Last updated: 9 ม.ค. 2568 | 275 จำนวนผู้เข้าชม |
BREGUET (เบรเกต์) ต้อนรับ “ปีมะเส็ง” ปีนักษัตรอันเป็นเอกลักษณ์ ด้วยการเผยโฉมเรือนเวลารุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่นพิเศษที่มีเพียง 8 เรือนเท่านั้นในโลก โดยแต่ละเรือนมาพร้อมหมายเลขตัวเรือนเฉพาะ โดดเด่นด้วยหัตถศิลป์อันทรงคุณค่าสองแขนง ได้แก่ ศิลปะการสลักลาย Guilloché (กิลโยเช่) และการแกะสลักด้วยมือ
งูคือสัญลักษณ์แห่งปัญญา สัญชาตญาณ การเปลี่ยนโฉม และความลึกลับ งูเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญในวัฒนธรรมจีน ถือเป็นตัวแทนแห่งความรู้และการเริ่มต้นใหม่ เพื่อฉลองปีมะเส็ง Breguet ได้ถ่ายทอดความเชี่ยวชาญด้านหัตถ์ศิลป์ออกมาเป็นเรือนเวลาอันโดดเด่น ที่สะท้อนถึงความงดงามและความหมายอันลึกซึ้งของงู อันเป็นสัตว์ที่เต็มไปด้วยความลึกลับน่าสนเท่ห์
ศิลปะการแกะสลักด้วยมือ
ผลงานล่าสุดของ Breguet นำเสนอศิลปะการแกะสลักทองคำอันแสนประณีต ด้วยเทคนิค Bas-relief หรือการสลักลายนูนต่ำ เนรมิตหน้าปัดให้กลายเป็นผลงานประติมากรรมขนาดย่อม โดยวาดแต่ละลวดลายด้วยมือจากนั้นนำมาแกะสลักอย่างพิถีพิถันโดยช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญ ผู้ใช้สิ่วและเครื่องมือแกะสลักด้วยความแม่นยำสูงสุดโดยการมองผ่านกล้องจุลทรรศน์ งานฝีอันประณีตนี้ถือเป็นขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนที่สุดของกระบวนการ ออกมาเป็นรายละเอียดอันงดงามราวกับมีชีวิต สุดท้ายชิ้นงานจะถูกทำความสะอาดและขัดแต่งให้เงางาม เผยให้งานแกะสลักที่มีมิติ งามเปล่งประกายในทุกรายละเอียด สะท้อนถึงสุดยอดความเชี่ยวชาญและความสามารถในการสร้างสรรค์งานนาฬิกาชั้นสูงของ Breguet
ศิลปะแห่งการสลักลาย Guilloché ด้วยมือ
เมื่อราวๆ ปี 1786 Breguet ได้นำเสนอศิลปะรูปแบบใหม่ นั่นคือการสลักลายด้วยเทคนิค Guilloché (กิลโยเช่) อย่างประณีตลงบนหน้าปัดเงินหรือทองคำ รายละเอียดอันโดดเด่นนี้ได้กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์มาจวบจนปัจจุบัน ความเชี่ยวชาญในศิลปะเก่าแก่นี้ยังคงถ่ายทอดผ่านงาน Guilloché ในผลงานล่าสุด ซึ่งรังสรรค์ขึ้นโดยใช้เครื่องสลัก Guilloché แบบโบราณที่มีอายุการใช้งานมายาวนานกว่าหนึ่งศตวรรษ เครื่องจักรเหล่านี้เปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของมือช่าง ช่วยให้สามารถสร้างลวดลายสลักด้วยมืออย่างแม่นยำถึงระดับ 1/10 มิลลิเมตร ยิ่งลวดลายมีความซับซ้อนมากเท่าใด ก็ยิ่งแสดงถึงความละเอียดอ่อนและทักษะของช่างฝีมือได้ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น แต่ละลายเส้นและแต่ละโค้งแกะสลักอย่างพิถีพิถัน เนรมิตให้หน้าปัดกลายเป็นศิลปะแห่งเรือนเวลาอย่างแท้จริง
