Last updated: 21 มี.ค. 2568 | 353 จำนวนผู้เข้าชม |
นาฬิกาที่งามสง่าและเรียบหรูภายใต้ชื่อคอลเลกชั่น 1815 ได้รับการเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1995 หนึ่งปีหลังการฟื้นกลับมาอีกครั้งของแบรนด์ A. Lange & Söhne ในปี 1994 โดย Walter Lange ทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูลและ Gunter Blumlein หุ้นส่วนคนสำคัญ คอลเลกชั่น 1815 นี้เป็นผลงานที่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้กับปีเกิดของผู้ก่อตั้งแบรนด์ Ferdinand Adolph Lange
ข้อมูลสรุป
- เปิดตัวครั้งแรกในปี 1995
- ได้รับการสร้างสรรค์จากวัสดุต่างๆ ทั้งแพลทินัม ทองและสตีล
- คอลเลกชั่นนี้สืบทอดโดยตรงมาจากนาฬิกาพกของ A. Lange & Sohne
- องค์ประกอบอันเปี่ยมเอกลักษณ์ของ 1815 ได้แก่ ตัวเลขอารบิก สเกลนาทีแบบราง จุดสามจุดใน 4 ตำแหน่งหลักของแต่ละ 15 นาที
A. Lange & Söhne 1815 เป็นคอลเลกชั่นที่เปี่ยมเอกลักษณ์และสะท้อนขนบธรรมเนียมดั้งเดิมของแบรนด์ด้วยความพิถีพิถันในการออกแบบที่เรียบหรูและงามสง่า อัดแน่นด้วยความแม่นยำของชุดกลไกที่ยอดเยี่ยม ผสานกับความชื่นชอบในความสมบูรณ์แบบ แม้จะมีการสร้างสรรค์ในหลายรูปแบบหลากขนาดเพื่อตอบสนองความต้องการของรสนิยมที่แตกต่างกัน แต่เมื่อมองดูคอลเลกชั่น 1815 ก็จะเห็นเอกลักษณ์ในทุกเรือนร่วมกันจากองค์ประกอบไม่กี่อย่าง แต่มีความชัดเจนที่สุด ทั้งตัวเลขอารบิกงามสง่า สเกลนาทีในดีไซน์คล้ายรางรถไฟ และดีไซน์ 3 จุดในตำแหน่งหลัก 4 ตำแหน่งของ 3, 6, 9 และ 12 หรือทุก 15 นาที ภายใต้ดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาพกในอดีตที่เปี่ยมด้วยความประณีตและงามสง่าน่าหลงใหล รายละเอียดของคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้นาฬิกา 1815 เป็นที่จดจำได้ในทันที ไม่ว่าจะเป็นผลงานที่เรียบง่ายหรือเต็มเติมด้วยความซับซ้อนของฟังก์ชันต่างๆ ก็ตาม เพื่อให้เข้าใจถึงความสำคัญของคอลเลกชั่นนี้ เราอยากพาคุณย้อนกลับไปเมื่อ 210 ปีก่อน ไปพบกับผู้ก่อตั้งแบรนด์และจิตวิญญาณที่ส่งต่อมาจนถึงยุคปัจจุบันของ A. Lange & Söhne ในวันนี้
Ferdinand Adolph Lange
ผู้สร้างรากฐานที่มั่นคงด้วยความเที่ยงตรงและความประณีต
เกิดในปี 1815 ที่เมือง Dresden (เดรสเดน) Ferdinand Adolph Lange ผู้ที่เต็มไปด้วยความสดใส มีความสนใจในกลไกเป็นพิเศษและทำให้เขาเลือกเข้าเรียนที่ Technical University of Dresden โรงเรียนที่มีความโดดเด่นด้านช่างฝีมือและวิศวกรรม ในปี 1829 หลังจากสำเร็จการศึกษาในด้วยคะแนนที่ยอดเยี่ยมระดับเกียรตินิยมในปี 1835 เขาได้ฝึกงานกับปรมาจารย์ด้านการประดิษฐ์นาฬิกาชื่อดัง Johann Christian Friedrich Gutkaes ช่างนาฬิกาในราชสำนักและยังเป็นอาจาย์ของ Ferdinand ที่มหาวิทยาลัยอีกด้วย
