Last updated: 9 ก.ย. 2567 | 577 จำนวนผู้เข้าชม |
Breitling ฉลองครบรอบ 140 ปีของการก่อตั้งแบรนด์นับจากปี 1884 โดย Léon Breitling ด้วย Pop-up Museum พิพิธภัณฑ์เฉพาะกิจภายใต้คอนเซ็ปต์ Breitling Then & Now นำเสนอเรื่องราวในแง่มุมต่างๆ ของแบรนด์ ตั้งแต่เริ่มต้นครั้งแรก ผ่านหน้าประวัติศาสตร์ในแต่ละปีด้วยเหตุการณ์สำคัญต่างๆ มากมาย การสร้างสรรค์ผลงานแต่ละคอลเลกชั่น ตลอดจนบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องในห้วงเวลาของแบรนด์ พร้อมนาฬิกาเรือนประวัติศาสตร์กว่า 88 เรือน ณ ใจกลางกรุงซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จาก 29 สิงหาคม ถึง 31 เมษายน 2024
ภายในอาคารสองชั้นของ Breitling Then & Now Pop-up Museum แบ่งการจัดแสดงออกเป็นโซนต่างๆ ประกอบด้วย Time Tunnel จุดเริ่มต้นของในเมือง Saint-Imier ในปี 1884 ก่อนที่ Leon Breitling จะย้ายบริษัทไปยังบ้านเกิดของเขาใน Chaux-de-Fonds เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนศูนย์กลางการผลิตนาฬิกาของสวิตเซอร์แลนด์ และคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ เบื้องหลังประตูทางเข้าพิพิธภัณฑ์แบ่งโซนพื้นที่จัดแสดงออกเป็นส่วนสำคัญต่างๆ เริ่มจากประวัติศาสตร์เริ่มต้นของแบรนด์ที่ใช้ภาพเคลื่อนไหวของ Léon Breitling มาบอกเล่าผ่านจอภาพ ให้ฟังและอ่านประวัติศาสตร์ที่นำเสนอให้เข้าใจง่าย โดยแบ่งแต่ละช่วงปีอย่างขัดเจน พร้อมกับนาฬิกาวินเทจตั้งแต่รุ่นแรกของแบรนด์และรุ่นสำคัญในแต่ละปี ที่แสดงถึงพัฒนาการของความคิดสร้างสรรค์ทั้งในเชิงกลไกและงานออกแบบ เรียกว่าเป็นมุมที่ทำให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของนาฬิกาได้อย่างน่าสนใจ จากนั้นก็จะเข้าสู่จักรวาลของ Breitling ที่แบ่งออกเป็น Air, Sea, Land และ Chronometrie บอกเล่าเรื่องราวที่เข้าใจง่ายและสนุกไปกับกิจกรรมต่างๆ ที่เตรียมไว้ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
พร้อมการเปิดตัว Pop-up Museum แบรนด์ยังได้เปิดตัวหนังสือ Breitling 140 Years in 140 Stories กับ 140 เรื่องราวในประวัติศาสตร์ และนาฬิกา 3 รุ่นพิเศษ ประกอบด้วย Premier B19 Datora 42 140th Anniversary, Navitimer B19 Chronograph 43 Perpetual Calendar 140th Anniversary และ Super Chronomat B19 44 Perpetual Calendar 140th Anniversary ทุกรุ่นมาพร้อมกลไกชุดใหม่ที่พัฒนาขึ้นล่าสุด คาลิเบอร์ B19 ที่ทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
Premier B19 Datora 42 140th Anniversary ได้แรงบันดาลใจจากนาฬิกา Premier ที่ผลิตขึ้นในปี 1943 ซึ่งนำนาฬิกาโครโนกราฟจากห้องนักบินมาสู่นาฬิกาข้อมือ งามสง่าในตัวเรือนและขอบตัวเรือนเรดโกลด์ 18k ขนาด 42.0 มิลลิเมตร หนา 15.6 มิลลิเมตร เด่นด้วยพื้นหน้าปัดดำสนิทตัดด้วยหลักชั่วโมงในตัวเลขอารบิกเรดโกลด์เช่นเดียวกับชุดเข็มพร้อมเคลือบสารเรืองแสง รอบนอกหน้าปัดคือสเกลทาคีมิเตอร์หรือมาตรคำนวณความเร็วในวงแหวนสีดำ หน้าปัดย่อยที่ 3 นาฬิกาแสดงวันที่และการจับเวลา 30 นาที, หน้าปัดย่อยที่ 