สุนทรียศาสตร์แห่งความงาม
หลังจากแกะสลักรายละเอียดของงูและรายละเอียดแวดล้อมอย่างพิถีพิถันแล้ว Breguet เติมแต่งมิติสู่งานศิลป์ด้วยการเคลือบสีดำ สร้างความคมชัดที่ยิ่งโดดเด่น จากนั้นจึงทำการขัดเงาและสลักลาย Guilloché ด้วยมือ ซึ่งต้องใช้ความชำนาญชั้นเลิศเพื่อรักษาความคมชัดของผลงานที่มีความซับซ้อนอยู่แล้วเป็นทุนเดิม เพื่อเน้นความโดดเด่นของลวดลายใบไม้ จึงใช้เทคนิคการลงสีโปร่งแสงลงบนชิ้นงานจิตรกรรมขนาดเล็ก ช่วยสร้างเฉดสีเขียวหลากหลาย ในขณะที่ยังคงรักษาศิลปะงานแกะสลักไว้ได้อย่างงดงามกลมกลืนกับส่วนอื่นของหน้าปัด ผลงานที่ต้องอาศัยความแม่นยำและความประณีตละเอียดขั้นสูงนี้ทำขึ้นด้วยมือทั้งหมด ก่อให้เกิดการเล่นเฉดสีระหว่างสีเขียวเข้มและสีเขียวน้ำทะเลอย่างลงตัว ดีไซน์เข็มนาฬิกาของ Breguet แบบ “open-tipped pomme” ที่มีปลายเข็มทรงพระจันทร์เสี้ยว เคลื่อนวนผ่านเครื่องหมายแสดงชั่วโมงที่ประดับด้วยหมุดทองทรงกลมขนาดเล็กอย่างกลมกลืน ในขณะที่โรเตอร์ทองคำตกแต่งด้วยเทคนิค Guilloché เป็นลวดลายเมล็ดข้าวบาร์เลย์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรายละเอียดที่สะท้อนถึงความงามเหนือกาลเวลาและความเชี่ยวชาญด้านงานฝีมือของ Breguet
กลไก
กลไก Breguet calibre 502 เป็นตัวอย่างแห่งความงามสง่างามและความประณีต ที่มีขนาดบางเพียง 2.40 มม. นับเป็นความสำเร็จทางเทคนิคอย่างแท้จริง กลไกนี้เป็นหนึ่งในกลไกที่บางที่สุดในอุตสาหกรรมนาฬิกายุคปัจจุบัน และมาพร้อมกับโรเตอร์ทองคำ 22K ที่สลักลาย Guilloché ด้วยมืออย่างงดงาม ทุกส่วนประกอบของกลไกนี้ Breguet เป็นผู้พัฒนาขึ้นเองในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การขึ้นรูปชิ้นส่วนจนถึงการประกอบขั้นสุดท้าย กระบวนการที่ละเอียดอ่อนนี้ต้องอาศัยสุดยอดความเชี่ยวชาญด้านการทำนาฬิกา จึงมั่นใจได้ในเรื่องกลไกอันเที่ยงตรงและรายละเอียดที่กลมกลืนในทุกองค์ประกอบ
สำหรับกลไก Calibre 502 Breguet ยังคงรักษาศิลปะของกลไกอันละเอียดอ่อนไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยผสมผสานความงามทางสุนทรียศาสตร์เข้ากับสุดยอดความเชี่ยวชาญทางเทคนิค เพื่อสร้างสรรค์เรือนเวลาที่สะท้อนถึงมรดกอันทรงคุณค่าของแบรนด์อย่างแท้จริง
9 ม.ค. 2568
8 ม.ค. 2568
8 ม.ค. 2568
9 ม.ค. 2568