Last updated: 21 เม.ย 2568 | 312 จำนวนผู้เข้าชม |
นิทรรศการ Nature Sauvage จัดขึ้น ณ Former Command House ประเทศสิงคโปร์
คาร์เทียร์ (Cartier) เผยโฉมบทที่สามซึ่งนับเป็นบทส่งท้ายของคอลเลคชั่นไฮจิวเวลรี Nature Sauvage ณ ประเทศสิงคโปร์ โดยการมอบชีวิตให้กับเหล่าสรรพสัตว์แห่งอัญมณีเลอค่าที่ปรากฏโฉมท่ามกลางภูมิทัศน์แห่งธรรมชาติและพรมแดนเหนือจินตนาการ พร้อมด้วยจิตวิญญาณอันเปี่ยมด้วยพลังและความมีชีวิตชีวา
หลังจากการเปิดตัวครั้งแรกในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย และต่อด้วยบทที่สอง ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน บทที่สามของ Nature Sauvage นี้ได้จัดแสดงขึ้น ณ Former Command House ประเทศสิงคโปร์ สถานที่อันเปรียบดั่งอัญมณีแห่งประวัติศาสตร์นี้สะท้อนให้เห็นถึงการหยั่งรากลึกสู่มรดกแห่งอาณานิคม จึงเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการเป็นเวทีจัดแสดงนิทรรศการเครื่องประดับชั้นสูง อีกทั้งยังบรรจบกับโอกาสสำคัญที่คาร์เทียร์ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 ของการดำเนินกิจการในประเทศสิงคโปร์ด้วย
นิทรรศการครอบคลุมพื้นที่ 219 ตารางเมตร ภายใต้ธีมของหกจักรวาลที่ผ่านการบรรจงคัดสรรอย่างพิถีพิถัน เชื้อเชิญให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสความงดงามที่ผสานระหว่างธรรมชาติ วัฒนธรรม และความรู้ความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริง
การจัดแสดงแต่ละบทรังสรรค์ขึ้นในแบบฉบับของคาร์เทียร์ ที่เลือกนำเสนอการตีความของคอลเลคชั่นเครื่องประดับชั้นสูงผ่านเอกลักษณ์เฉพาะเพียงหนึ่งเดียวอย่างวัฒนธรรมเปอรานากัน (Peranakan) อันโดดเด่นของประเทศสิงคโปร์
เนื้อหาที่นำมาถ่ายทอดในนิทรรศการครั้งนี้ รวมถึงห้องเวิร์คช้อปสุดเอ็กซ์คลูซีฟของ ‘Art of Threading’ ซึ่งนำโดย Michel Aliaga ผู้อำนวยการด้านการถ่ายทอดมรดกและประวัติศาสตร์ของเมซง ร่วมกับเหล่าศิลปินท้องถิ่น ด้วยเป้าหมายหลักในการสำรวจคุณค่าที่มีร่วมกัน ด้านความหลากหลายทางวัฒนธรรม การธำรงรักษาไว้ซึ่งมรดก และคุณค่าแห่งงานหัตถศิลป์ ซึ่งก่อเกิดเป็นความคิดสร้างสรรค์และเทคนิคต่างๆ เห็นได้จากภาพคู่ขนานระหว่างศิลปะอันอ่อนช้อยของงานลูกปัดของชาวเปอรานากัน และความรู้ความเชี่ยวชาญในการรังสรรค์เครื่องประดับชั้นสูงของคาร์เทียร์
ความร่วมมือกันนี้ได้ถ่ายทอดผ่านการสร้างสรรค์ที่อุทิศให้แก่มรดกงานหัตถศิลป์และการแสดงออกทางวัฒนธรรมอย่างสร้อยคอ Alaxoa ผลงานชิ้นพิเศษที่ตกแต่งด้วยมรกตกว่า 400 เม็ด ผ่านการรังสรรค์ชิ้นงานอย่างพิถีพิถันกว่า 2,600 ชั่วโมง
