TAG HEUER Formula 1

Last updated: 13 ม.ค. 2568  |  226 จำนวนผู้เข้าชม  | 

TAG HEUER Formula 1

TAG Heuer จะกลับมาร่วมเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการ
ในการฉลองครบรอบ 75 ปีในฐานะกีฬาอันทรงเกียรติของ Formula 1

1 มกราคม 2025: เนื่องในโอกาสการเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี ของ Formula 1 ครั้งนี้ TAG Heuer จะกลับมามีบทบาทในฐานะผู้บอกเวลาให้แก่กีฬาอันทรงเกียรตินี้อีกครั้ง ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานที่มีร่วมกันกับ Formula 1 มามากว่าเจ็ดทศวรรษ ทำให้ในปี 2025 นี้ จะเป็นการฟื้นคืนความร่วมมืออันแสนพิเศษ ซึ่งสะท้อนถึงความหรูหรา ความแม่นยำนวัตกรรม ประสิทธิภาพ และความเร็ว

TAG Heuer เป็นแบรนด์ลักซ์ชัวรี่แบรนด์แรกที่โลโก้ได้ปรากฏบนรถแข่งใน Formula 1 เมื่อปี 1969 และเป็นแบรนด์แรกที่ให้การสนับสนุนทีมที่แข่งขันในปี 1971 พร้อมด้วยสถิติอันน่าประทับใจด้วย 239 ชัยชนะ, 613 ครั้งบนโพเดียม, 9,471 คะแนน, แชมป์ World Constructors 11 สมัย และแชมป์ World Drivers 15 สมัย สู่ชื่อผู้สร้างความร่วมมือกับทีมต่างๆ ทำให้ TAG Heuer กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Formula 1

ความร่วมมือระหว่าง TAG Heuer และ Formula 1 สะท้อนถึงปรัชญาที่มีร่วมกันระหว่างแบรนด์ระดับตำนานทั้งสองแบรนด์ที่ไม่ได้จำกัดแค่การแข่งขัน แต่ยังครอบคลุมถึงความมุ่งมั่นในวิศวกรรมด้านความแม่นยำ เทคโนโลยีอันล้ำสมัย วัสดุล้ำยุคและความทุ่มเทอย่างไม่มีหยุดยั้งเพื่อก้าวข้ามสถิติ และขีดจำกัดของตัวเอง


ความเชื่อมโยงที่ต่อเนื่องและยาวนานหลายทศวรรษ
TAG Heuer ก่อตั้งขึ้นในปี 1860 และสร้างชื่อเสียงในฐานะผู้ผลิตอุปกรณ์จับเวลาได้ตั้งแต่ช่วงแรกของประวัติศาสตร์ของแบรนด์ โดยในปี 1911 ได้เปิดตัว กลไกโครโนกราฟแบบติดตั้งบนแผงหน้าปัด เป็นครั้งแรกของโลก

ในปี 1916 บริษัทได้เปิดตัว Mikrograph ซึ่งเป็นนาฬิกาจับเวลาที่แม่นยำถึง 1/100 วินาทีเป็นครั้งแรกในโลกจนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ในด้านความแม่นยำสูงสำหรับการจับเวลาในการแข่งกีฬา และในช่วงปี 1950 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นของ Formula 1 นั้น TAG Heuer (ซึ่งในเวลานั้นยังคงใช้ชื่อว่า Heuer) ได้ตัดสินใจจะผลิตเฉพาะนาฬิกาข้อมือโครโนกราฟ โดยที่ตั้งใจจะให้เป็นนาฬิกาสำหรับผู้ที่มีเวลาเป็นสิ่งสำคัญ

ในช่วงปี 1960 ที่ Formula 1 เริ่มได้รับความนิยมนั้น Heuer เองก็ได้เข้ามามีบทบาทอันใกล้ชิดกับเหล่านักแข่งและกีฬานี้ โดยช่วงเวลาสำคัญแรกคือ Jochen Rindt นักแข่ง Formula 1 ชื่อดังที่ต่อมาได้คว้าแชมป์โลกประเภทนักแข่งและประเภททีมในปี 1970 ให้กับ Lotus และถึงแม้ว่าเขาจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ตลอดชีวิตแห่งการเป็นนักแข่งรถของเขานั้นเขาได้เลือกสวมนาฬิกา Heuer Autavia รุ่น 2446 บนข้อมือของเขา


