ROLEX Perpetual Planet Initiative 2024

Last updated: 13 ส.ค. 2567  |  1030 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ROLEX Perpetual Planet Initiative 2024

Rolex ตระหนักดีถึงเรื่องความรับผิดชอบ จึงได้นำเสนอ Oceans Moment เพื่อตอกย้ำถึงความสำคัญและเฉลิมฉลองให้แก่มหาสมุทรทั่วโลก Rolex ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินงานระดับนานาชาติเพื่อสำรวจท้องทะเลมาเป็นเวลากว่าเจ็ดสิบปี โดยในระยะแรกมีเป้าหมายเพื่อค้นหาความตื่นเต้นท้าทายจากการค้นพบสิ่งใหม่ ก่อนนำไปต่อยอดสู่การค้นคว้าวิจัยและแสวงหาแนวทางเพื่อปกป้องธรรมชาติ

ปัจจุบัน Rolex Perpetual Planet Initiative ได้ให้การสนับสนุนโครงการมากมายในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่กำลังดำเนินงานอยู่ในหลายภูมิภาคทั่วโลก โดยมุ่งเน้นไปที่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล การปกป้องผืนป่า และการอนุรักษ์ระบบนิเวศที่เป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต เพื่อสร้างความมั่นใจว่า โครงการอันเป็นแรงบันดาลใจทั้งหมดที่ Rolex ให้การสนับสนุนนั้นได้รับความสนใจอย่างทั่วถึง แบรนด์จึงได้คัดเลือกโมเมนต์สำคัญที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี เพื่อฉายภาพโครงการและเรื่องราวของบุคคลผู้ที่ทำงานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในแต่ละด้าน Oceans Moment ถือเป็นโอกาสแห่งการเฉลิมฉลองให้กับผู้นำที่เป็นต้นแบบแห่งการลงมือทำเพื่อสร้างความเข้าใจและปกป้องท้องทะเล อันเปรียบเสมือนหัวใจสีน้ำเงินของโลกใบนี้

สำรวจเพื่อปกป้อง
สิ่งมีชีวิตบนโลกล้วนเกี่ยวโยงกับท้องทะเลโดยมิอาจแยกขาดจากกัน เพราะท้องทะเลเป็นแหล่งผลิตออกซิเจนและยังมีบทบาทสำคัญในการเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนและดูดซับความร้อน ดังนั้น ท้องทะเลจึงเป็นเสมือนพันธมิตรที่ช่วยรักษาสภาพภูมิอากาศโลกที่ดีที่สุด การอนุรักษ์ท้องทะเลจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างเร่งด่วน เพราะนอกจากจะปกป้องระบบนิเวศทางทะเลที่ใกล้สูญพันธุ์จากอันตรายที่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังเป็นการทำเพื่อช่วยโลกใบนี้ด้วย

นาฬิกา Rolex Oyster ที่ผลิตขึ้นในปี 1926 ได้ร่วมเดินทางไปกับนักสำรวจสู่ยอดเขาที่สูงที่สุดและจุดที่ลึกที่สุดของโลก ต่อมาในปี 1960 หลังจากที่ผู้ก่อตั้ง ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ ให้ความสนใจที่จะพัฒนานาฬิการุ่นใหม่ที่กันน้ำและทนต่อแรงดัน Rolex จึงได้นำยานสำรวจน้ำลึก Trieste ดำดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของร่องลึกมาเรียนา พร้อมกับนาฬิกาเรือนหนึ่ง ที่ระดับความลึก 10,916 เมตรจากพื้นผิวน้ำ

กว่า 50 ปีที่ผ่านมา โครงการต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Rolex ยังคงเปิดเผยความลึกลับของมหาสมุทร ซึ่งปรากฏให้เห็นชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า การสำรวจและอนุรักษ์ทางทะเลเป็นเหมือนเหรียญสองด้าน เอ็มมานูแอล เปริเย่-บาร์ดูต์ นักสำรวจใต้ทะเลลึกและผู้ร่วมก่อตั้งโครงการ Under The Pole (UTP) ซึ่งเป็นพันธมิตรของโครงการ Perpetual Planet Initiative กล่าวว่า "เราจำเป็นต้องศึกษาและเปิดเผยเรื่องนี้เพื่อปกป้องท้องทะเล"