เขาฝึกงานกับ Gutkaes เป็นเวลาสองปี ตั้งแต่ซ่อมนาฬิกาไปจนถึงประดิษฐ์นาฬิกาเรือนใหม่ ซึ่งทำให้พื้นฐานองค์ความรู้ดีขึ้นอย่างมากและมั่นคงในเวลาเดียวกัน แต่หัวใจสำคัญของการทำนาฬิกาอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ฝรั่งเศสและอังกฤษ ความปรารถนาที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับการทำนาฬิกากระตุ้นให้เขาออกเดินทางเพื่อพัฒนาทักษะการทำนาฬิกาและเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับงานฝีมือต่างๆ ให้ดีขึ้น เขาเดินทางไปตามที่ใจมุ่งมั่นและได้เรียนรู้กับปรมาจารย์ด้านทำนาฬิกาหลายคน รวมไปถึง Winnerl, John Arnold เป็นต้น
ก่อนจะออกเรือออกเดินทางแสวงหาความรู้ เขาได้รับจดหมายจาก Gutkaes อาจารย์และครูสอนพิเศษของเขา ซึ่งต่อมากลายเป็นพ่อตาของเขา “อย่าลืมบ้านของเธอเอง!” (Don’t forget your home!) บ้านเกิดยังต้องการเธอและผู้คนในเมืองก็ต้องการเธอเช่นกัน ซึ่ง Ferdinand Lange ไม่เคยลืมข้อความนี้เลย หลังจากเดินทางสั่งสมความรู้และประสบการณ์หลายปี เขาหวนกลับมาที่เมืองเดรสเดนในปี 1841 และร่วมหุ้นกับ Gutkaes
Gutkaes ได้รับมอบหมายให้สร้างนาฬิกาขนาดใหญ่สำหรับโรงอุปรากร Dresden Semper Opera House ในเมืองเดรสเดน เมื่อปลายทศวรรษปี 1830 ทำให้ Ferdinand Lange มีโอกาสได้ร่วมสร้างสรรค์นาฬิกา ‘Five- Minute Clock’ ด้วย นาฬิกาเรือนใหญ่นี้เปิดใช้งานครั้งแรกในวันที่ 12 เมษายน 1841 โดยตีบอกเวลาทุก 5 นาทีเหนือเวทีในโรงละครของเดรสเดนที่ถูกเรียกขานว่า Royal Court Theatre ในเวลานั้น นาฬิกาเรือนใหญ่บนเวทีอันโดดเด่น สร้างความฮือฮาและได้รับการยกย่องให้เป็นผลงานชิ้นเอกแห่งศิลปะการประดิษฐ์นาฬิกาของแซกซอน (Saxon)
หลังจากประสบความสำเร็จมาสองสามปี Ferdinand Lange มีความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนเมืองเดรสเดนและกลาสอุตเทอ (Glashütte) ให้กลายเป็นศูนย์การผลิตนาฬิกาของเยอรมนี เขาได้ส่งจดหมายถึงคนสำคัญมากมายเกี่ยวกับแผนธุรกิจ และได้รับการอนุมัติใบอนุญาตประกอบกิจการในภูมิภาคที่เศรษฐกิจส่วนใหญ่เป็นภาคการเกษตรกรรมอย่าง Erzgebirge ในเมืองกลาสฮุตเทอ และต่อมาในวันที่ เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1845 เขาได้วางรากฐานของ A. Lange & Cie ที่ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น A. Lange & Söhne ชื่อที่มีความหมายว่า Ferdinand Lange & Son เมื่อลูกชายของเขาเข้ามาดำเนินงานต่อ ในเวลานั้น เขาสร้างโรงงานผลิตนาฬิกาในชื่อของเขา พร้อมกับการวางวิสัยทัศน์ด้านอุตสาหกรรมนาฬิกาที่นำความเจริญรุ่งเรืองมาสู่ภูมิภาคนี้ เริ่มจากทีมช่างนาฬิกาฝึกหัด 15 คนที่เขาสอนพื้นฐานการผลิตนาฬิกาให้ และขยับขยายสู่บริษัทเล็กๆ ที่ผลิตชิ้นส่วนนาฬิการายย่อย ทำให้เมืองเล็กๆ นี้กลายเป็นศูนย์กลางการผลิตนาฬิกาของเยอรมนีอย่างที่ตั้งใจไว้