ช่วงเวลาสำคัญได้เกิดขึ้นเมื่อ แจ็ค ฮอยเออร์ ซีอีโอของบริษัทในขณะนั้น ได้พบกับนักแข่งหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ โจ ซิฟเฟิร์ต (Jo Siffert) จากเมืองฟรีบูร์กประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และทำข้อตกลงให้ซิฟเฟิร์ตช่วยโปรโมตและสนับสนุนการเปิดตัว Calibre 11 ซึ่งเป็นกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติที่ได้ปฏิวัติวงการนาฬิกา โดยที่โลโก้ Heuer ได้ปรากฏบนรถยนต์ Rob Walker Lotus 49B ที่ซิฟเฟิร์ตใช้แข่งในฤดูกาลปี 1969 รวมถึงบนชุดเครื่องแบบของเขา และซิฟเฟิร์ตยังได้สวมนาฬิกา Heuer Autavia รุ่น 1163 หน้าปัดขาวที่ใช้กลไกใหม่ในขณะนั้นอีกด้วย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผู้ผลิตนาฬิกาหรือแบรนด์หรูใดๆ นอกเหนือจากซัพพลายเออร์

ยานยนต์ทั่วไปที่ให้การสนับสนุนแก่นักแข่ง Formula 1 และมีโลโก้ปรากฏอยู่บนรถที่ใช้แข่ง ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของกลยุทธ์การปฏิวัติวงการจากแจ็ค ฮอยเออร์ที่จะเปลี่ยนโฉมการทำการตลาดวงการกีฬาที่เกี่ยวข้องกับการแข่งรถยนต์ไปตลอดกาล

การร่วมงานกับ Scuderia Ferrari และ McLaren
ในปี 1971 Ferrari กำลังมองหาระบบจับเวลาสำหรับสนามทดสอบแห่งใหม่ของพวกเขา โดยสนามแข่ง Fiorano ในอิตาลีนั้น เป็นสนามแข่งแห่งแรกที่สร้างขึ้นเพื่อการนี้โดยเฉพาะสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ และในฐานะผู้นำด้านอุปกรณ์จับเวลาระดับโลก Heuer จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด โดยบริษัทได้พัฒนาอุปกรณ์ใหม่ที่เรียกว่า Le Mans Centigraph เพื่อช่วยให้ทีมจับเวลาในการทดสอบรถยนต์และนักแข่งในพื้นที่สนามแห่งนี้

ซึ่งเครื่อง Le Mans Centigraph และ จีน คัมพีช (Jean Campiche) พนักงานของ Heuer ผู้ควบคุมอุปกรณ์นี้นั้น คือผู้ที่ได้รับฉายาว่า “นักเปียโน” ซึ่งเป็นตำนานในประวัติศาสตร์การจับเวลาของโลกแห่งมอเตอร์สปอร์ต โดยเขาได้เดินทางไปทั่วโลกพร้อมกับทีม Ferrari และทำการจับเวลาอย่างอิสระอยู่ที่ข้างสนาม ช่วยให้ Ferrari นั้นสามารถคว้าแชมป์ World Drivers’ และ World Constructors’ ได้ในปี 1975 โดย นิกิ เลาดา (Niki Lauda) ซึ่งหลังจากทีมอื่นๆ เช่น BRM, McLaren และ Surtees ได้เห็นความสำเร็จของอุปกรณ์นี้ ทำให้ทีมเหล่านั้นก็ต้องการใช้งานอุปกรณ์นี้เช่นกัน

ความสัมพันธ์ระหว่าง Heuer กับ Ferrari ยังคงดำเนินไปจนถึงปี 1979 ก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นพันธมิตรกับทีม McLaren ซึ่งต่อมาจะกลายเป็นหนึ่งในความร่วมมือที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ Formula 1 ต่อมาในปี 1985 Heuer ถูกซื้อกิจการโดย Techniques d’Avant Garde Group ซึ่งเป็นเจ้าของทีม McLaren Formula 1 อยู่แล้ว