ความเชี่ยวชาญและงานหัตถศิลป์อันแสนพิเศษของเมซงถือกำเนิดอิสระแห่งความคิดสร้างสรรค์ดังปรากฏในคอลเลคชั่น Nature Sauvage ที่ร่วมเฉลิมฉลองให้กับเหล่าสรรพสัตว์และผืนป่า รวมไปถึงเสือแพนเตอร์อันเป็นสัญลักษณ์ของเมซง จากพรมแดนน้ำแข็งจรดดินแดนแห่งพงไพร และจากรูปแบบเชิงนามธรรมด้านสถาปัตยกรรมสู่จินตนาการเหนือระดับ สัตว์เหล่านี้ได้เผยโฉมและเร้นกายอยู่ภายใต้ฉากต่างๆ ที่ทลายเขตกั้นระหว่างรูปร่างและรูปแบบ สะท้อนให้เห็นถึงความลึกลับน่าค้นหาทว่าหรูหรายิ่งใหญ่อันเป็นเอกลักษณ์ของคาร์เทียร์
จักรวาลอันเปี่ยมด้วยจินตนาการที่นำพาชีวิตมาสู่ความอัศจรรย์อันไร้ที่สิ้นสุด
ของ Nature Sauvage จากคาร์เทียร์
ห้อง Thrill with the Wind
อารัมภบทอันงดงามสู่โลกของ Nature Sauvage
การเดินทางของ Nature Sauvage เริ่มต้นขึ้นด้วยการโอบกอดอันเต็มเปี่ยมไปด้วยสัมผัสและห้วงอารมณ์ความรู้สึก ที่ซึ่งสายลมริมชายฝั่งได้พัดพามาพบกับบทกวีแห่งประติมากรรม ด้วยแรงบันดาลใจจากสายลมโชยอ่อนที่พัดพาไปทั่วชายฝั่งของประเทศสิงคโปร์ ห้องเปิดตัวของนิทรรศการนี้ นำเสนอการเคลื่อนไหวอันลื่นไหลและเป็นธรรมชาติของผืนทรายที่ปรากฏทั่วผนังทรงโค้งและพื้นผิวต่างๆ เพื่อเฉลิมฉลองให้กับความไม่สมบูรณ์อันสมบูรณ์แบบของธรรมชาติ บรรดาเสา Super Flowers ยังตั้งตระหง่านด้วยรูปทรงอันแสนงดงามที่รังสรรค์ขึ้นด้วยการสานหวายด้วยมือ สะท้อนให้เห็นถึงงานฝีมือท้องถิ่นอันบริสุทธิ์ รวมถึงสัญลักษณ์ไอคอนิคของทิวทัศน์แห่งเมืองสิงคโปร์
ห้อง Treasures of Land
รูปทรงเรขาคณิตแห่งธรรมชาติ และภูมิทัศน์ที่ผ่านการจินตนาการขึ้นใหม่
ในห้องที่สองนี้ Nature Sauvage ถ่ายทอดเรื่องราวด้วยจังหวะเปี่ยมเอกลักษณ์โดยดึงแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นที่จินตนาการขึ้นมาใหม่ด้วยมุมมองเส้นสายและโครงร่างแบบเรขาคณิต ผสมผสานอย่างกลมกลืนกับเหล่าเครื่องประดับชั้นสูงของคาร์เทียร์และเสน่ห์อันโดดเด่นของเกาะสิงคโปร์ พื้นที่จัดแสดงต่างผสานความความหนักแน่นและอ่อนโยนไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งการตกแต่งด้วยหวายสานทรงก้อนกรวดที่ตัดกับความโค้งมนนุ่มละมุน ขณะที่กล้วยไม้ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติของสิงคโปร์ได้เผยโฉมอย่างสง่างามท่ามกลางภูมิทัศน์ที่รังสรรค์ขึ้นอย่างประณีต นับเป็นลูกเล่นอันละเอียดอ่อนระหว่างธรรมชาติและโครงสร้าง ที่ซึ่งผืนป่าแห่งเมืองได้กลายเป็นดั่งผืนผ้าใบให้กับความงดงาม ความสมดุลและวิสัยทัศน์แห่งธรรมชาติที่แต่งแต้มโดยคาร์เทียร์
ห้อง Shapes of Water
ปลายทางแห่งการสำรวจผ่านสายน้ำ
เส้นทางของ Nature Sauvage สิ้นสุดลงด้วยการเดินทางแห่งสายน้ำ อันเป็นสัญลักษณ์ถึงแก่นแท้ของผืนน้ำที่โอบกอดประเทศสิงคโปร์เอาไว้ ด้วยการเคลื่อนไหวอันเปี่ยมด้วยพลัง พื้นที่จัดแสดงนี้เต็มไปด้วยการตีความเชิงศิลป์และงานศิลปะที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณลักษณะเฉพาะอันโดดเด่นของสายน้ำ ผ่านการนำเสนอวัสดุที่แตกต่างเข้ากับการเคลื่อนไหวอันลุ่มลึก ซึ่งการเคลื่อนไหวเหล่านี้ยังมาพร้อมกับประกายแสงสะท้อนถึงความแวววาวระยิบระยับของไฮจิวเวลรีจากคาร์เทียร์
