Last updated: 23 ก.ค. 2567 | 1352 จำนวนผู้เข้าชม |
Oris หวนคืนสู่ท้องทะเล พร้อมนาฬิการุ่น ลิมิเต็ด อิดิชั่น จำนวน 2,000 เรือนที่รังสรรค์ขึ้นเพื่อสนับสนุน Reef Restoration Foundation องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรในออสเตรเลีย และสานต่อพันธกิจของเราที่จะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีขึ้น
เสียงเรียกร้องของธรรมชาติ
เหตุการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ได้ทำให้แนวปะการังทั่วโลกตกอยู่ในสภาวะอันตราย Oris ได้ร่วมมือกับมูลนิธิเพื่อการฟื้นฟูแนวปะการัง (Reef Restoration Foundation) องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรผู้บุกเบิกในการอนุรักษ์และปกป้องแนวปะการังแห่งชีวิตเหล่านี้
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังส่งผลกระทบร้ายแรงต่อแนวปะการังของโลก จากการสำรวจทางอากาศของสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งออสเตรเลีย (Australian Institute of Marine Science) แสดงให้เห็นว่า 73 เปอร์เซ็นต์ของแนวปะการังที่สำรวจในอุทยานทางทะเลเกรตแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef Marine Park) ซึ่งเป็นแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดในโลก กำลังเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่า “ปรากฏการณ์การฟอกขาวเป็นวงกว้าง”
ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แนวกะปารัง Great Barrier Reef ประสบกับเหตุการณ์ฟอกขาวครั้งใหญ่รอบที่ 5 ซึ่งอุณหภูมิของน้ำที่สูงขึ้นทำให้ปะการังเผชิญกับภาวะเครียด จนทำให้ขับสาหร่ายขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ภายในเนื้อเยื่อของปะการังออกมา ส่งผลให้ปะการังเหลือเพียงโครงสร้างหินปูนสีขาว กลายเป็นที่มาของปรากฏการณ์ “ปะการังฟอกขาว” ซึ่งหากสถานการณ์นี้ยังคงยืดเยื้อต่อไป ปะการังก็จะตายในที่สุด
ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ? ตามข้อมูลของ National Oceanographic and Atmospheric Administration ในสหรัฐอเมริกา แนวปะการังครอบคลุมพื้นที่น้อยกว่า 1% ของมหาสมุทร แต่เป็นที่อยู่อาศัยของเกือบหนึ่งในสี่ของสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในมหาสมุทร สายพันธุ์เหล่านี้ช่วยรักษาสุขภาพของมหาสมุทรของเรา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตออกซิเจนถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของโลก นอกจากนี้แนวปะการังยังมีส่วนช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจโลกเป็นมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ต่อปี โลกของเราจึงขึ้นอยู่กับการอยู่รอดของแนวปะการังเหล่านี้
ในปี 2016 Reef Restoration Foundation ก่อตั้งขึ้นเพื่อรับมือกับผลกระทบจากการฟอกขาวของปะการัง องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรของออสเตรเลียแห่งนี้เชี่ยวชาญในด้านการเพาะพันธุ์ปะการังในมหาสมุทร ซึ่งเป็นการปลูกปะการังเพื่ออนุรักษ์ระบบนิเวศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพและแหล่งชีวิตที่สำคัญ
Oris ได้ร่วมมือกับ Reef Restoration Foundation ตั้งแต่ปี 2018 ในพันธกิจของเราที่จะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีขึ้น “Oris เป็นองค์กรที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ และมุ่งมั่นต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ประการของสหประชาชาติ” Rolf Studer, Co-CEO กล่าว “การสนับสนุน Reef Restoration Foundation เป็นความสุขใจ และเรารู้สึกยินดีที่ได้สนับสนุนงานของพวกเขา ในการรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อแนวปะการังของโลก”
