Interview with Mr. Junichi Izumi

Last updated: 14 ก.ย. 2564  |  2045 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Interview with Mr. Junichi Izumi

CASIO เปิดตัว G-SHOCK ซีรี่ส์ใหม่ GM-2100 และ GM-S2100 นาฬิกาที่ทนทานต่อแรงกระแทกมาพร้อมกรอบตัวเรือนโลหะทรงแปดเหลี่ยมที่ไม่เหมือนใครโดยมีรุ่นพื้นฐานคือ GA-2100 ที่เปิดตัวเมื่อปี 2019 สืบทอดแนวคิดจากรุ่น DW-5000C ผสานระหว่างระบบดิจิตอลกับอะนาล็อกได้อย่างลงตัว มีความเพรียวบางและเรียบง่ายยิ่งขึ้นทำให้เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ใช้งานโดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่น ส่วน GM-2100 และ GM-S2100 ได้รับแรงบันดาลใจจากดีไซน์ของรุ่น GA-2100 คงเอกลักษณ์ความเพรียวบางและคล่องตัว นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยกรอบตัวเรือนโลหะเพื่อให้ดูมีสไตล์มากยิ่งขึ้นทั้งสองรุ่น เบื้องหลังการพัฒนาของผลงานทั้งสอง  ซีรี่ส์มีเรื่องราวน่าสนใจมากมาย ซึ่ง Mr. Junichi Izumi จากแผนก Product Planning ที่ทำหน้าที่พัฒนาสินค้าของ CASIO ประเทศ ญี่ปุ่น เปิดโอกาสให้ QP ซักถามและแบ่งปันเรื่องราวการพัฒนาของ G-SHOCK ให้ฟังแบบเจาะลึก



 

ก่อนจะเริ่มพัฒนา GA-2100 คุณคิดไหมว่านาฬิการุ่นนี้จะได้รับความนิยมจากแฟนๆ ของ G-SHOCK?

Izumi: จนกระทั่งวินาทีสุดท้ายก่อนที่เราจะเปิดตัวนาฬิการุ่นนี้ ผมและทีมก็ยังไม่แน่ใจว่านาฬิกาเรือนนี้จะขายดีและจะเป็นไปตามที่แฟน G-SHOCK คาดหวังไว้หรือไม่ เพราะ GA-2100 ค่อนข้างใหม่เมื่อเทียบกับนาฬิการุ่นอื่นๆ ของ G-SHOCK ตัวเรือนนาฬิกามีความบางและขนาดค่อนข้างกะทัดรัด ดังนั้นเราจึงไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นซีรีส์ที่ได้รับความนิยมในทันที

ในมุมมองของคุณ อะไรคือจุดแข็งที่สุดของ GA-2100 ที่จะทำให้ผลงานนี้ได้รับความนิยม?

Izumi: สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือ GA-2100 มีดีไซน์ที่เรียบง่าย แต่ขณะเดียวกันก็สืบทอดแนวความคิดของนาฬิกา G-SHOCK รุ่นแรก DW-5000C และนาฬิกาอะนาล็อก G-SHOCK รวมไปถึงแนวคิดในการลดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกคงไว้เฉพาะส่วนที่จำเป็นสำหรับนาฬิกาที่มีดีไซน์แบบเรียบง่าย เป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้นาฬิการุ่นนี้ได้รับความนิยม

 

GA-2100

 

เปรียบเทียบกับนาฬิการุ่น DW-6900 ของ G-SHOCK คุณคิดว่าในอนาคต GA-2100 จะกลายเป็นรุ่นคลาสสิกเหมือน DW-6900 หรือไม่?

Izumi: อย่างที่คุณกล่าว DW-6900 รวมถึง DW-5600 ซึ่งเป็นนาฬิการะดับไอคอนของ G-SHOCK เรียกได้ว่าเป็นมาสเตอร์พีซในการวางจำหน่าย แต่ไม่ใช่แค่สองรุ่นนี้เท่านั้นยังรวมถึง GA-110 เป็นผลงานระดับไอคอนอีกรุ่นของแบรนด์ เราเชื่อว่า GA-2100 จะก้าวขึ้นเป็นนาฬิการะดับไอคอนของ G-SHOCK เรามีการพัฒนาการออกแบบ GM-2100 อย่างต่อเนื่องเพื่อให้กลายเป็นผลงานคลาสสิกในอนาคตและเป็นนาฬิการะดับไอคอนของ G-SHOCK เช่นกัน

 GM-2100

   GM-S2100


อะไรที่ทำให้ GM-2100 และ GM-S2100 มีเอกลักษณ์และแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ?