จากรากฐานสู่คอลเลกชั่น 1815
คอลเลกชั่น 1815 ได้แรงบันดาลใจด้านดีไซน์จากนาฬิกาพกรุ่นเก่าของ Lange ที่ผลิตโดย Ferdinand Adolph Lange และลูกชายของเขาในยุคแรกของการทำธุรกิจ เผยความงามสง่าจากหน้าปัดที่เรียบหรู ล้อมรอบด้วยตัวเลขอารบิกและรางสเกลนาทีที่คล้ายกับรางรถไฟ กับเอกลักษณ์ของจุดสามจุดใน 4 ตำแหน่งหลักที่สวยงามราวกับกลีบดอกไม้ ซึ่งเป็นดีไซน์ที่เป็นการยกย่องให้กับลวดลายของดอกไม้ที่ปรากฏในเครื่องเคลือบดินเผาของแซกโซนี (Saxony) อันเป็นหนึ่งในศิลปะและสินค้าพื้นเมืองเลื่องชื่อของแคว้นนี้ ตัวเลขอารบิกที่พิมพ์ตัวหนาเปี่ยมเอกลักษณ์และชัดเจน ช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับดีไซน์ และส่วนที่เว้าลึกตรงกลางดูมีมิติ ช่วยเติมเต็มภาพลักษณ์ที่สะท้อนถึงความละเมียดในเชิงการออกแบบจากอดีตบนนาฬิกาพกได้เป็นอย่างดี
ในปี 1994 เมื่อแบรนด์ A. Lange & Söhne ฟื้นคืนกลับมาอีกครั้งหลังจากสงครามโลกที่ทำลายเกือบทุกสิ่ง นาฬิกา 4 รุ่นแรกที่เปิดตัวในเวลานั้นคือ Lange 1, Saxonia, Tourbillon "Pour le Mérite," และ Arkade เป็นเสมือนสัญลักษณ์ของการหวนคืนสู่วงการนาฬิกา และในปีต่อมาก็ถึงเวลาของ 1815 ที่มาพร้อมกับกลไกจักรกลรุ่นที่ 3 ของแบรนด์ ที่มาพร้อมกับแท่นเครื่องสามส่วนสี่ ที่ได้รับการประดิษฐ์ขึ้นโดย Ferdinand Adolph Lange ซึ่งเป็นความสมเหตุสมผลในการนำองค์ประกอบอันเปี่ยมเอกลักษณ์มาใช้กับคอลเลกชั่นที่ได้แรงบันดาลใจจากอดีตภายใต้ชื่อจากปีเกิดของผู้ก่อตั้ง
คอลเลกชั่น 1815 รุ่นแรกที่เปิดตัวในปี 1995 เผยความงามสง่าในตัวเรือนแพลทินัมและทองคำ ตามมาด้วยรุ่นตัวเรือนไวท์โกลด์ในปี 1998 ที่มาพร้อมหน้าปัดสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งชองคอลเลกชั่นสีน้ำเงินในเวลานั้น และผลงานนี้ก็หยุดการผลิตไปในปี 1999 เมื่อถึงปี 2001 Lange เปิดตัวนาฬิกา 1815 ในตัวเรือนพิงก์โกลด์คู่กับหน้าปัดสีเงิน
นาฬิกาในตระกูล 1815 เปิดตัวพร้อมกลไกไขลานด้วยมือ แม้ว่าคอลเลกชั่นนี้จะได้รับการอัพเดทให้ทันสมัยขึ้น แต่ก็ยังเป็นผลงานที่สืบทอดมรกดอันล้ำค่าของแบรนด์ ซึ่งในอดีต A. Lange & Söhne ผลิตนาฬิกาพกกลไกอัตโนมัติน้อยมากไม่ถึง 50 เรือนตลอดระยะเวลากว่าร้อยปีนับจากการก่อตั้งขึ้นมา และไม่เคยผลิตกลไกอัตโนมัติเลยในยุคที่ Ferdinand Adolph Lange ยังมีชีวิตอยู่
แต่ต่อมาในปี 2004 แบนด์เปิดตัวนาฬิกา 1815 ที่มาพร้อมกลไกอัตโนมัติเป็นครั้งแรก แม้จะมาพร้อมสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ก็ยังรักษาพื้นฐานสำคัญของนาฬิกาในตระกูล 1815 ไว้เช่นเดิม และเพียงสองปี นาฬิการุ่น 1815 Automatik ก็เลิกผลิต และนำกลไกอัตโนมัติที่ยอดเยี่ยมนี้มาใช้กับคอลเลกชั่น Saxonia แทน โดยเปิดตัวรุ่น Saxonia Automatic ในปี 2007
