังนั้น จึงช่วยให้มั่นใจได้ถึงการปรับปรุงหลักการเทียบเวลาได้ดียิ่งขึ้น และเสริมความเที่ยงตรงแม่นยําาอันน่าทึ่ง และเพื่อส่งถ่ายจังหวะเหล่านี้ที่สอดคล้องกับอัตราความถี่ 18,000 ครั้งต่อชั่วโมง (2.5 เฮิรตซ์) Vacheron Constantin ได้ พัฒนาจักรเอสเคปเมนท์ (escapement) ที่ประกอบด้วยซิลิคอนเอสเคปวีล (silicon escape wheel) และพาเลท-เลเวอร์ (pallet-lever) ด้วยพาเลทเพชร ทั้งสองวัสดุนี้สามารถช่วยลดแรงเสียดทานโดยไม่จําเป็นต้องหยอดน้ํามันหล่อลื่น ช่วยเสริมระดับความไว้วางใจเชื่อถือได้ของจักรกล สมรรถนะแห่งจักรกลนี้ยังนับเป็นความน่าทึ่งสูงสุดในแง่ของการสร้างสรรค์จักรกลเรโทรเกรดคู่แบบฉับพลัน ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยแรงบิดหมุนที่สม่ำเสมอได้ตลอดระยะเวลาของพลังงานสำรอง

นวัตกรรมทางเทคนิคที่ถ่ายทอดภายในกลไก คาลิเบอร์ 1990 ได้ยื่นจดสิทธิบัตรถึง 4 ฉบับ ฉบับแรกคือระบบ retrograde ที่หมุนกลับแบบฉับพลัน ซึ่งควบคุมโดยลูกเบี้ยวนาที (minutes cam) ตัวเดียว โดยทําให้เกิดความสอดคล้องอย่างสมบูรณ์แบบในการกระโดดของเข็มทั้งสองเข็ม ณ เวลาเที่ยงคืนหรือเที่ยงวัน ขณะที่ escapement collet (เอสเคปเมนท์ คอลเล็ต) ซึ่งผ่านการจดสิทธิบัตรจากชิ้นส่วนที่ยืดปลายด้านในของบาลานสปริงให้มั่นคงนั้นยังทำจากไทเทเนียม ด้วยความจริงที่ว่าวัสดุนี้สามารถจับคู่ได้กับอุปกรณ์สาหรับการควบคุม (regulating organ) พร้อมด้วยผลลัพธ์ของการพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพของ regulator ได้ดียิ่งขึ้น ส่วนสิทธิบัตรที่สามนั้นเกี่ยวข้องกับสถาปัตยกรรมของกรงทูร์บิญอง ซึ่งหมุนในทุกๆ 15 วินาที เพื่อสร้างเป็นลวดลายของ Maltese Cross (มอลทิส ครอส) สัญลักษณ์ ของ Vacheron Constantin โดยสิทธิบัตรหลังสุดนี้เกี่ยวข้องกับ Silicon pallet-lever (ซิลิคอน พาเลท-เลเวอร์) เคลือบด้วยเพชร ซึ่งมอบความทนทานต่อการสึกหรอที่เหนือกว่า และยกระดับสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ดียิ่งขึ้น

อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องกล่าวถึงในแง่ของหลักการการใช้งานคือเม็ดมะยมที่ได้รับการออกแบบให้มีขนาดใหญ่พิเศษหรือโอเวอร์ไซส์ เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการไขลานได้ง่ายดายและมั่นใจได้ถึงการสํารองพลังงาน 58 ชั่วโมง โดยติดตั้งไว้ ณ ตําแหน่ง 12 นาฬิกา ชวนให้หวนนึกถึงบรรดานาฬิกาโครโนมิเตอร์ (chronometers) ไขสานด้วยมือแบบวินเทจ ขณะที่สเกลนาทียังชวนให้นึกถึง speedometer ตามประเพณี