Izumi: สำหรับ G-SHOCK เรามีผลงานกรอบตัวเรือนโลหะในหลายรุ่น จะเห็นได้ว่าถ้าเทียบ GM-2100 และ GM-S2100 กับรุ่นอื่นๆ เช่น GMW หรือ G-STEEL ผลงานรุ่นใหม่นี้มีความแตกต่างในแนวความคิดของการออกแบบที่มีความเรียบง่ายแบบมินิมอล ในขณะที่ GMW เหมาะสำหรับผู้ใหญ่ GM-2100 และ GM-S2100 จะเป็นที่ชื่นชอบในกลุ่มวัยรุ่นทำให้มีความแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ของ G-SHOCK ในซีรี่ส์เมทัล นอกจากนี้ยังมีรุ่นอื่นๆอย่าง GM-5600 GM-110 และ GM-6900 จะเห็นได้ว่า GM-2100 และ GM-S2100 มีความเป็นลำลองมากกว่าโดยสามารถใส่ได้ทั้งแบบทางการและแบบลำลอง


คุณสมบัติใหม่ของนาฬิกา GM-2100 และ GM-S2100 รุ่นใหม่มีอะไรบ้าง?

Izumi: ในด้านหนึ่ง GM-2100 และ GM-S2100 ได้รับการสร้างสรรค์จากเทคนิคเดียวกันกับที่เราใช้ในซีรี่ส์เมทัลรุ่นอื่นๆ ของ  G-SHOCK ทั้งการขัดแต่งโลหะเช่น หน้าปัดดีไซน์ลายเส้นที่ประณีต หน้าปัดสีเมทัลลิค ในรุ่น GM-5600 GM-6900 และ GM-110 มีเพียงขอบตัวเรือนที่ใช้วัสดุโลหะ แต่สำหรับ GM-2100 และ GM-S2100  ไม่ใช่แค่กรอบตัวเรือนที่เป็นโลหะ แต่ภายในของหน้าปัด เช่น หลักชั่วโมง หรือองค์ประกอบบางอย่างก็ใช้วัสดุโลหะเช่นกัน เราจะสัมผัสได้ถึงคุณภาพที่สูงกว่าบนพื้นหน้าปัดเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้และนี่คือหนึ่งในสิ่งใหม่ของซีรี่ส์นี้



ในด้านกลไกของ G-SHOCK รุ่น GM-2100 และ GM-S2100 มีเทคโนโลยีใหม่หรือไม่?

Izumi: ในด้านโมดูลกลไกที่ใช้กับ GM-2100 และ GM-S2100 เป็นชุดเดียวกับที่ใช้ในซีรี่ส์ GA-2100 แต่กลไกชุดนี้ได้รับการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและล่าสุดของเรา โดยกลไกชุดนี้เป็นกลไกที่บางที่สุดของ G-SHOCK นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการพัฒนาเพื่อให้ใช้พลังงานน้อยลงและมีความทนทานมากขึ้น รวมถึงการจัดวางชิ้นส่วนกลไกอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างทำให้เราสร้างกลไกที่มีความบางมากขึ้นได้ กลไกชุดนี้ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อ GA-2100 และนำมาปรับใช้กับซีรี่ส์ GM-2100


G-SHOCK เป็นนาฬิกาที่มีความทนทานสูง ซึ่งสามารถรองรับการใช้งานภายใต้สภาวะที่สมบุกสมบันได้ดี การเปลี่ยนมาใช้กรอบตัวเรือนโลหะจะลดความแกร่งในจุดนี้หรือไม่ และลูกค้าจะเป็นกังวลว่านาฬิกาจะเป็นรอยหรือไม่?

Izumi: แม้ว่ากรอบตัวเรือนจะเป็นโลหะ แต่คุณภาพความทนทานของ G-SHOCK ยังคงเหมือนกับตัวเรือนเรซิน ซึ่งผ่านการทดสอบความทนทานขั้นสูงสุดของ G-SHOCK เช่นกัน นอกจากนี้ในรุ่นกรอบตัวเรือนโลหะเรายังใช้เทคนิค IP เคลือบพื้นผิว เช่น รุ่นที่เคลือบพื้นผิวสีดำด้วยเทคนิค IP หรือ Ion Plating ทำให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นกว่าโลหะปกติ ช่วยป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนบนขอบตัวเรือนได้ แต่ในรุ่นที่ไม่มีการเคลือบผิวด้วยเทคนิค IP เราก็ใช้การตกแต่งพื้นผิวด้วยหน้าปัดแบบลายเส้นและการขัดเงาซึ่งจะช่วยพรางรอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นในการใช้งานได้เช่นกัน ฉะนั้นลูกค้าจึงไม่ต้องเป็นกังวลในเรื่องรอยขีดข่วน

GM-2100 และ GM-S2100 มีระบบเปลี่ยนสายอย่างง่ายได้ด้วยตนเอง จะมีเฉพาะในรุ่นนี้หรือจะมีทุกรุ่นในอนาคต