สานต่อพันธกิจครั้งใหม่
การเปิดตัวโครงการแนวคิดริเริ่ม Perpetual Planet Initiative ของ Rolex ในปี 2019 ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นที่มีมาอย่างยาวนานของแบรนด์ในการปกป้องโลกใบนี้เพิ่มมากขึ้น โดยหนึ่งในเสาหลักสำคัญของโครงการนี้คือความร่วมมือกับ Mission Blue ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2009 โดยซิลเวีย เอิร์ล นักสมุทรศาสตร์ (เป็น Rolex Testimonee ตั้งแต่ปี 1982) เพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปกป้องระบบนิเวศทางทะเลที่สำคัญทั่วโลก ที่เรียกว่า Hope Spot ซึ่งเป็นเสมือนพื้นที่แห่งความหวัง เอิร์ลถือเป็นผู้บุกเบิกด้านการสำรวจทางทะเล ซึ่งชื่อเสียงและผลลัพธ์จากการที่เธอได้สร้างการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่

นับตั้งแต่ที่ทั้งสองโครงการได้ร่วมมือกันในปี 2014 Rolex ได้ให้การสนับสนุนความพยายามของ Mission Blue ในการเดินหน้าปกป้องพื้นที่ทางทะเลให้ครอบคลุม 30% ของทั่วโลกภายในปี 2030 ตามเป้าหมายที่องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (International Union for Conservation of Nature – IUCN) ได้กำหนดไว้เพื่อปกป้องความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล ปัจจุบัน เครือข่าย Hope Spot กว่า 160 แห่งในโครงการ Mission Blue ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมภูมิภาคที่มีความหลากหลายทางชีวภาพอันอุดมสมบูรณ์ เช่น หมู่เกาะอะโซร์สและหมู่เกาะกาลาปากอส เมื่อไม่นานมานี้ ซิลเวีย เอิร์ล ยังเป็นผู้นำเดินหน้าสำรวจน่านน้ำของหมู่เกาะกาลาปากอส โดยได้รับการสนับสนุนจากโครงการ Perpetual Planet Initiative ทีมสำรวจได้สำรวจแหล่งที่อยู่อาศัยของเต่าทะเล ทำแผนที่แหล่งอาหารของอาณาจักรเพนกวิน วัดระดับไมโครพลาสติก ฯลฯ เพื่อประเมินความสมบูรณ์โดยรวมของ Hope Spot หลังก่อตั้งเขตอนุรักษ์ทางทะเลกาลาปากอส มานาน 25 ปี พวกเขาพบป่าสาหร่ายทะเลที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้เชื่อว่าเติบโตได้เฉพาะในน่านน้ำที่เย็นกว่านี้มาก รวมถึงร่องรอยของดีเอ็นเอที่อาจเป็นของสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในทางวิทยาศาสตร์มาก่อน

Rolex สนับสนุนผู้ที่ทำงานเพื่อฟื้นฟูทะเลและนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผู้สร้างแรงบันดาลใจมากมายผ่านโครงการ Perpetual Planet Initiative ไม่ว่าจะเป็นโครงการ Coral Gardeners ซึ่งเป็นกลุ่มเยาวชนในเฟรนช์โปลินีเซียที่ร่วมกันฟื้นฟูแนวปะการังและสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสำคัญของแนวปะการังไปทั่วโลก รวมไปถึงช่างภาพสายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมชื่อดังระดับโลก อย่างคริสตินา มิตเตอร์ไมเออร์ และพอล นิกเลน ซึ่งจุดกระแสความสนใจให้ผู้คนหันมาเร่งลงมือทำเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในการอนุรักษ์ท้องทะเลและเป็นแรงบันดาลใจเชิงบวกในระดับโลก ผ่านการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านเลนส์ ภายใต้การสนับสนุนจากโครงการ Perpetual Planet Initiative