ความหลงใหลที่มีร่วมกันในรายละเอียด
ขณะที่โครงสร้างของกลไก คาลิเบอร์ 1990 จะมีความซับซ้อน แต่ยังคงเป็นพรมแดนอันคุ้นเคยสําหรับ Vacheron Constantin มานับตั้งแต่การสร้างสรรค์ผลงานของแบรนด์ขึ้นในปี ค.ศ. 1755 โดยการติดตั้งกลไกเหล่านี้ไว้ภายในยานยนต์นับเป็นการสร้างสรรค์ สิ่งใหม่ร่วมกัน ที่ทีมวิศวกรจักรกลของ Vacheron Constantin จําเป็นต้องพัฒนาตัวถือหรือรองรับจักรกล และเหนืออื่นใดยังจําเป็นต้องลงตัวกับสัดส่วนอันแม่นยําาขององค์ประกอบต่างๆ บนแผงหน้าปัดควบคุมของ Rolls-Royce Amethyst Droptail ด้วย

โดยตัวถือหรือ holder นี้ออกแบบมาให้สามารถถอดออกได้จากตําแหน่งบรรจุของมันหากจําเป็น และช่วยให้นาฬิกาสามารถถูกปรับหมุนได้ 180 องศา เพื่อการปรับตั้งเวลา ไขลาน และชื่นชมกลไกจักรกลได้จากด้านตรงข้าม กรอบด้านนอกซึ่งมีความโค้งเล็กน้อยของตัวถือทําจากสตีลขัดเงา พร้อมทั้งกรอบด้านในสตีลผ่านการขัดขอบลบมุม ตกแต่งพื้นผิวด้วยเลเซอร์ และเคลือบ PVD สีดํา ฐานของนาฬิกายึดเข้ากับแผ่นฐานไวท์โกลด์ และตกแต่งด้วยลวดลายกิโยเช่ซันเบิรสรังสรรค์ด้วยมือ เพื่อถ่ายทอดเป็นภาพสัญลักษณ์ Maltese Cross ตัวถือนี้ยังครอบได้ด้วยฝาสตีล และยึดอย่างปลอดภัยด้วยตัวล็อกรูปทรง Maltese Cross เมื่อนาฬิกาและตัวถือถูกถอดออกจากแผงหน้าปัดควบคุมและจัดวางไว้ในกล่อง ก็ยังสามารถแทนที่ด้วยตัวถือเปล่าที่มีรูปทรงคล้ายกันได้

ความเอาใจใส่ที่อุทิศให้กับรายละเอียดและการตกแต่งนั้นยังแสดงออกถึงความพิถีพิถันอันละเอียดอ่อนซึ่งทุ่มเทให้กับโครงการความร่วมมือระหว่างทีม Rolls-Royce Coachbuild และ Vacheron Constantin ด้วยหน้าปัดแซฟไฟร์ของเรือนเวลาที่เผยให้เห็นความสวยงามอันสมบูรณ์ของกลไกคาลิเบอร์ 1990 รวมไปถึงแท่นเครื่องซึ่งถ่ายทอดด้วยการเคลือบสีด้วย NAC galvanic พร้อมทั้งการตกแต่งแบบขัดขาตินลายวงกลมซึ่งเป็นเฉดสีดั้งเดิม จับคู่เข้ากับเหลือบสีของเบาะที่นั่งหนังของ Rolls-Royce Amethyst Droptail ส่วนบน ด้านหน้าปัดของนาฬิกาจะเห็นสะพานจักรที่ได้รับการตัดอย่างคมชัด ผ่านทั้งการขัดแต่งขอบลบมุมด้วยมือ และตกแต่งด้วยลวดลาย Cotes de Genève ซึ่งสามารถพบได้เช่นกันบนสะพานจักรด้านหลังภายใต้เฉดสีและความสง่างามเดียวกัน

นาฬิกาและอุปกรณ์เสริมต่างๆ ยังสามารถเก็บไว้ในกล่องจัดแสดงทําจากไม้ลายผิวธรรมชาติ Calamander Light (คาลามันเดอร์ ไลท์) แบบเดียวกัน รวมถึงหนังอเมทิสต์ที่ใช้สําหรับงานตกแต่งภายในของ Rolls-Royce Amethyst Droptail ส่วนการตกแต่งภายในกล่องเองนั้นยังมีความโค้งเล็กน้อย เหมือนกับแผงหน้าปัดควบคุมของยนตรกรรมคันนี้