สิ่งนี้ไม่เพียงแค่ทำให้บริษัทมีชื่อใหม่เป็น TAG Heuer แต่ยังหมายความว่ารูปโลโก้ใหม่ของพวกเขาจะได้ปรากฏอยู่บนกระจกหน้าของรถรุ่น MP4/2C ซึ่งเป็นคันที่สามารถคว้าแชมป์ World Drivers’ สำเร็จในปี 1986 โดยมี อาแล็ง พร็อสต์ (Alain Prost) เป็นผู้ขับ

ในปีเดียวกันนั้น แบรนด์ได้เปิดตัวนาฬิกาเรือนใหม่ที่ได้ปฏิวัติวงการนาฬิกา พร้อมชื่อที่มีความหมายอันน่าทึ่งอย่างนาฬิการุ่น TAG Heuer Formula 1 ซึ่งนาฬิการุ่นนี้ได้กลายมาเป็นความทรงพลังทางวัฒนธรรม ด้วยการออกแบบตัวเรือน สายนาฬิกา และหน้าปัดที่มีสีสันสดใส ทำให้ประสบความสำเร็จได้อย่างเหลือเชื่อ ไม่เพียงแต่ยืนยันความเชื่อมโยงที่น่าทึ่งของ TAG Heuer กับกีฬามอเตอร์สปอร์ต แต่ยังกลายเป็นนาฬิการุ่นที่ทุกคนต้องมีในยุคนั้นอีกด้วย

อีกหนึ่งช่วงเวลาสำคัญที่เกิดขึ้นในปี 1988 เมื่อนักแข่งรถชาวบราซิลที่กำลังมาแรงชื่อว่า อาอีร์ตง เซนนา (Ayrton Senna) จะเข้าร่วมกับทีม McLaren ในฤดูกาลถัดไปเขาจะสวมนาฬิกาของ TAG Heuer และจะยังคงสวมมันต่อไประหว่างทางไปสู่การเป็นแชมป์ World สองสมัยติดต่อกันอีกด้วย ซึ่งความร่วมมือของ TAG Heuer กับ Oracle Red Bull จะยังคงดำเนินต่อไปพร้อมกับความรับผิดชอบในฐานะผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการของ Formula 1

ในปี 1992 TAG Heuer ได้ทำข้อตกลงเพื่อเป็นพันธมิตรในการเป็นผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการ ให้กับ Formula 1 โดยใช้ความเชี่ยวชาญอันยอดเยี่ยมของตนในการพัฒนาและเพิ่มความแม่นยำ รวมถึงความน่าเชื่อถือของระบบการจับเวลาในกีฬานี้ นอกจากนี้ระบบยังช่วยในการเก็บข้อมูลและการประมวลผล ซึ่งจะเพิ่มมิติใหม่ในการให้ความบันเทิงแก่ผู้ชมทางบ้าน รวมถึงโลโก้ TAG Heuer ที่ได้ปรากฏบนจอทีวีทั่วโลกจะกลายเป็นภาพจำที่สำคัญของกีฬา F1


ยุคสมัยใหม่
TAG Heuer ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในชัยชนะของ McLaren อีกสองครั้งในรายการ World Drivers’ Championship ในปี 1997 และ 1998 เพื่อเป็นการขอบคุณ มิกะ แฮ็คคิเน็น (Mika Häkkinen) ก่อนที่จะเข้าสู่ศตวรรษใหม่ในช่วงปี 2000s ที่เป็นยุคที่น่าทึ่งสำหรับ Formula 1 เห็นได้จากการเปลี่ยนแปลงจากเครื่องยนต์ V10 เป็น V8 และการแข่งขันที่เข้มข้นระหว่างนักแข่งที่ได้รับการยอมรับและดาวรุ่งคนใหม่ๆ ที่จะปรากฏตัว ณ สนามแข่งในอนาคต

หนึ่งในนักแข่งหน้าใหม่ที่เข้าร่วมกับทีม McLaren คือ ลูวิส แฮมิลตัน (Lewis Hamilton) ที่มีพรสวรรค์อันหายาก โดยที่เขาได้สร้างสถิติที่น่าทึ่งในการแข่ง F1 และได้สวมใส่นาฬิกา TAG Heuer ที่ข้อมือของเขา ขณะคว้าแชมป์ World Drivers Championship ได้ครั้งแรกในปี 2008