ยกระดับความร่วมมือทั่วโลก
Rolex ได้สร้างเครือข่ายนักอนุรักษ์ผ่านโครงการ Perpetual Planet Initiative ซึ่งเชื่อมโยงโครงการต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมที่ยิ่งใหญ่กว่าการดำเนินงานของแต่ละโครงการ หนึ่งในความร่วมมือลักษณะนี้คือการผสานความเชี่ยวชาญในการสำรวจใต้น้ำลึกของโครงการ UTP เข้ากับองค์ความรู้ของหลุยส์ โรชา ซึ่งเป็นนักมีนวิทยา (Ichthyologist) หรือผู้เชี่ยวชาญด้านปลาที่มีชื่อเสียงระดับโลก เจ้าของรางวัล Rolex Awards เพื่อร่วมกันสำรวจพื้นที่อยู่อาศัยของสัตว์ในทะเลลึกในกัวเดอลูปเป็นครั้งแรก

Rolex มองไปถึงอนาคตเสมอ และได้ให้การสนับสนุนนักวิชาการของสมาคม Our World-Underwater Scholarship Society ผู้ซึ่งผ่านการคัดเลือกจากสมาคม เพื่อเข้ารับการฝึกอบรมในกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับทะเล โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมนักสำรวจทางทะเลรุ่นใหม่

มหาสมุทรครอบคลุมพื้นที่เกือบสามในสี่ของพื้นผิวโลกและมีความหลากหลายทางชีวภาพเป็นอย่างมาก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Rolex มีส่วนร่วมในการวิจัยและงานอนุรักษ์ทางทะเลครอบคลุมทั่วโลกอย่างแท้จริง โครงการที่ Rolex สนับสนุนใน 16 ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสฟาลบาร์ดไปจนถึงมัลดีฟส์ เปรูไปจนถึงโปรตุเกส ได้สร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์สายพันธุ์ต่างๆ เช่น พะยูน ม้าน้ำ ฉลามวาฬ และฉลามขาว ด้วยการสนับสนุนโครงการสำรวจและอนุรักษ์ทางทะเลทั่วโลกอย่างไม่หยุดนิ่ง Rolex ยังคงมีส่วนร่วมในการต่อสู้เพื่อปกป้องอนาคตของท้องทะเลต่อไป

โครงการ Perpetual Planet Initiative
กับภารกิจ Mission Blue: Hope Spot อ่าวเอ็กซเมาธ์ และชายฝั่งนิงกาลู
เบน ฟิตซ์แพทริก (Ben Fitzpatrick) คือตัวอย่างของแชมป์เปี้ยนโครงการ Mission Blue Hope Spot เขาได้ใช้เวลาหลายสิบปีต่อสู้เพื่อปกป้องระบบนิเวศชายฝั่งที่เขาหลงรักตั้งแต่วัยเด็ก นั่นคือ อ่าวเอ็กซ์เมาธ์ และพื้นที่มรดกโลกชายฝั่งนิงกาลู ซึ่งเป็นที่รวมตัวของประชากรแม่วาฬหลังค่อมจำนวนมากที่สุดของโลกเพื่อเลี้ยงดูลูกของพวกมัน