ถัดมาอีก 2 ปี A. Lange & Söhne เปิดตัวนาฬิการุ่นสองของ 1815 ด้วยการเพิ่มขนาดตัวเรือนจาก 36 และ 37 มิลลิเมตรในรุ่นแรกสู่ตัวเรือนขนาด 40 มิลลิเมตรในรุ่นสอง นอกจากนี้ก็ยังมีความแตกต่างอีกเล็กน้อยอาทิเช่น ช่องว่างระหว่างหน้าปัดย่อยของการแสดงวินาทีเพิ่มขึ้นเล็กน้อย วงแหวนชั่วโมงและตัวเลขอารบิกก็ใหญ่ขึ้น ข้อความ “Made in Germany” เปลี่ยนฟอนต์ แต่ก็แทบไม่เห็นถึงความแตกต่าง
ส่วนกลไกที่ใช้กับรุ่นสองคือ L051.1 ไม่ต่างจากกลไกชุดเดิม L941.1 มากนักในเชิงภาพรวม แต่ให้พลังงานสำรองเพิ่มขึ้นจาก 45 ชั่วโมงเป็น 55 ชั่วโมง และระบบปรับตั้งจังหวะที่ต่างกัน ที่เหลือก็เหมือนกัน การพัฒนากลไกชุดใหม่ก็เพื่อให้เหมาะสมกับตัวเรือนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยในปี 2013 แบรนด์ยังได้เปิดตัวผลลงานสุดซับซ้อนของการผสานสองฟังก์ชันเข้าด้วยกันอย่าง 1815 Rattrapante Perpetual Calendar ในตัวเรือนพิงก์โกลด์
ในรุ่นที่ 3 ของ 1815 เริ่มต้นในปี 2014 กับขนาดตัวเรือนที่เล็กลงสู่ 38.5 มิลลิเมตร พร้อมกับโครงสร้างตัวเรือนที่ใช้ชอบตัเวรือนแบบขั้นบันไดที่ทำให้ดูทันสมัยขึ้น และย้ายตำแหน่งข้อความ ‘Made in Germany’ จากใต้แทร็กนาทีมาอยู่เหนือแท็กนาที โดยยังคงใช้กลไกชุดเดิมจากรุ่นสองคือ L051.1
ในปี 2015 เป็นวาระครบรอบ 200 ปีของ Ferdinand Adolph Lange แบรนด์ได้รังสรรค์ผลงานรุ่นพิเศษสองรุ่นจากตระกูล 1815 ที่ผลิตจำกัดเพียงรุ่นละ 200 เรือน ในตัวเรือนฮันนี่โกลด์ ทองสูตรพิเศษของแบรนด์มาพร้อมหน้าปัดสีเงินและรุ่นตัวเรือนแพลทินัมจับคู่กับหน้าปัดสีดำ รวมไปถึงการเพิ่มฟังก์ชันจับเวลาสุดเท่ของกลไกโครโนกราฟให้กับรุ่น 1815 Chronograph ที่มารพ้อมตัวเรือนขนาด 39.5 มิลลิเมตร ฝาหลังเผยให้เห็นการทำงานของกลไกไขลานโครโนกราฟ คาลิเบอร์ L951.5 ที่ดูคล้ายกับกลไก Datograph (คาลิเบอร์ 951.6) แต่กลไก Dato มีความต่างในรายละเอียดของการแสดงวันที่แบบ outsized date และมาตรวัดพลังงาน
ในงาน SIHH 2017 แบรนด์ได้เติมความซับซ้อนของฟังก์ชั่นปฏิทินให้กับนาฬิกาในตระกูล 1815 โดยเผยโฉม 1815 Annual Calendar ในสองเวอร์ชั่นของตัวเรือนไวท์โกลด์และโรสโกลด์ ทั้งสองรุ่นไม่เพียงแต่แสดงวันที่ เดือนอย่างแม่นยำโดยปรับตั้งเพียงแค่ 1 ครั้งในทุก 4 ปีของปีอธิกสุรทินในเดือนกุมภาพันธ์ที่มี 29 วัน ทั้งยังมาพร้อมการแสดงเวลาพระจันทร์ที่แม่นยำและเที่ยงตรงโดยไม่ต้องปรับตั้งยาวนาน 122 ปี และอีกผลงานคือ 1815 Chronograph Black Pulsometer Dial ที่ปรับโฉมเพิ่มความเท่ด้วยพื้นหน้าปัดสีดำ เพิ่มฟังก์ชั่นจับเวลาของการเต้นชีพจร ฟังก์ชั่นที่เหมาะสำหรับแพทย์และพยาบาล
