HUBLOT Classic Fusion Essential Grey VOLUME III

Hublot (อูโบลท์) เคยเปิดตัวนาฬิกาที่มาพร้อมเสน่ห์แห่งสีเทาแบบเต็มพิกัดในซีรีส์ Essential Grey ไปแล้วถึง 2 รุ่น ใน 2 ปีที่ผ่านมา ได้แก่ Big Bang Unico Essential Grey ในปี 2022 ตามมาด้วย Spirit of Big Bang Essential Grey ในปี 2023 มาถึงปีนี้ Hublot สานต่อผลงานในซีรีส์  Essential Grey ลำดับที่ 3 หรือ Volume III โดยนำดีไซน์สปอร์ตหรูจากคอลเลกชั่น Classic Fusion มาเติมเต็มด้วยสีเทาทั่วทั้งร่าง สร้างเสน่ห์ในรูปแบบโมโนโครมที่ไม่มีวันตกยุคใน 2 ขนาดตัวเรือนได้แก่ 45.0 มิลลิเมตร หนา 10.95 มิลลิเมตร และขนาด 42.0 มิลลิเมตร ที่มีความหนา 10.4 มิลลิเมตร ซึ่งทั้ง 2 ขนาดได้รับการผลิตในฐานะสเปเชียลเอดิชั่น และจำกัดช่องทางจัดจำหน่ายเอาไว้เฉพาะแค่ทางออนไลน์เท่านั้น

Classic Fusion Essential Grey ทั้ง 2 ขนาด ได้รับการรังสรรค์ตัวเรือนขึ้นจากไทเทเนียมโทนสีเทา ที่ยังคงไว้ซึ่งการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ โดยพื้นผิวขัดแต่งเป็นลายเส้นซาตินแนวตั้ง ร่วมด้วยการขัดจนขึ้นเงาผสมผสานกันอย่างลงตัว โดยมีขอบเบเซลวงกลมยึดด้วยสกรูขัดเงารูปตัว H จำนวน 6 ตัว ยึดเอาไว้ทั้ง 6 จุด ด้วยระยะห่างที่เท่าๆกัน รวมถึงบนข้อต่อสายแบบ Hooded Lugs อีกข้างละ 2 จุด และทนต่อแรงกดดันของน้ำได้ 50 เมตร กระจกหน้าปัดคริสตัลแซพไฟร์เคลือบ AR กันแสงสะท้อน เผยให้เห็นหน้าปัดสีเทาคมชัดที่สะท้อนประกายงามหรูอันเกิดจากการขัดผิวแบบซันเบิร์สต์ โดยทั้ง 2 รุ่น มีองค์ประกอบเลย์เอาท์และการตกแต่งแทบจะเหมือนกันทุกประการ โดยใช้มาร์คเกอร์ทรงแท่งผิวเงางามที่ผ่านการตัดแต่งเป็นมุมจั่ว พร้อมด้วยเข็มทรงบาตองปลายแหลมซึ่งแสดงการบอกเวลาเป็นชั่วโมง นาที และวินาที ซึ่งเข็มวินาทีถูกออกแบบให้ยาวเรียวและมีปลายถ่วงเข็มเป็นโลโก้ของ Hublot ส่วนฟังก์ชันวันที่จัดวางอยู่ภายในช่องกรอบสี่เหลี่ยม 3 นาฬิกา ซึ่งทำแผ่นวงแหวนวันที่เป็นสีเทาอย่างกลมกลืน

เรือนเวลา Classic Fusion Essential Grey ขนาด 42.0 มิลลิเมตร บรรจุเอาไว้ด้วยกลไกอัตโนมัติ คาลิเบอร์ HUB1110 อันพัฒนาเพิ่มเติมจากกลไกพื้นฐาน Cal. SW300-1 a ของ Sellita มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 25.6 มิลลิเมตร และหนาแค่ 3.61 มิลลิเมตร ทำงานด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง สามารถกักเก็บพลังงานสำรองได้ 42 ชั่วโมง ขณะที่เวอร์ชั่น 45.0 มิลลิเมตร บรรจุกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ HUB1112 ซึ่งพัฒนาขึ้นจากกลไกพื้นฐานคาลิเบอร์ SW300-1 a เช่นเดียวกัน มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 25.6 มิลลิเมตร เท่ากัน แต่ความหนาเพิ่มขึ้นเป็น 4.26 มิลลิเมตร รายละเอียดด้านคุณสมบัติไม่ว่าจะเป็นความถี่ พลังงานสำรอง ล้วนเหมือนกับคาลิเบอร์ HUB1110 ทุกประการ ทั้งสองคาลิเบอร์มาพร้อมระบบ Hacking Second ให้สามารถตั้งเวลาได้แม่นยำในระดับวินาที พื้นผิวของสะพานจักรและฐานกลไกขัดแต่งอย่างเรียบง่ายในโทนสีเทา และมีโรเตอร์แกะสลักเป็นตัวอักษร Hublot เคลือบสีดำให้ชื่นชมผ่านฝาหลังกรุกระจกคริสตัลแซฟไฟร์โปร่งใส ทั้ง 2 เวอร์ชั่น จับคู่อย่างลงตัวกับสายยางที่เย็บปักด้วยผ้าสีเทาซึ่งเชื่อมต่อเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเรือนแบบอินทีเกรเต็ด พร้อมชุดล็อคบานพับที่สร้างสรรค์จากเสตนเลสสตีล