Vacheron Constantin และ Rolls-Royce ได้แลกเปลี่ยนซึ่งวัฒนธรรมเดียวกันของการอุทิศความเชี่ยวชาญของพวกเขาให้กับการบรรจบกับความต้องการอันหรูหราเฉพาะบุคคลอันเป็นที่ต้องการสูงสุด โดยส่งมอบพร้อมกับรถยนต์ในวันที่ 24 สิงหาคม 2023 ที่นาฬิกาเพียงหนึ่งเดียวของ Vacheron Constantin Les Cabinotiers Armillary Tourbillon จะมอบซึ่งวิถีแห่งการวัดค่าเวลาสู่โลกแห่งความเร็วไว้ภายในยนตรกรรมหรูคันนี้ และนั่นคือหัวใจสําคัญ

Interview with Christian Selmoni
Director of Style and Heritage of Vacheron Constantin

เหตุใดจึงไม่ค่อยเห็นนาฬิกายนแผงหน้าปัดควบคุมของ Vacheron Constantin ในโลกแห่งยนตรกรรมเท่าไรนัก?

เป็นความจริง และอาจตรงกันข้ามกับแบรนด์ย่างนาฬิกาสวิสอื่นๆ ที่ Vacheron Constantin ไม่ได้ออกแบบอุปกรณ์สําหรับวัดค่าเวลาที่ตั้งใจมอบให้กับห้องนักบินหรือแผงหน้าปัดควบคุมของรถยนต์ ยกเว้นเพียงการบันทึกไว้ครั้งหนึ่งในเอกสารประวัติศาสตร์ของเราเมื่อปี ค.ศ. 1928 แต่ในอีกด้านหนึ่ง เมซงแห่งนี้ก็ได้สร้างก้าวอันรวดเร็วสําคัญในการสร้างสรรค์นาฬิกาสําหรับ เหล่านักบินมืออาชีพและผู้ที่หลงใหลในยานยนต์ โดยการปรากฏตัวของนาฬิกาข้อมือ ณ ข่วงต้นศตวรรษที่ 20 ได้ทําให้ Vacheron Constantin สามารถแสดงออกถึงความเดี่ยวชาญทางเทคนิคในการผลิตนาฬิกาโครโนกราฟ ซึ่งได้กลายเป็นเกณฑ์มาตรฐานสําคัญในวงจรของการกีฬาตลอดกว่าหลายทศวรรษ เรือนเวลาเหล่านี้ได้อุทิศให้กับการวัดค่าช่วงเวลาสั้นๆ และได้พิสูจน์อย่างต่อเนื่องถึงความสามารถในการประยุกต์ให้รับกับความต้องการของวิถีชีวิตอันร่วมสมัย ที่ซึ่งกีฬาและการ เดินทางได้สวมบทบาทสําคัญมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่เคยสูญเสียซึ่งเอกลักษณ์ของความสง่างามของผลงานสร้างสรรค์ นาฬิกาข้อมือโครโนกราฟเก่าแก่ที่สุดของ Vacheron Constantin อย่างรุ่นจับเวลาที่ติดตั้งด้วยปุ่มกดเดียวหรือโมโนพุชเชอร์ (monopusher) ทําจากทอง พร้อมทั้งหน้าปัดย่อยจับเวลานาทีนั้นสามารถนับย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1917 ผมยังอาจกล่าวได้ถึงการพัฒนาโดย อัลเบิร์ต เพลลาตัน (Albert Pellation) ที่ต่อมาได้ทํางานเชื่อมโยงกับเมซง ผู้ซึ่งสร้างสรรค์อุปกรณ์อันเที่ยงตรงแม่นยําด้วยความถี่สูง (ความถี่ 72,000 ครั้งต่อชั่วโมง) และสามารถพกพาได้ ซึ่งออกแบบขึ้นสำหรับการจับเวลาการแข่งขันกีฬา อุปกรณ์นี้ถูกใช้สําหรับหนึ่งในการบันทึกสถิติความเร็วระดับโลกเหนือเหนือผิวน้ำมากมายที่สร้างไว้โดย Sir Makolm Camptel (เซอร์ มัลคอล์ม แคมป์เบลล์) บนทะเลสาบฮาลส์วิล (Lale Halkwvil) ในเดือนกันยายน ปี ค.ศ. 1938 ขณะที่ผลงานนี้ยังคงได้รับการยอมรับ ไม่เพียงเฉพาะการเป็นอุปกรณ์บนแผงควบคุมเท่านั้น แต่เป็นการยอมรับถึงหลักการ คล้ายคลึงกันค่อนข้างมาก