โดยเราขอแนะนำประดิษฐกรรมแห่งเวลารุ่น Great Barrier Reef Limited Edition IV ผลิตจำนวน 2,000 เรือน ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นของ New Aquis Date Calibre 400 เพื่อสนับสนุนภารกิจของมูลนิธิ
ดำดิ่งสู่แนวปะการัง
นาฬิกา Great Barrier Reef Limited Edition IVมาพร้อมหน้าปัดกราเดียนท์ไล่ระดับสีที่สวยงาม และขับเคลื่อนด้วยระบบจักรกลออโตเมติก Calibre 400 ที่มีพลังงานสำรอง 5 วัน รังสรรค์ขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองและสนับสนุนภารกิจของ Reef Restoration Foundation องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในออสเตรเลียซึ่งเป็นพันธมิตรของเรา
นาฬิการุ่นนี้มีพื้นฐานมาจาก Aquis Date Calibre 400 รุ่นใหม่ที่เปิดตัวไปในงาน Watches and Wonders Geneva เมื่อต้นปีนี้ แต่มาพร้อมกับรายละเอียดพิเศษเพิ่มเติมที่ถูกออกแบบขึ้นเพื่อสื่อถึงเรื่องราวของมูลนิธิ
เริ่มต้นด้วยหน้าปัดสีน้ำเงินไล่ระดับที่สดใส ซึ่งสื่อถึงน้ำทะเลสีเทอร์คอยส์และสีน้ำเงินของ Great Barrier Reef จากทางอากาศ และการหักเหของแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านผืนน้ำ นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่เราสร้างสรรค์นาฬิกาที่มีการไล่ระดับสีของหน้าปัดในแนวตั้งจากตำแหน่ง 12 นาฬิกา แทนที่จะไล่ระดับจากตำแหน่งกลางหน้าปัด นอกจากนี้นาฬิการุ่นนี้ยังมาพร้อมขอบหน้าปัดทังสเตนสีเทา และฝาหลังที่มีการแกะสลักสัญลักษณ์พิเศษ รวมถึงหมายเลข ลิมิเต็ด อิดิชั่น ประจำตัวเรือน ซึ่งผลิตจำนวนจำกัดเพียง 2,000 เรือน
ภายใต้หน้าปัดที่สวยงามคือ กลไก Calibre 400 ที่พลิกโฉมหน้าวงการนาฬิกาของเรา ซึ่งเป็นระบบจักรกลออโตเมติกอินเฮ้าส์ที่มีพลังงานสำรอง 5 วัน ต้านทานสนามแม่เหล็กระดับสูงในชีวิตประจำวัน ระยะเวลาการบริการที่แนะนำ 10 ปี และการรับประกัน 10 ปี (เมื่อลงทะเบียน MyOris)
รังสรรค์ขึ้นบนฐานตัวเรือน Aquis Date 43.50 มม. นาฬิกา toolwatch ทันสมัยและเหมาะกับหลากหลายโอกาสซึ่งได้รับการออกแบบใหม่ มาพร้อมความสามารถในการกันน้ำที่ระดับ 30 บาร์ (300 เมตร) ตัวเรือนสเตนเลสสตีล เม็ดมะยมขันเกลียว บ่าป้องกันเม็ดมะยม วงแหวนขอบหน้าปัดหมุนได้ทิศทางเดียว และสายสตีลแบบสามข้อต่อ ที่ล้วนได้รับการปรับโฉมใหม่ทั้งหมด เพื่อให้สวมใส่ได้สบายขึ้นตามหลักสรีรศาสตร์และประสิทธิภาพที่สูงขึ้น เช่นเดียวกับทุกรุ่นของ Aquis Date Calibre 400 นาฬิการุ่นนี้ยังมีระบบเปลี่ยนสาย และระบบปรับขยายความยาวสายได้อย่างรวดเร็วที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ Oris ซึ่งทั้งสองระบบออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบาย และการใช้งานได้หลากหลาย
นาฬิการุ่นใหม่นี้จะช่วยสนับสนุนพันธสัญญาทางการเงินอย่างต่อเนื่องของเราที่มีต่อภารกิจการปลูกปะการังของมูลนิธิ
สัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด
Ryan Donnelly เข้าร่วมกับ Reef Restoration Foundation ในตำแหน่ง CEO ในปี 2020 นี่คือสิ่งที่เขาอธิบายเกี่ยวกับภารกิจของมูลนิธิและเหตุใดถึงมีความสำคัญ
Ryan ยินดีที่ได้รู้จัก ช่วยบอกเล่าให้เราทราบเกี่ยวกับตัวคุณสักหน่อย...
ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน! ผมชื่อ Ryan Donnelly และเป็น CEO ของ Reef Restoration Foundation ผมมีภูมิหลังที่หลากหลาย แต่ก็มักจะใกล้ชิดกับภาคส่วนทางทะเลมาโดยตลอด และมีงานที่ต้องผสมผสานการสนับสนุนและความร่วมมือเข้าด้วยกันอยู่เสมอ แม้ว่าแนวปะการังจะเป็นธีมที่สอดคล้องกับชีวิตการทำงานของผมมากที่สุด แต่เมื่อผมไปเที่ยวพักผ่อน คุณจะพบผมอยู่บนภูเขาสูง ซึ่งผมชอบที่จะเดินทางไกลในสภาพแวดล้อมที่ห่างไกลและท้าทายเหล่านั้น
เรื่องราวเบื้องหลังของ Reef Restoration Foundation คืออะไร?
ในปี 2016 พื้นที่ในบริเวณทางตอนเหนือจาก 3 ส่วนของแนวปะการัง Great Barrier Reef ต้องเผชิญกับคลื่นความร้อนของมหาสมุทรที่รุนแรง ซึ่งทำให้เกิดการฟอกขาวของปะการังครั้งเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อแนวปะการังมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ระหว่างเมือง Cairns และ Cape York ทางตอนเหนือสุดของออสเตรเลีย นักวิทยาศาสตร์หลายคนตกตะลึงกับขอบเขตของผลกระทบดังกล่าว ผู้ที่ชื่นชอบพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำทางทะเลในท้องถิ่นจึงมีแนวคิดที่จะริเริ่มองค์กรที่จำลองการทำงานของกลุ่มใน Florida Keys ที่ได้ฟื้นฟูแนวปะการังอย่างมุ่งมั่นมาตั้งแต่ปี 2007 และ Reef Restoration Foundation จึงได้ถือกำเนิดขึ้น
ปัจจุบันมูลนิธิดำเนินการที่ไหน และกำลังมุ่งเน้นโครงการใดอยู่บ้าง?
มูลนิธิมุ่งเน้นไปที่การเพาะพันธุ์ปะการังบนแนวปะการัง Great Barrier Reef เพียงอย่างเดียว ปัจจุบันเรามีสามไซต์ Fitzroy Island เป็นแนวปะการังใกล้ชายฝั่งและเป็นไซต์ R&D ของเราที่เราใช้ทดลองและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ส่วน Hastings Reef เป็นแนวปะการังขนาดกลางที่ต้องพยายามในการฟื้นตัวหลังเผชิญกับพายุไซโคลนระดับ 5 ในปี 2007 และ 2011 และจากการฟอกขาวครั้งใหญ่ในปี 2016 และ 2017 และ Moore Reef ก็เป็นแนวปะการังขนาดกลางอีกแห่งหนึ่งที่มีอัตราการเยี่ยมชมสูง ถือเป็นไซต์การผลิตหลักของเราที่มีขีดความสามารถมากที่สุดตามที่ใบอนุญาตกำหนด ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม Moore Reef กลับฟื้นมีชีวิตอีกครั้งในปี 2017 ในขณะที่ Hastings Reef ยังไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้ จุดโฟกัสเพียงอย่างเดียวของเราคือโครงการ Resilience & Recovery โดยที่เราจะติดชิ้นส่วนปะการังโดยตรงและถาวรเข้ากับ “กิ่งก้าน” ไฟเบอร์กลาสของโครง “ต้นไม้” แบบเคลื่อนที่ ซึ่งเป็นโรงเพาะพันธุ์กลางน้ำของเรา จุดประสงค์คือเพื่อสร้างและรักษาแหล่งวางไข่เพื่อเพิ่มตัวอ่อนปะการังนับพันล้านตัวให้กับสิ่งแวดล้อมปีแล้วปีเล่า
คุณกำลังเผชิญกับความท้าทายอะไรบ้างในการดำเนินภารกิจของมูลนิธิ?