ในปีเดียวกันนี้ก็มีข่าวเศร้าของการจากไปของ Walter Lange ผู้พลิกฟื้นคืนชีพให้กับแบรนด์ ทำให้ปีถัดมาคือ 2018 ผลงานสุดพิเศษที่ผลิตขึ้นเพียงเรือนเดียวเพื่อเป็นการรำลึกถึงบุคคลสำคัญท่านนี้ก็ได้เผยโฉมให้เห็นในผลงาน 1815 “Homage to Walter Lange” รหัส 297.078 ในตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 40.5 มิลลิเมตรกับหน้าปัดอีนาเมลที่ได้แรงบันดาลใจจากนาฬิกาพกในอดีต โดยพัฒนากลไกชุดใหม่และสุดพิเศษรหัส L1924 ที่อ้างอิงถึงปีเกิดของ Walter Lange และหมายเลข 3 ตัวแรกของรหัสของนาฬิกา 297 ก็มาจากวันเกิดคือ 29 กรกฏาคม (29/7) ของ Walter Lange นั่นเอง
ในปี 2020 ในงาน Watches & Wonders ที่ Shanghai แบรนด์เปิดตัวรุ่นพิเศษ 1815 Thin Honeygold ‘Homage to F.A. Lange’ เพื่อฉลองครบรอบ 175 ปีของผู้ก่อตั้งแบรนด์ โดยผลิตออกมาเพียง 175 เรือนเท่านั้น และตามมาด้วย 1815 Rattrapante Honeygold นาฬิกาที่แยกเข็มวินาทีเพื่อจับเวลาสองรายการพร้อมกันรุ่นแรกของแบรนด์ เป็นอีกหนึ่งผลงานที่รังสรรค์เพื่อเป็นเกียรติให้กับผู้ก่อตั้งแบรนด์
ในปี 2023 คอลเลกชั่น 1815 ฉลองครบรอบ 10 ปีของความซับซ้อนในการผสานระบบระบบจับเวลาแบบแยกเข็มวินาทีเพื่อการจับเวลาพร้อมกันสองรายการ และระบบปฏิทินร้อยปี ที่รวมกันอยู่ในผลงานรุ่น 1815 Rattrapante Perpetual Calendar ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี 2013 โดยรุ่นใหม่เปลี่ยนวัสดุตัวเรือนเป็นไวท์โกลด์ และพื้นหน้าปัดที่ทำด้วยพิงก์โกลด์ทั้งชิ้น ขณะที่กลไกการทำงานก็ยังคงเป็นกลไกไขลาน คาลิเบอร์ L101.1 ที่สุดตระการตาโดยเผยให้เห็นความละเอียดประณีตซับซ้อนและงดงามผ่านฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์
นาฬิกาคอลเลกชั่น 1815 ยังคงได้รับการสานต่อความงามสง่าต่อเนื่องในอีกหลากหลายรุ่น ทั้งรุ่นย่อยและรุ่นหลัก ทั้งเรียบง่ายแบบสองเข็มครึ่งไปจนถึงความซับซ้อนสูง และเป็นหนึ่งในคอลเลกชั่นหลักสำคัญที่สุดของ A. Lange & Söhne ที่อ้างอิงและสืบทอดประวัติศาสตร์ของแบรนด์จากอดีต จากผู้ก่อตั้งแบรนด์ และผู้สร้างฐานการผลิตนาฬิกาให้กับภูมิภาคแห่งแซกซอน แม้จะมีความหลากหลายทั้งการปรับเปลี่ยนขนาด การเติมฟังก์ชั่นต่างๆ หรือการเปลี่ยนแปลงของวัสดุทั้งตัวเรือนและหน้าปัด หรือการเลือกใช้กลไกที่แตกต่าง แต่ด้วยดีไซน์เปี่ยมเอกลักษณ์ที่ยึดมั่นมาตลอด ทำให้นาฬิกา 1815 ยังคงเหมือนเดิมตลอด 29 ปีที่ผ่านมา Z1995-2024) แน่นอนว่า ผลงานใหม่ยังคงรอการเปิดตัว แต่จะเป็นเมื่อไรนั้น ต้องคอยติดตามกันให้ดี สำหรับผู้ที่หลงใหลนาฬิกาที่เปี่ยมคุณภาพ เด่นด้วยเอกลักษณ์ และงามสง่าเป็นที่สุด
27 มี.ค. 2568
26 มี.ค. 2568