อะไรคือความท้าทายหลักๆ สำหรับ Les Cabinotiers Armillary Tourbillon?
เหนืออื่นใด คือคําถามที่เกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้กลไก คาลิเบอร์ 1990 ที่เผยโฉมในปี ค.ศ. 2015 และพัฒนาขึ้นโดยช่างนาฬิกาทีมเดียวกัน ซึ่งอยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์นาฬิกาสลับซับซ้อนสูงสุดของโลก อย่าง Reference 57250 เพื่อให้บรรจบกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงความพิเศษทางด้านเทคนิคอื่นๆ ของนาฬิกาสําหรับแผงหน้าปัดควบคุม สําหรับเรือนเวลารุ่นหนึ่งเดียวนี้จึงเป็นความจําเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนาตัวถือหรือ holder ที่ออกแบบขึ้นเฉพาะ จําเป็นต้องเป็นทั้งอุปกรณ์สําหรับมอบความปลอดภัยและสามารถถอดออกได้ เช่นเดียวกับการตกแต่งอันเปี่ยมด้วยแนวคิดสร้างสรรค์และทรงคุณค่าสําหรับการประดิษฐ์นาฬิกาชั้นสูง เพื่อแสดงออกถึงข้อได้เปรียบที่ดีที่สุด โดยในกรณีนี้ยังหมายถึงการขัดเงา พร้อมทั้งการเคลือบ PVD และแกะลายกิโยเช่ โดยตัวเรือนจําเป็นต้องได้รับการปรับปรุงให้เล็กลง (ขนาด 43.8 มม. แทนที่จะเป็น 45 มม.) เพื่อให้สามารถติดตั้งลงในจุดที่มีขนาดเดียวกันกับรางควบคุมของยานยนต์ รวมถึงตำแหน่งและขนาดของเม็ดมะยม (ณ 12 นาฬิกา แทนที่จะเป็น 3 นาฬิกาตามปกติ) ซึ่งต้องได้รับการปรับประยุกต์ใหม่

Vacheron Constantin ยังก้าวไปเหนือยิ่งกว่าความเชี่ยวชาญในการประดิษฐ์นาฬิกาของตน ในการออกแบบและผลิตตัวถือเรือนเวลานี้ ซึ่งอย่างหลังนั้นยังจําเป็นต้องมีความสมบูรณ์ทางเทคนิค นาฬิกา (สามารถปรับหมุนได้ 180 องศา สำหรับชื่นชมการตกแต่งบนฝาหลัง) รวมถึงความปลอดภัย (ในกรณีเกิดการกระแทก) และมอบซึ่งสุนทรียะความสวยงามอันน่าพอใจ (โดยติดตั้งได้อย่างลงตัวสมบูรณ์แบบเข้ากับรหัสด้านความสวยงามของยานยนต์) ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาไว้ซึ่งความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและ DNA ของ Vacheron Constantin ซึ่งนับเป็นความเป็นแม่นยำที่ทำให้เรือนเวลาจากการสั่งทำและสั่งซื้อพิเศษนี้มีความน่าสนใจอย่างมาก ทั้งยังบังคับให้เรามีจินตนาการและกล้าที่จะก้าวออกจากพื้นที่ปลอดภัย