เรายังคงเผชิญกับอุปสรรคด้านกฎระเบียบหลายประการ รวมถึงการขออนุญาตในเขตอุทยานทางทะเล และกฎหมายด้านสุขภาพและความปลอดภัยในที่ทำงาน ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แนวโน้มในเรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่าค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะยังคงเป็นความท้าทายในการรักษามูลนิธิไว้ ความต้องการรายได้ที่สูงขึ้นกำลังเผชิญกับวิกฤติค่าครองชีพที่กำลังครอบคลุมหลายพื้นที่ของโลก และตลาดการสนับสนุนทางธุรกิจและองค์กรการกุศลก็มีการแข่งขันกันมากขึ้น
ทำไมแนวปะการังถึงมีความสำคัญ?
แนวปะการังพบได้ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก แนวปะการังเหล่านี้เป็นรากฐานของความหลากหลายทางชีวภาพในมหาสมุทร และมอบผลประโยชน์ที่สำคัญทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม แนวปะการังก่อตัวขึ้นมาได้จากการเจริญเติบโตของปะการังกว่า 800 สายพันธุ์ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยให้กับประมาณหนึ่งในสามของสายพันธุ์สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในทะเล ยกเว้นจุลินทรีย์และเชื้อรา นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่ามีสายพันธุ์ปะการังมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ที่ยังไม่ได้รับการตั้งชื่อ และจำนวนปะการังรวมทั้งหมดอาจมีมากกว่า 800,000 สายพันธุ์ ความหลากหลายในระดับนี้น่าประทับใจเป็นพิเศษเมื่อพิจารณาว่าแนวปะการังครอบคลุมพื้นที่เพียงประมาณ 285,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่พื้นผิวของมหาสมุทรทั้งหมด แนวปะการังยังเต็มไปด้วยความสัมพันธ์แบบพึ่งพาซึ่งกันและกันระหว่างสายพันธุ์ต่างๆ ซึ่งพัฒนาขึ้นจากการวิวัฒนาการนับล้านปี แนวปะการังให้ประโยชน์ต่อผู้คนประมาณหนึ่งพันล้านคน ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม จากบริการทางระบบนิเวศมากมายที่แนวปะการังเหล่านี้มอบให้ โดยมีการประมาณการว่าแนวปะการังให้ผลประโยชน์ต่อผู้คนมูลค่าสูงถึง 2.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ซึ่งรวมถึงการเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางธรรมชาติที่สำคัญในการปกป้องแนวชายฝั่งที่เปราะบางมากขึ้นจากพายุและการไหลบ่าของกระแสน้ำ ความมั่นคงทางอาหารสำหรับประชากรกลุ่มเปราะบาง รายได้จากการท่องเที่ยว และแม้แต่วัตถุดิบสำหรับผลิตยารักษาโรค
ภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อแนวปะการังคืออะไร?