6 นาฬิกาแสดงเดือนและปีอธิกสุรทิน หน้าปัดย่อยที่ 9 นาฬิกา แสดงวันในสัปดาห์พร้อมวินาที และหน้าปัดย่อยที่ 12 นาฬิกาแสดงเวลาข้างขึ้น-ข้ามแรม ภายในคือกลไกโครโนกราฟอัตโนมัตุดใหม่ Breitling Manufacture คาลิเบอร์ B19 ที่ขึ้นลานได้สองทิศทางด้วยโรเตอร์ทำด้วยเรดโกลด์ 22k ที่แกะสลักลวดลายโรงงานดั้งเดิมของ Breitling ใน Montbrillant ที่ซึ่งเป็นหมู่บ้านอันงดงามของสวิสที่ Léon Breitling เริ่มต้นเวิร์กช้อปแห่งแรกขึ้น กลไกชุดนี้ทำงานด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง ประกอบด้วยชิ้นส่วน 374 ขิ้น จับเวลาแม่นยำด้วยชุดจักรคอลัมน์วีลและคลัตช์แนวดิ่ง ผสานระบบปฏิทินร้อยปีเข้ากับระบบจับเวลาได้อย่างลงตัว สำรองพลังงานได้นาน 96 ชั่วโมงและกันน้ำได้ 100 เมตร พร้อมรับประกันความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์จากสถาบัน COSC ประกอบสายหนังจระเข้สีดำ แต่พลิกด้านหลังก็จะเห็นสายสีเหลืองสุดเท่
Navitimer B19 Chronograph 43 Perpetual Calendar 140th Anniversary รุ่นนี้ได้แรงบันดาลใจจากนาฬิกา Navitimer ซึ่งเป็นนาฬิกานักบินรุ่นแรกที่ผสานรวมกลไกจับเวลาเข้ากับฟังก์ชั่น slide rule ต้นแบบจากปี 1952 ที่ผลิตให้กับสมาชิกของ Aircraft Owners and Pilots Association (AOPA) ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และในปี 1962 ยังกลายเป็นนาฬิกาข้อมือรุ่นแรกของสวิสที่ออกสู่อวกาศ สำหรับรุ่นฉลอง 140 ปีเรือนนี้เผยโฉมในตัวเรือนเรดโกลด์ 18k ขนาด 43.0 มิลลิเมตร หนา 15.61 มิลลิเมตร ขอบตัวเรือนทำด้วยเรดโกลด์ 18k เช่นกัน แต่หมุนได้สองทิศทางพร้อมประดับสเกล slide rule เพื่อใช้ในการคำนวณด้านการบิน ฝาหลังเปลือยเผยให้เห็นการทำงานของกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติพร้อมปฏิทินร้อยปี คาลิเบอร์ Breitling Manufacture B19 ชุดเดียวกัน สวยเหมือนกันและเที่ยงตรงเช่นเดียวกัน รุ่นนี้มาพร้อมหน้าปัดเรดโกลด์ 18k พร้อมหลักชั่วโมงและชุดเข็มทำด้วยเรดโกลด์ 18k จับคู่กับสายสองสีโดยด้านบนเป็นหนังจระเข้สีดำและด้านหลังในเฉดสีเหลือง พร้อมความสามารถกันน้ำ 100 เมตร
Super Chronomat B19 44 Perpetual Calendar 140th Anniversary รุ่นนี้ได้แรงบันดาลใจจากนาฬิกา Chronomat รุ่นแรกที่เปิดตัวในปี 1983 เพื่อ Frecce Tricolori ทีมผาดโผนของอิตาลี โดยมาในตัวเรือนใหญ่สุดสำหรับซีรีส์เฉลิมฉลองที่ 44.0 มิลลิเมตร ทำด้วยเรดโกลด์ 18k เช่นเดียวกับสองรุ่นแรก หนา 15.35 มิลลิเมตร ขอบตัวเรือนทำด้วยเรดโกลด์ 18k และอินเสิร์จด้วยเซรามิกสีดำและแบ่งสเกลในทุก 15 นาทีในดีไซน์ขอบยกสูงให้สัมผัสได้ง่าย แม้ใส่ถุงมือนักบิน ขอบตัวเรือนหมุนได้ทิศทางเดียว พื้นหน้าปัดสีเทาเข้มในแบบสเกเลตันพร้อมหน้าปัดย่อยแซฟไฟร์สีดำ แสดงเวลา การจับเวลาและระบบปฏิทินร้อยปีครบถ้วน รุ่นนี้ก็มาพร้อมขุมพลังชุดใหม่ B19 เช่นกัน สเปกเดียวกัน ต่างกันในรายละเอียดของดีไซน์มากกว่า รวมไปถึงสายที่มาพร้อมสายยางซึ่งได้แรงบันดาลใจจากสาย Rouleaux สุดคลาสสิก
8 ต.ค. 2567
16 ต.ค. 2567
7 ต.ค. 2567
26 ก.ย. 2567