โครงการนี้จะตามมาด้วยโครงการอื่นๆ ในแบบเดียวกันหรือไม่?
แผนก Cabinotiers (คาบิโนทิเยร์) ของ Vacheron Constantin ที่สร้างสรรค์ขึ้นในปี ค.ศ. 2006 ตั้งใจที่จะปลุกฟื้นจิตวิญญาณอันแสนพิเศษของเหล่าห้องปฏิบัติการงานช่าง หรือ cabinotiers ของเมืองเจนีวา ในยุคศตวรรษที่ 18 โดยการสืบสานประเพณีของการประดิษฐ์นาฬิกาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียว ในแต่ละปี แผนกนี้ได้เผยโฉมคอลเลกชันพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟของผลงานสร้างสรรค์เฉพาะหนึ่งเดียว และผลงานเหล่านี้ยังเป็นทั้งการสร้างสรรค์ขึ้นโดย Vacheron Constantinเอง ตัวอย่างเช่น ภายใต้แนวคิดเฉพาะที่เคยเปิด ตัวมาแล้วเมื่อหลายปีก่อนหน้า กับ 'Le Temps Cate (เลอ ตอมป์ส เซเลสเต) หรือ Les Royaumes Aquatiques (เลอ โรยอเมส อควอติคส์) หรือการสร้างสรรค์ตามคำสั่งซื้อลูกค้า โดยประเภทหลังของเรือนเวลาเหล่านี้แทบไม่เป็นที่รู้จักในหมู่สาธารณะ ด้วยเหตุผลเฉพาะอันชัดเจนของการกำหนดทิศทางที่สอดคล้องไปตามความปรารถนาของลูกค้าเฉพาะบุคคล นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราดีใจที่สามารถสื่อสารร่วมกับเรือนเวลา Les Cabinotiers Armillary Tourbillon เรือนนี้ได้ โดยผ่านการออกแบบขึ้นอย่างเอ็กซ์คลูซีฟสําหรับเป็นส่วนหนึ่งของการสั่งทําพิเศษของยานยนต์ Rolls-Royce Amethyst Droptail และไม่ว่ารุ่นนี้จะตามมาด้วยรุ่น อื่นๆ ของเรือนเวลาประเภทเดียวกันหรือไม่ แต่ก็ยากที่จะคาดการณ์ได้ถึงความต้องการและคําร้องขอในอนาคตจากเหล่าผู้ซึ่งหลงใหลในการประดิษฐ์นาฬิกาด้วยความต้องการเฉพาะบุคคล อย่างไรก็ตาม เราสามารถกล่าวได้อย่างมั่นใจว่า เราดีใจที่จะได้ร่วมตอบสนองกับทุกๆ คำสั่งซื้อเช่นนี้ในอนาคตอย่างแน่นอน

 

เกี่ยวกับ Rolls-Royce Motor Cars
Rolls-Royce Motor Cars คือเฮาส์หรูอย่างแท้จริงในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ bespoke ที่รังสรรค์ขึ้นด้วยมืออันเป็นยอดปรารถนา ด้วยความกล้าหาญและเป็นที่จดจําได้สูงสุดของโลกยนตรกรรมสําหรับลูกค้าระดับสากลของแบรนด์ บริษัทได้จ้างพนักงานมากกว่า 2,500 คน ณ Home of Rolls-Royce ที่ตั้งอยู่ในกู๊ดวูดแห่งเวส ซัสเซ็กซ์ โดยที่แห่งนี้ประกอบด้วยทั้งสํานักงานใหญ่ระดับโลกและศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศในการผลิตยนตรกรรมลักซ์ชัวรี (Centre of Luxury Manufacturing Excellence) อันเป็นสถานที่เดียวในโลกที่ซึ่งยนตรกรรม Rolls-Royce ได้ถูกออกแบบ ผ่านการพัฒนาด้าน วิศวกรรมและสร้างสรรค์ขึ้นอย่างละเอียดอ่อนพิถีพิถันด้วยมือ โดยการลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งในโรงงานการผลิตแห่งต่างๆ ของแบรนด์ รวมถึงผลิตภัณฑ์และทรัพยากรบุคคลที่ได้มอบผลลัพธ์ของซีรีส์แห่ง “ปีสถิติ” ต่างๆ มากมายจากยอดขายทั่วโลก โดยมีสถิติสูงสุดในปี ค.ศ. 2022 ที่ผ่านมา ด้วยยอดขายยนตรกรรมได้มากกว่า 6,000 คันทั่วโลก