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อแนวปะการังทั่วโลก สำหรับแนวปะการัง Great Barrier Reef มีการลงทุนสาธารณะจำนวนมากเพื่อควบคุมประชากรของนักล่าปะการัง ปรับปรุงคุณภาพน้ำ จำกัดผลกระทบจากการพัฒนาชายฝั่ง และมั่นใจว่าการประมงของเราได้รับการจัดการอย่างดี อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้เป็นเพียงการบรรเทาผลกระทบทั่วโลกจากการสะสมของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศที่ทำให้โลกอุ่นขึ้นเท่านั้น นับตั้งแต่การระเบิดในยุคแคมเบรียน (Cambrian Explosion) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางชีวภาพที่สิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์และนิเวศวิทยาอุบัติขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อกว่าครึ่งพันล้านปีก่อน มีเหตุการณ์การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ที่หมายถึงการสิ้นสุดการดำรงชีวิตของกลุ่มชนิดพันธุ์บนโลกเกิดขึ้น 5 ครั้ง โดยแต่ละครั้งเกิดจากเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่ทำให้สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง เหตุการณ์เหล่านี้ใช้เวลาหลายสิบถึงหลายแสนปีในการเกิดขึ้นและไม่สามารถย้อนกลับคืนได้ อัตราของอุณหภูมิที่อุ่นขึ้นในปัจจุบันเกิดจากการกระทำของสปีชีส์เดียว และเร็วขึ้นกว่าที่เกิดในเหตุการณ์การสูญพันธุ์เหล่านั้นหลายร้อยเท่า แต่ความแตกต่างก็คือแนววิถีปัจจุบันสามารถย้อนคืนกลับได้ แม้ว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ความหลากหลายทางชีวภาพก็จะลดลงในทุกระบบนิเวศภายในอีกสองสามทศวรรษข้างหน้า เนื่องจากความสามารถในการปรับตัวตามธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดถูกท้าทาย นั่นรวมถึงแนวปะการังและป่าฝนเขตร้อนที่มีความเสี่ยงเป็นพิเศษ
เราได้ยินเกี่ยวกับการฟอกขาวของปะการังบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ มันคืออะไร อะไรที่เป็นสาเหตุ และปัญหานี้มีความสำคัญอย่างไร?
ปะการังฟอกขาวเป็นการตอบสนองต่อความเครียดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ความเครียดนี้สามารถเกิดขึ้นจากการไหล่บ่าของน้ำจืดมากเกินไป จนทำให้ความเค็มของน้ำทะเลเปลี่ยนแปลงไป หรือการได้รับรังสีจากดวงอาทิตย์ในระดับสูงเป็นเวลานานในสภาวะอากาศที่สงบมาก ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการฟอกขาวของปะการังในวงกว้างมากขึ้น แต่ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียดคือการสัมผัสกับอุณหภูมิของน้ำที่สูงขึ้นเป็นเวลานาน สีสันของตัวปะการังมาจากการอยู่ร่วมกันกับสาหร่ายขนาดเล็กที่เรียกว่า สาหร่ายซูแซนเทลลี (zooxanthellae) ซึ่งจะให้สารอาหารที่ได้จากการสังเคราะห์แสงที่จำเป็นแก่ปะการัง สาหร่ายซูแซนเทลลีมีขีดความสามารถในการทนทานต่อความร้อนได้หลายระดับ ซึ่งเมื่อเกินขีดความสามารถนี้อาจทำให้ประสิทธิภาพของมันลดลง และทำให้ตัวปะการังขับมันออกมาได้ ซึ่งจะทำให้สีของปะการังหายไปและทำให้ปะการังดูเหมือนถูกฟอกขาว ปะการังไม่ได้ตายจากการฟอกขาว แต่สามารถอดตายได้หากสภาวะไม่กลับสู่ปกติภายในเวลาประมาณหนึ่งเดือน เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นได้เร็วในช่วงฤดูร้อน โดยจะรุนแรงขึ้นเมื่อมีอุณหภูมิสูงขึ้น ยาวนานขึ้น และกำลังขยายขอบเขตออกไปอย่างกว้างขวาง การฟอกขาวของปะการังในแนวปะการัง Great Barrier Reef ปัจจุบัน ถือเป็นเหตุการณ์ปะการังฟอกขาวครั้งใหญ่ครั้งที่ 5 ในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา และเป็นครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา นี่เป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ปะการังฟอกขาวระดับโลกที่ทำให้ปะการังตายเป็นจำนวนมาก
มูลนิธิมีการดำเนินงานอย่างไรในการบรรเทาเหตุการณ์การฟอกขาวเหล่านี้?