Ningaloo แนวปะการังฝั่งตะวันตกเคียงคู่กับ Great Barrier Reef เป็นหนึ่งในแหล่งมรดกโลกทางทะเลของยูเนสโกที่สำคัญที่สุดของประเทศออสเตรเลีย และที่อยู่ถัดจากคาบสมุทรของแนวปะการังนี้คือผืนน้ำที่เงียบสงบของอ่าวเอ็กซเมาธ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อสถานอนุบาลนิงกาลู เนื่องจากมีพืชและสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์จำนวนมากอาศัยอยู่ในแนวปะการังที่นั่นเมื่อยังเล็ก ชายฝั่งของอ่าวที่เงียบสงบนี้มีระบบนิเวศป่าชายเลนของเขตแห้งแล้งจัดที่มีลักษณะเฉพาะ ถิ่นที่อยู่ที่มีความหลากหลายอย่างน่าอัศจรรย์ของอ่าวเอ็กซเมาธ์มีทั้งที่ราบเกลือที่เต็มไปด้วยสารอาหาร ทุ่งหญ้าทะเล แนวปะการังสาหร่ายขนาดใหญ่ ปะการังแข็ง และพื้นทะเลที่เต็มไปด้วยตัวกรองอาหาร ซึ่งทำให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพ วาฬหลังค่อมแวะมาที่อ่าวนี้ในระหว่างการอพยพอันยาวนานไปยังแอนตาร์กติกาเพื่อเลี้ยงลูกอ่อน โดยลูกวาฬที่เกิดใหม่จะมีขนาดเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในช่วงเวลาที่อยู่ที่นั่น ตั้งแต่การล่าวาฬในออสเตรเลียสิ้นสุดลง ประชากรวาฬกลุ่มนี้ก็ขยายตัวขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากเพียง 300 ตัวไปเป็นกว่า 30,000 ตัว ตามข้อมูลของ เบน ฟิตซ์แพทริก

“ส่วนใหญ่แล้ว อ่าวแห่งนี้น้ำค่อนข้างขุ่นและเข้าถึงได้ยาก ดังนั้นคนจึงคิดไม่ถึงว่าใต้ผิวน้ำจะมีระบบนิเวศทางทะเลที่น่าทึ่งและมีเอกลักษณ์ที่สุดในโลก มันจึงต้องการการปกป้อง สิ่งแวดล้อมเหล่านั้นบ่งบอกตัวของมันเอง สิ่งที่ผมทำทั้งหมดคือแค่ป่าวประกาศมันออกไป” / เบน ฟิตซ์แพทริก

พื้นที่ธรรมชาติที่งดงามนี้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์เกือบ 2,000 สายพันธุ์ นักท่องเที่ยวเดินทางมาจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อสัมผัสกับความหลากหลายทางชีวภาพที่อุดมสมบูรณ์ของพื้นที่แห่งนี้ ว่ายน้ำในแนวปะการัง และชมฉลามวาฬ วาฬหลังค่อม กระเบนราหู โลมา พะยูน งูทะเล ฉลาม และเต่าทะเล แม้ว่าอ่าวแห่งนี้จะเกิดขึ้นจากระบบนิเวศที่เชื่อมต่อกันของสองฝั่งมหาสมุทร แต่ก็เพิ่งได้รับการยอมรับและปกป้องในเวลาต่อมา

ตั้งแต่ปี 2014 Rolex ได้ร่วมมือกับองค์กรไม่แสวงผลกำไร Mission Blue โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการริเริ่ม Perpetual Planet Initiative ของบริษัท เพื่อปกป้องและอนุรักษ์พื้นที่สำคัญทางนิเวศวิทยาของมหาสมุทร เบน ฟิตซ์แพทริก ได้เสนอให้อ่าวเอ็กซ์เมาธ์และชายฝั่งนิงกาลู เป็น Hope Spot เพื่อให้พื้นที่นี้เป็นที่รู้จักและแสดงให้เห็นว่าอ่าวและชายฝั่งแห่งนี้มีความสำคัญต่อการอยู่รอดของแนวปะการัง และในปี 2019 ซิลเวีย เอิร์ล นักสมุทรศาสตร์ระดับตำนานก็ได้ตอบรับพื้นที่นี้เข้าสู่เครือข่าย Mission Blue

“พื้นที่แห่งนี้ยอดเยี่ยมจริง ๆ – หากมองไปรอบโลก วาฬหลังค่อมได้เลือกพื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งเลี้ยงลูกของมัน แล้วทำไมเราจะไม่รักมันล่ะ” / ซิลเวีย เอิร์ล ผู้ก่อตั้ง Mission Blue และสมาชิก Rolex Testimonee