ในปี 2015 หลังประสบความสำเร็จจากความร่วมมือตลอด 30 ปีนั้น TAG Heuer และ McLaren ได้ตัดสินใจแยกกันไปเดินในเส้นทางที่แตกต่าง ต่อมาในปี 2016 ที่ผ่านมา TAG Heuer ได้เข้าร่วมกับทีม Red Bull ทีมที่ได้สร้างประวัติศาสตร์ที่ไม่อาจลืมเลือนได้ใน Formula 1 ด้วยระยะเวลาอันสั้น

ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่าง TAG Heuer และ Oracle Red Bull Racing ส่งผลให้คว้าชัยชนะใน World Drivers’ Championship ได้ถึง 4 สมัย และด้วยความสามารถที่ยอดเยี่ยมของ มักซ์ แฟร์สตัปเปิน (Max Verstappen) รวมถึง World Constructors’ Championship สองสมัยติดต่อกัน และความร่วมมือของ TAG Heuer กับ Oracle Red Bull จะยังคงดำเนินต่อไปพร้อมกับความรับผิดชอบในฐานะผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการให้แก่ Formula 1


การก้าวเข้าสู่บทใหม่
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารของ Liberty Media การแข่งขัน Formula 1 ได้กลายเป็นหนึ่งในรายการกีฬาแห่งความสำเร็จและมีความสำคัญทางวัฒนธรรมมากที่สุด โดยมีฐานแฟนคลับกว่า 750 ล้านคนทั่วโลก และมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียมากกว่า 90 ล้านคน ฐานแฟนคลับยังมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยมีอายุที่น้อยลงและหลากหลายมากขึ้น โดย 42% ของแฟนๆ เป็นผู้หญิง และ 1 ใน 3 มีอายุต่ำกว่า 35 ปี และฤดูกาลปี 2024 ที่ผ่านมา มีผู้ชมถึง 1.5 พันล้านคนที่ติดตามฤดูกาลอันยิ่งใหญ่นี้ ซึ่งเป็นการแข่งขันที่สูสี ที่ทำให้ได้ลุ้นกันจนถึงโค้งสุดท้ายในศึกที่น่าทึ่งระหว่าง McLaren และ Ferrari เพื่อชิงแชมป์ Constructors’ Championship ที่สนามอาบูดาบี

ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานในวงการมอเตอร์สปอร์ตและการเป็นผู้บอกเวลาในการแข่งขัน รวมถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ Formula 1 อีกด้วย TAG Heuer จึงรู้สึกตื่นเต้นที่ได้กลับมาเป็นผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการของการแข่งขัน Formula 1 อีกครั้งเป็นอย่างมาก

“ในกีฬาที่ถูกนิยามด้วยความแข็งแกร่งทางจิตใจ ความแข็งแกร่งทางร่างกาย กลยุทธ์ นวัตกรรม และประสิทธิภาพมันเป็นเรื่องธรรมดาที่ TAG Heuer จะอยู่ที่หัวใจของ Formula 1 ในฐานะผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการ” Antoine Pin CEO ของ TAG Heuer กล่าว “ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายทศวรรษใน Formula 1 ที่เชื่อมโยงเรากับนักแข่งและทีมที่ประสบความสำเร็จที่สุดตลอดกาล เรารู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจที่ชื่อของเราถูกเชื่อมโยงกับสิ่งที่เป็นนิยามของการเป็นผู้ชนะ นั่นก็คือ ‘เวลา’ และในขณะที่ Formula 1 และทีมงานที่ยอดเยี่ยมของพวกเขายังคงสร้างสรรค์ผลงานอันน่าทึ่งเพื่อให้กลายเป็นหนึ่งในสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการกีฬา เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางนี้และสร้างเรื่องราวใหม่ ๆ เพื่อเติมเต็ม TAG Heuer ให้ยิ่งใหญ่ขึ้น”