ทุกความพยายามในการช่วยเหลือแนวปะการังมีจุดมุ่งหมายเพื่อซื้อเวลาในขณะทีโลกกำลังก้าวไปสู่อนาคตคาร์บอนต่ำ การแทรกแซงของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อชะลออัตราการลดลงของความหลากหลายทางชีวภาพ โดยการชะลออัตราการเปลี่ยนแปลงโดยรวม เรือนเพาะพันธุ์ปะการังของเราถูกออกแบบให้สามารถหย่อนลงไปในระดับความลึกที่มีอุณหภูมิเย็นกว่าในช่วงเวลาที่มีความเครียดจากความร้อน ซึ่งวิธีนี้จะรักษาสต็อกการสืบพันธุ์เพื่อช่วยเร่งฟื้นฟูในการสืบพันธุ์ประจำปีครั้งถัดไป
มูลนิธิได้รับเงินทุนสนับสนุนอย่างไร?
เราได้รับเงินทุนทั้งหมดผ่านการบริจาคและการสนับสนุนจากบุคคลและธุรกิจทั่วไปเท่านั้น เราไม่ได้รับเงินทุนจากรัฐบาล
คุณได้พบกับ Oris ครั้งแรกเมื่อใด และความร่วมมือของคุณพัฒนาไปอย่างไรบ้าง?
Oris เข้าร่วมในฐานะผู้สนับสนุนในปี 2018 โดยข้อตกลงนี้รวมถึงการให้การสนับสนุนเรือนเพาะพันธุ์ต้นปะการังหนึ่งแห่ง นอกจากนี้ยังรวมถึงการมอบนาฬิกาที่สวยงามจำนวนหนึ่ง ซึ่งบางส่วนเราจำหน่ายไปเพื่อสนับสนุนโครงการของเรา และนาฬิกาอีกเรือนหนึ่งที่ผมยังคงสวมใส่อยู่
นาฬิกา Great Barrier Reef Limited Edition IV จะมีบทบาทอย่างไรในการสนับสนุนมูลนิธิและภารกิจของมูลนิธิบ้าง?
นาฬิการุ่นนี้จะช่วยเหลือเราทางด้านการเงิน เนื่องจากตอนนี้เราต้องจ้างทีมงานหลักที่ปฏิบัติงานภาคสนามซึ่งต้องมีทักษะ และประสบการณ์ที่จำเป็น นอกจากนี้เรายังตั้งเป้าที่จะขยายขอบเขตการดำเนินงานของเราซึ่งจะรวมถึงการจัดซื้อวัสดุด้วย ข้อตกลงนี้ประกอบด้วยนาฬิกา 5 เรือนที่เราจะใช้ในการส่งเสริมความสัมพันธ์ และแปลงเป็นเงินสดเพื่อสนับสนุนโครงการของเรา
ผู้ที่อ่านเรื่องราวนี้จะมีส่วนร่วมและสนับสนุนมูลนิธิได้อย่างไร?
โดยสรุปคือเราต้องการการสนับสนุนทางการเงินเพื่อรักษาการดำเนินงานของเรา รายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการที่ผู้คนจะสามารถสนับสนุนภารกิจของเรา และการสนับสนุนนั้นจะถูกนำไปใช้อย่างไรบ้าง สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของเรา (rrf.org.au)
พบกับนาฬิกาเรือนจริงได้ที่งาน Siam Paragon Watch & Jewelry Expo 2024 ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม – 13 สิงหาคม 2567 หรือสนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรคาเดโร ไทม์ โทร. 084-088-2189 , 02-163-0555
25 พ.ย. 2567
25 พ.ย. 2567
25 พ.ย. 2567
23 พ.ย. 2567