Izumi: ระบบการเปลี่ยนสายของ GM-2100 และ GM-S2100 จะเหมือนกับรุ่น GM-5600 และ GM-6900 ดังนั้นจึงสามารถสลับสายเปลี่ยนกันได้ แต่เราไมได้เน้นคุณสมบัติการเปลี่ยนสายนี้กับลูกค้า หากแต่เป็นความสะดวกที่ซีรี่ส์นี้มอบให้กับผู้ใช้งานได้ ในอนาคตเรามีการวางแผนที่จะทำ Box set โดยในกล่องจะมีสายสำรองมาให้เพื่อให้ลูกค้าสามารถเปลี่ยนสายให้เข้ากับการใช้งานในแต่ละวันได้ และยังคิดต่อไปว่าจะทำอย่างไรให้ลูกค้าสามารถเพลิดเพลินกับการเปลี่ยนสายนาฬิกา ถ้าในอนาคตรุ่นนี้หยุดผลิตไปแล้วแต่สายนาฬิกาเกิดเสียหายก็ยังสามารถเปลี่ยนสลับสายใช้งานด้วยกันได้ นั่นเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งานที่ยาวนานมากยิ่งขึ้นได้


 GA-2100


กลยุทธ์อะไรที่จะทำให้ CASIO เชื่อมต่อถึงคนรุ่นใหม่และนักสะสมนาฬิกาในอนาคต?

Izumi: กลยุทธ์พื้นฐานคือเทคโนโลยี CMF เราสร้างสรรค์นาฬิกา G-SHOCK รุ่นใหม่ด้วยสีสัน วัสดุและการตกแต่งแบบใหม่ ซึ่งแตกต่างจากแบบดั้งเดิม ด้วยเทคโนโลยีนี้จะทำให้เราสามารถสร้างสรรค์นาฬิการุ่นใหม่ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ทาง HQ ยังมีการทำสำรวจด้านการตลาดในระดับโลกเจาะกลุ่มวัยรุ่นเป็นหลัก เราทำการสำรวจกลุ่มผู้ใช้วัยรุ่นจากกลุ่มที่ใช้นาฬิกาซีรี่ส์ GA-2100 และ GM-2100 และซีรี่ส์ในกลุ่ม G-SHOCK Metal ทำให้เรามีความเข้าใจและสร้างสรรค์ผลงานใหม่ให้กับวัยรุ่น


อะไรที่ทำให้คนพบกับความสุขในการสวมใส่นาฬิกา G-SHOCK?

Izumi: ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ในปี 2023 จะครบรอบ 40 ปีของ G-SHOCK เราจึงวางแผนเปิดตัวผลงานใหม่ซึ่งเราคิดว่าลูกค้าจะมีความสุขอย่างยิ่งกับผลงานในอนาคต นอกจากนี้จะมีการนำเสนอเรื่องราวของแบรนด์ G-SHOCK สู่สาธารณะ เพราะ G-SHOCK ไม่ใช่นาฬิกาแฟชั่นแต่มีเรื่องราวเกี่ยวกับความทนทานความแข็งแกร่งของแบรนด์รวมไปถึงประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ดังนั้นเราคิดว่าการสื่อสารเรื่องราวของ G-SHOCK ไปถึงผู้ใช้งานและลูกค้า ทั้งจากการจัดกิจกรรมและผ่านทางแพลทฟอร์มออนไลน์ต่างๆ จะทำให้ลูกค้าและผู้ใช้เข้าถึงความเป็น G-SHOCK ได้มากขึ้น ไม่เพียงแต่ใช้ตัวสินค้าในการสร้างประสบการณ์เท่านั้น การตลาดยังจะทำการสื่อสารเพื่อตอกย้ำความเป็นแบรนด์ G-SHOCK ไปพร้อมๆ กันด้วย


อะไรที่เกี่ยวกับ G-SHOCK ที่คนไม่ค่อยรู้ แต่สำคัญมาก?

Izumi: เรามีอยู่ 2 ประเด็น หนึ่งคือคุณภาพของ G-SHOCK โดยปกตินาฬิกา G-SHOCK ต้องผ่านการทดสอบความแข็งแกร่งทนทานหลายขั้นตอนในการผลิตมากกว่า 100 การทดสอบ โดยการทดสอบด้านคุณภาพเป็นความลับที่เราไม่สามารถให้รายละเอียดได้ แต่การทดสอบที่เรามีล้วนเพื่อให้แน่ใจถึงความทนทานและแข็งแกร่งของ G-SHOCK ทั้งสิ้น อีกประเด็นก็คือ G-SHOCK เป็นของขวัญจาก คิคุโอะ อิเบะ บิดาของ G-SHOCK ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังคงทำงานอยู่ที่ศูนย์การวิจัยและพัฒนา (R&D Center) วิศวกรรมและปรัชญาหรือ DNA ของ G-SHOCK ยังคงอยู่ ไม่เฉพาะแต่นาฬิกา G-SHOCK เท่านั้น แต่ทีมวิศวกรของ CASIO ยังคงยึดถือปรัชญาของ คิคุโอะ อิเบะ ไว้ในใจเสมอในด้านการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ซึ่งคือสิ่งสำคัญของทีม R&D

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้