เบนหลงใหลในชายฝั่งนิงกาลูและอ่าวเอ็กซ์เมาธ์มาตั้งแต่อายุหกขวบ เมื่อปู่ของเขามักจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ "สิ่งที่น่าทึ่ง อย่างฉลามวาฬ พะยูน และการวางไข่ของปะการัง" เรื่องราวเหล่านี้ได้จุดประกายจินตนาการของเขาได้อย่างชัดเจน จนเลือกที่จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ทางทะเล และทุ่มเทในการปกป้องภูมิภาคแห่งนี้นับตั้งแต่นั้นมา ในปี 2003 เขาเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์สาธารณะเพื่อช่วยกันรักษาชายฝั่งนิงกาลูจากการพัฒนา และทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่มีคุณค่าระดับโลก

เมื่อไม่นานมานี้ เบนได้ออกสำรวจทางวิทยาศาสตร์ที่อ่าวเอ็กซ์เมาธ์ ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการสำรวจและค้นพบมากนัก เพื่อเก็บหลักฐานเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพและความเชื่อมโยงกับชายฝั่งนิงกาลู โดยสำรวจอ่าวทั้งทางอากาศและใต้น้ำ เขาต้องการที่จะแสดงให้เห็นว่า ชีวิตของสัตว์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกของชายฝั่งนิงกาลูนั้น ได้รับการชื่นชมและพึ่งพาความสมบูรณ์และสิ่งแวดล้อมของอ่าวเอ็กซเมาธ์ และด้วยการสนับสนุนจากโครงการริเริ่ม Perpetual Planet Initiative ของ Rolex เบนและทีมงานหวังที่จะส่งเสริมพื้นที่นี้ เพื่อขยายการคุ้มครองรอบพื้นที่อนุรักษ์นี้ให้กับสัตว์ทะเล

เกี่ยวกับโครงการ Perpetual Planet
เป็นเวลาเกือบหนึ่งศตวรรษที่ Rolex ให้การสนับสนุนนักสำรวจผู้บุกเบิกและผลักดันขีดความสามารถเพื่อก้าวข้ามขอบเขตความพยายามของมนุษย์ บริษัทฯ ได้ต่อยอดจากการสนับสนุนการสำรวจเพื่อค้นพบสิ่งใหม่ สู่การค้นหาแนวทางเพื่อปกป้องโลก พร้อมตอกย้ำความมุ่งมั่นในการสนับสนุนบุคคลและองค์กรในระยะยาว โดยใช้วิทยาศาสตร์เพื่อสร้างความเข้าใจและแสวงหาวิธีแก้ปัญหาความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน

การมีส่วนร่วมนี้สะท้อนชัดผ่านการเปิดตัวโครงการ Perpetual Planet Initiative อันเป็นแนวคิดริเริ่มในปี 2019 ซึ่งในช่วงแรกมุ่งเน้นไปที่การมอบรางวัล Rolex Awards for Enterprise รวมถึงความร่วมมือระยะยาวกับ Mission Blue และ National Geographic Society

ปัจจุบัน โครงการฯ ได้สร้างเครือข่ายพันธมิตรอื่นๆ กว่า 30 ราย โดยมุ่งเน้นไปที่การอนุรักษ์ท้องทะเล การปกป้องผืนป่า และการอนุรักษ์โลกอันเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต พันธมิตรเหล่านี้ ได้แก่ คริสตินา มิตเตอร์ไมเออร์ และพอล นิกเลน, โครงการสำรวจ Under The Pole, โครงการ Monaco Blue, โครงการ Coral Gardeners, โครงการ Rewilding Argentina และ Rewilding Chile ซึ่งเป็นองค์กรในเครือของ Tompkins Conservation รวมถึงผู้ได้รับรางวัล Rolex Award for Enterprise Laureates อีกมากมาย

Rolex ยังสนับสนุนนักสำรวจ นักวิทยาศาสตร์ และนักอนุรักษ์รุ่นใหม่ด้วยการมอบทุนการศึกษาและให้ทุนสนับสนุนผ่านโครงการต่างๆ อาทิ Our World-Underwater Scholarship Society และ The Rolex Explorers Club Grants

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้