ห้อง Tradition
จุดตัดของวัฒนธรรมกับมรดกแห่งคาร์เทียร์
ความโดดเด่นของมรดกแห่งคาร์เทียร์ (Cartier Tradition) คือการเชิดชูความคลาสสิคเหนือกาลเวลาของชิ้นงานไอคอนิคตลอดระยะเวลาหลายปีของเมซง ซึ่งกลายเป็นชิ้นงานวินเทจอันล้ำค่าในสายตาเหล่านักสะสม ผลงานแต่ละชิ้นที่เมซงรังสรรค์ขึ้นตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน ได้ผ่านการรับรองความเป็นของแท้ การจดบันทึกไว้ในเอกสาร และการดูแลซ่อมบำรุงเพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งงานหัตถศิลป์อันทรงคุณค่า ศิลปะงานเย็บปักถักร้อยและการประดับลูกปัดซึ่งสะท้อนประวัติศาสตร์อันรุ่มรวยของสิ่งทอในประเทศสิงคโปร์ได้รับการถ่ายทอดผ่านลวดลายกล้วยไม้ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติของสิงคโปร์ โดยจัดแสดงร่วมไปกับผลงานการสร้างสรรค์ในตำนานของคาร์เทียร์
ห้อง Fine Watchmaking
การมาบรรจบกันของห้วงเวลา งานฝีมือ และสัญลักษณ์นิยม
ภายในถ้ำอันลึกลับแห่งนี้ คาร์เทียร์ได้เผยจักรวาลแห่งเรือนเวลาชั้นสูงของเมซง ด้วยสถาปัตยกรรมทรงโค้งมนของห้องที่สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวอย่างไม่มีสิ้นสุดของเวลา ส่วนโค้งต่างๆ ตกแต่งด้วยการประดับฝังด้วยฟางเป็นลวดลายแบบซันเรย์อันเปล่งประกาย ชวนให้นึกถึงหน้าปัดแบบซันเรย์ของเรือนเวลาที่นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งงานศิลป์ของเมซง ใจกลางห้องนี้โดดเด่นด้วยเสาสานไม้ไผ่อันประณีตซึ่งตั้งตระหง่านอย่างเงียบสงบและมั่นคง เปรียบดั่งสัญลักษณ์เชิงวัฒนธรรมที่สะท้อนความแข็งแกร่งและสง่างาม องค์ประกอบเหล่านี้หลอมรวมเป็นหนึ่งเพื่อเชิดชูเมติเยร์ ดาร์ท (métier d’art) ของคาร์เทียร์ โดยถ่ายทอดการมาบรรจบกันอย่างไร้กาลเวลาระหว่างงานออกแบบ มรดกและความมหัศจรรย์ทางเทคนิค
บทกวีระหว่างวัฒนธรรมและจินตนาการ
ห้อง Special Order นี้อุทิศให้กับวัฒนธรรมและความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ซึ่งตัวตนและอัญมณีอันแสนพิเศษนั้นได้มาพบกันโดยได้แรงบันดาลใจมาจากเสน่ห์แห่งการประดับตกแต่งบ้านเรือนแบบดั้งเดิมของชาวสิงคโปร์ อย่างกระเบื้องเซรามิกสีสันโดดเด่นซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปภายในบ้านพักและร้านรวงของชาวเปอรานากัน การตกแต่งลวดลายดอกไม้และเหล่าสรรพสัตว์ซึ่งสะท้อนถึงเอกลักษณ์อันรุ่มรวยและบุคลิกเฉพาะตัวที่หยั่งรากลึกอยู่ในมรดกของประเทศ ภายในห้องนี้ แขกผู้มาเยือนจะได้รับการเชื้อเชิญให้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งการสร้างสรรค์ร่วมกัน ท่ามกลางสรรพสัตว์ของคาร์เทียร์ที่ดูราวกับมีชีวิตขึ้นมาบนผนังที่ถักสานไว้อย่างละเอียดละออเป็นลวดลายของกระเบื้องจากมรดกพื้นถิ่น บรรยากาศของห้องนี้จะพาทุกคนก้าวข้ามทุกขอบเขตระหว่างอดีตและปัจจุบัน ระหว่างประเพณีดั้งเดิมและการเปลี่ยนแปลงใหม่ได้อย่างกลมกลืนไร้ที่ติ
นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ห้อง Private Viewing ส่วนตัวสำหรับชมคอลเลคชั่นต่างๆ ทั้งหมดสิบห้อง ซึ่งแต่ละห้องล้วนออกแบบขึ้นจากสามแนวความคิดอันโดดเด่นจากความร่วมมือกับศิลปินท้องถิ่น เพื่อมอบประสบการณ์การการดื่มด่ำกับชิ้นงานได้อย่างแท้จริง ห้องเหล่านี้จะเปิดให้ผู้ร่วมงานได้เข้าชมผลงานชิ้นพิเศษอย่างใกล้ชิดท่ามกลางบรรยากาศอันสร้างสรรค์ที่เฉลิมฉลองให้กับศิลปะและความเชี่ยวชาญชั้นเลิศของคาร์เทียร์
ศิลปินผู้สร้างสรรค์งานนิทรรศการ
Mike Tay จาก Onlewo
Onlewo โด่งดังจากงานออกแบบลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมพื้นถิ่นของสิงคโปร์ การบอกเล่าอย่างแยบยลของศิลปิน Mike Tay ตีความมรดก สถานที่และวัฒนธรรมในภูมิภาคแบบร่วมสมัย ซึ่งล้วนแล้วแต่เชื่อมโยงกับผู้คนและความทรงจำมากมาย พร้อมทั้งจุดประกายความหลงใหลให้เกิดขึ้นใหม่ สำหรับห้องต่างๆ ในนิทรรศการนี้ Mike ได้สร้างสรรค์ผืนผ้าเปี่ยมเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งนำมาใช้ตกแต่งด้วยสัมผัสอันแสนนุ่มนวล ทั้งยังผสมผสานความสนุกสนานผ่านสีสันและองค์ประกอบอันแตกต่างเพื่อถ่ายทอดแง่มุมอันหลากหลายของประเทศสิงคโปร์
Hazlee Suip จาก Rooma
Rooma สร้างชื่อเสียงจากงานฝีมือและงานสานหวายด้วยมือ รวมถึงการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ในหลากหลายรูปแบบและผิวสัมผัสที่รังสรรค์ขึ้นโดยช่างฝีมือผู้เปี่ยมด้วยทักษะความเชี่ยวชาญจากประเทศอินโดนีเซีย ผลงานของช่างฝีมือเหล่านี้ไม่เพียงแต่นำเสนอทักษะชั้นเลิศและยังถักทอเรื่องราวของวัฒนธรรมท้องถิ่นเข้าไว้ด้วยกัน คล้ายคลึงกับความเชี่ยวชาญของเมซงที่ถ่ายทอดลงบนผลงานสร้างสรรค์ซึ่งล้วนพิสูจน์แล้วว่างดงามเหนือกาลเวลา
Swee Lin และ Swee May จาก Maneknya
สองพี่น้องศิลปิน Swee Lin และ Swee May จาก Maneknya ได้รับมอบหมายจากคาร์เทียร์ให้ร่วมสร้างสรรค์ผ้าพิมพ์บาติกแสนพิเศษที่อำพรางอาณาจักรของเหล่าสรรพสัตว์แห่งคาร์เทียร์ (Cartier Bestiaries) ไว้อย่างสนุกสนาน ทางเมซงได้นำไปใช้เป็นลวดลายทั้งบนปลอกหมอนและศิลปะบนผนังผ้าไหมสี่เหลี่ยมในสามโทนสี ทั้งหมดนี้รังสรรค์ขึ้นสำหรับบทส่งท้ายของ Nature Sauvage โดยเฉพาะ
ในฐานะส่วนหนึ่งของมรดกอุตสาหกรรมสิ่งทออันรุ่มรวยของสิงคโปร์ ผ้าพิมพ์บาติกเหล่านี้ยังได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ ตำนาน วัฒนธรรมประเพณี พืชพรรณและบรรดาสัตว์เฉพาะถิ่นอันอุดมสมบูรณ์ในประเทศสิงคโปร์ โดยผสานเข้ากับลวดลายเรขาคณิตซึ่งคล้ายคลึงกันกับเอกลักษณ์แห่งการสร้างสรรค์ของคาร์เทียร์
24 เม.ย 2568
23 เม.ย 2568
24 เม.ย 2568
18 เม.ย 2568