Rolls-Royce Coachbuild
โรลส์-รอยซ์ โคชบิลต์ (Rolls-Royce Coachbuild) นับเป็นเฮาส์ที่เทียบเท่าได้กับโลกแห่งโอต์ กูตูร์ (Haute Couture) และเป็นตัวแทนแห่งจุดสูงสุดของแบรนด์ Rolls-Royce โดยสร้างสรรค์ขึ้นสําหรับลูกค้าผู้ซึ่งปรารถนาที่จะออกเดินทางไปมากกว่าผืนผ้าใบของผลงาน Rolls-Royce รุ่นต่างๆ ที่มีอยู่ ที่แผนกโคชบิลด์ของค่ายยนตรกรรมหรูแห่งนี้ได้มอบพลังให้กับลูกค้าในการสร้างสรรค์ซึ่งการแสดงออกอันกล้าหาญและยิ่งใหญ่ของรสนิยมเฉพาะตัว ด้วยความเป็นไปได้อันไร้ขีดข้อจํากัดสำหรับการออกแบบและรังสรรค์ความพิเศษตาม ความต้องการเฉพาะบุคคล ตลอดจนการทดลองอันเหนือจินตนาการ

สรุปโดยสังเขป
เพื่อให้สอดคล้องและตอบรับกับคําร้องขอจากลูกค้าผู้ซึ่งสะสมทั้งรถหรูและนาฬิกาอันประณีต Vacheron Constantin ได้สร้างสรรค์นาฬิกาบนแผงหน้าปัดควบคุมในรูปแบบบัสโป๊กขึ้นสําหรับยนตรกรรมหรู อย่าง Rolls-Royce Coach build โดยการท้างานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับทีมนักออกแบบและช่างฝีมือของโรงงานการผลิตอันหรูหราแห่งอังกฤษ ที่ทีมของ Vacheron Constantin ได้รังสรรค์เรือนเวลา Les Cabinotiers Armillary Tourbillon ( เลส คาบิโน ทิเยร์ส อาร์มิลลารี ทูร์บิญอง)เฉพาะหนึ่งเดียว โดยบรรจุภายในตัวถือเพื่อความปลอดภัยและสามารถถอดออกได้ ซึ่งติดตั้งลงในแผงหน้าปัดควบคุมด้านหน้าของยานยนต์ ในตัวเรือนทําจากไม้และหนังอันหรูหราสง่างามแบบเดียวกัน เพื่อยกระดับซึ่งการสร้างสรรค์สําหรับการบรรจุและฐานตั้งสําหรับนาฬิกา เมื่อถอดออกจากแผงควบคุมภายในห้องโดยสาร

สำหรับกลไกจักรกล ทีมช่างนาฬิกาของ Vacheron Constantin ได้เลือก คาลิเบอร์ 1990 ซึ่งผลิตในโรงงานของตนเอง ด้วยความสง่างามและชื่อเสียงในฐานะกลไกที่แสดงเวลาชั่วโมงและนาทีแบบเรโทรเกรดคู่ หรือ bi-retrograde ที่ชวนให้หวนนึกถึงอุปกรณ์ speedometer (สปีโดมิเตอร์) ของยานยนต์ตามประเพณี เช่นเดียวกับ Tourbillon Armillary แกนคู่ ที่ย้อนหวนคืนสู่ผลงานรุ่นต่างๆ ในศตวรรษที่ 18 บรรจุด้วยรูปทรงกลมท้องฟ้า โดยแสดงถึงการเต้นระบําแห่งจักรกลอันน่าประทับใจ พร้อมทั้งการตกแต่งที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและละเอียดอ่อนพิถีพิถันสูงสุด ขณะที่ตัวถือของนาฬิกายังบรรจบกับเกณฑ์แห่งความล้ำเลิศที่ยกระดับโดย Vacheron Constantin และด้วยเรือนเวลานี้นับเป็นตัวแทนของผลงานสร้างสรรค์อันร่วมสมัยครั้งแรกของแบรนด์สําหรับโลกแห่งยนตรกรรมอีกด้วย

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้