“การที่มีบริษัทที่มีความเชื่อมโยงกับ Formula 1 มาอย่างยาวนานหลายทศวรรษ ชื่อที่เกี่ยวข้องกับตำนานทั้งในอดีตและปัจจุบัน และมีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับกีฬาของเรา รวมถึงสะท้อนคุณค่าของเราได้อย่างสมบูรณ์แบบ นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ด้วยความมุ่งเน้นในด้านนวัตกรรม ความแม่นยำ และความเป็นเลิศแล้วนั้น TAG Heuer จึงเป็นพันธมิตรที่เหมาะสมที่สุดในฐานะผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการของ Formula 1 และผมรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่ามรดกที่เรามีร่วมกันนี้จะสามารถสร้างเรื่องราวใหม่ๆ ในอนาคตให้สมกับที่เราฉลองครบรอบ 75 ปีของเราได้อย่างไรบ้าง ” Stefano Domenicali ประธานและ CEO ของ Formula 1 กล่าว


ในปี 2025 นี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ที่น่าตื่นเต้นในความสัมพันธ์อันยาวนานหลายทศวรรษระหว่าง TAG Heuer และ Formula 1 ในฐานะผู้บอกเวลาอย่างเป็นทางการของ Formula 1 โดยที่ TAG Heuer จะมีบทบาทสำคัญทั้งในและนอกสนามแข่ง ผ่านการสร้างแบรนด์จากข้างสนาม การจัดกิจกรรมใน Fan Zone และ Paddock Club รวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่สะท้อนถึงความตื่นเต้นและความเร้าใจของ Formula 1 อีกด้วย และ TAG Heuer จะยังคงเสริมสร้างประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของ Formula 1 ต่อไป

เกี่ยวกับ TAG Heuer
TAG Heuer ก่อตั้งขึ้นในปี 1860 โดย Edouard Heuer (เอดูอารค์ ฮอยเออร์) ในเทือกเขาฌูรา (Jura Mountains) ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เป็นแบรนด์นาฬิกาหรูที่เป็นส่วนหนึ่งของ LVMH Moet Hennessy Louis Vuitton SE (“LVMH”) กลุ่มสินค้าหรูหราชั้นนำระดับโลก TAG Heuer มีฐานการผลิตอยู่ทีเมือง La Chaux-de-Fonds (ลาโช-เดอ-ฟง) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และมีฐานการผลิตทั้งหมด 4 แห่ง มีพนักงานจำนวน 1,900 คน และดำเนินธุรกิจใน 139 ประเทศ ผลิตภัณฑ์ของ TAG Heuer มีจำหน่ายทางออนไลน์ที่ www.tagheuer.com สำหรับบางประเทศ และผ่านทางบูติกที่มีอยู่ 260 บูติก และจุดจำหน่าย 2,300 แห่งทั่วโลก นำโดย Antoine Pin, (อองตวน ปิน) – CEO ของ TAG Heuer

ตลอดระยะเวลา 164 ปีของ TAG Heuer ได้แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของการผลิตนาฬิกาไสตล์อวังกาศอย่างแท้จริง และความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยเทคโนโลยีที่ปฏิวัติวงการ ซึ่งรวมถึงเฟืองแกว่ง (oscillating pinion) ในนาฬิกากลไกระบบจับเวลาในปี 1887 นาฬิกา Mikrograph (ไมโครกราฟX ในปี 1916 กลไกจับเวลาโครโนกราฟอัตโนมัติชุดแรกของโลก คาลิเบอร์ 11 ที่สร้างสรรค์ขึ้นในปี 1969 และนาฬิกาสมาร์ทวอชท์สุดหรูเรือนแรกในปี 2015 ปัจจุบัน คอลเลกชั่นหลักของแบรนด์ประกอบด้วย 3 ตระกูลระดับไอคอนที่ออกแบบโดย Jack Heuer (แจ็ค ฮอยเออร์) ประกอบด้วย TAG Heuer Carrera Monaco และ Autavia และนาฬิกาสไตล์ร่วมสมัยในคอลเลกชัน TAG Heuer Link, Aquaracer, Formula 1 และ Connected

ตามคำขวัญของ TAG Heuer ทีว่า “Don’t Crack Under Pressure” (ไม่หวั่นไหว แม้อยู่ภายใต้แรงกดดัน) ทั้งพันธมิตรและแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์ที่โดดเด่นล้วนแสดงออกถึงความหลงใหลในกิจกรรมและมีความสามารถสูง

For further information, please contact:
บุษราภรณ์ คินาวงศ์สกุล ( เอมี่ )
Communications Assistant
Z Communications
+66 (0)64 991 0427

Butsaraporn@groupzinternational.com
www.tagheuer.com @TAGHeuer

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้