Last updated: 10 ก.ย. 2567 | 634 จำนวนผู้เข้าชม |
การจะเป็นแชมป์หนึ่งในสี่รายการ Grand Slam® ได้นั้น ต้องอาศัยทั้งความทุ่มเท ทักษะ และความอดทนเป็นพิเศษ และรายการ US Open ก็เป็นทัวร์นาเมนต์ที่มีความท้าทายเฉพาะตัว โดยตั้งแต่ปี 1978 เป็นต้นมา US Open จัดขึ้นที่สนาม Flushing Meadows ในเมืองที่ไม่เคยหลับใหลอย่างมหานครนิวยอร์ก ซึ่งบรรยากาศในสนามอัดแน่นไปด้วยพลังและความเข้มข้นของเกมการแข่งขัน ซึ่งนักเทนนิสต้องฝ่าฟันเพื่อไปสู่ชัยชนะ โดยมีสนามหลักคือ Arthur Ashe Stadium ซึ่งเป็นสนามการแข่งขันเทนนิสที่ใหญ่ที่สุดในโลก สามารถจุผู้ชมได้ 23,771 คน บรรยากาศการแข่งขันเต็มไปด้วยสีสันและความคึกคัก โดยเฉพาะใต้แสงไฟสว่างไสวในช่วงกลางคืน ซึ่ง Rolex เป็นผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการของ US Open ในปี 2018 เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความพยายามและความหลงใหลที่ผู้คนมีต่อกีฬาเทนนิสผ่านแมตซ์การแข่งขันตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา
ในบรรดานักเทนนิสที่เคยคว้าชัยชนะในสนามอันน่าตื่นเต้นสุดท้าทายนี้ มีนักเทนนิสผู้เป็นตำนานของ Rolex รวมอยู่ด้วยหลายคน ไม่ว่าจะเป็น Chris Evert ซึ่งคว้าแชมป์ประเภทหญิงเดี่ยวถึง 6 ครั้ง และครองตำแหน่งนี้ 4 ปี ตั้งแต่ปี 1975-1978 และ Roger Federer ที่ยังคงเป็นผู้เล่นชายเพียงคนเดียวในยุค Open Era ที่คว้าชัยชนะติดต่อกัน 5 ครั้ง ในช่วงปี 2004-2008 Stefan Edberg นักเทนนิสระดับตำนานชาวสวีเดน ผู้คว้าแชมป์ US Open ติดต่อกันได้สำเร็จหลังจากฝ่าฟันการแข่งขันสุดท้าทายในปี 1992 รวมถึงยังทำสถิติชนะรอบรองชนะเลิศ โดยใช้เวลาแข่งนานถึง 5 ชั่วโมง 26 นาที ซึ่งยังคงเป็นแมตช์ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ US Open โดย Edberg เป็นเจ้าของสถิติแชมป์ Grand Slam® 6 สมัย และยังเป็น Rolex Testimonee กล่าวว่า “การคว้าแชมป์ US Open ทั้งสองครั้งนั้นพิเศษจริง ๆ ทัวร์นาเมนต์ในปี 1992 เป็นสองสัปดาห์ของการแข่งขันที่ท้าทายที่สุดในชีวิต Flushing Meadows เป็นหนึ่งในสุดยอดสนามสำหรับการดูเทนนิสช่วงกลางคืน ซึ่งอาจเสียงดังและอึกทึกอย่างมาก บรรยากาศในสนามคึกคักมาก และทดสอบสมาธิของผู้เล่นได้เป็นอย่างดี” ทางด้าน Federer ได้เล่าถึงบรรยากาศการแข่งขันที่หนักหน่วงว่า “ผมว่า ถ้าชนะแมตซ์ที่นิวยอร์กได้ คุณก็สามารถชนะแมตซ์อื่นได้ทุกที่ เพราะสภาพแวดล้อมที่นี่ไม่เหมือนที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นความชื้น ลม เสียงเชียร์ที่อึกทึกครึกโครม และบรรยากาศที่เข้มข้นในสนาม”
US Open จัดขึ้นครั้งแรกในปี 1881 ถือเป็น Grand Slam® รายการสุดท้ายของฤดูกาล และเป็นรายการเดียวที่จัดต่อเนื่องมาทุกปีนับตั้งแต่เริ่มมีการแข่งขัน ในปี 2023 Coco Gauff ได้ผงาดขึ้นมาคว้าแชมป์ US Open ได้สำเร็จ และเป็น Rolex Testimonee เช่นเดียวกับ Pat Rafter, Dominic Thiem, Sloane Stephens และ Carlos Alcaraz ซึ่งล้วนแต่เคยคว้าแชมป์
Grand Slam® รายการแรกใน US Open มาแล้วทั้งสิ้น โดย Gauff กลับมาลงสนามที่ Flushing Meadows ในฤดูร้อนนี้เพื่อป้องกันแชมป์ และร่วมกับผู้เล่นระดับแถวหน้าที่เคยคว้าชัยชนะมาแล้ว เธอกล่าวว่า “การคว้าแชมป์ US Open เป็นความรู้สึกที่บ้าระห่ำอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน และไม่คิดว่าฉันจะรู้สึกแบบนั้นอีก ฉันเคยฝันที่จะคว้าแชมป์แกรนด์สแลม และช่วงเวลาที่ทำได้สำเร็จมันยอดเยี่ยมกว่าที่ฉันจินตนาการไว้เสียอีก ฉันทำงานกับ Rolex มาตั้งแต่อายุ 15 ปี และการที่ได้รับความเชื่อมั่นตั้งแต่อายุเท่านี้เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก แต่การได้ร่วมงานกับ Rolex ในช่วงห้าปีที่ผ่านมานั้น น่าทึ่งกว่ามาก ฉันรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวจริง ๆ”
Rolex สนับสนุนการแข่งขันกีฬาเทนนิสมาตั้งแต่ปี 1978 จากการจับมือเป็นพันธมิตรกับการแข่งขันเทนนิส The Championships, Wimbledon เป็นครั้งแรก โดยโลโก้ของแบรนด์ปรากฏอยู่ในทัวร์นาเมนต์อันทรงเกียรติและเคียงข้างนักเทนนิสชั้นนำจากรุ่นสู่รุ่น ที่มุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศและสร้างแรงบันดาลใจให้กับแชมป์เทนนิสรุ่นใหม่
บทสัมภาษณ์ของ Rolex Testimonee
US Open จัดขึ้นครั้งแรกในปี 1881 ถือเป็น Grand Slam® รายการสุดท้ายของฤดูกาล และเป็นรายการเดียวที่จัดต่อเนื่องมาทุกปีนับตั้งแต่เริ่มแข่งขัน โดย Rolex มีความเกี่ยวข้องกับการแข่งขันกีฬาเทนนิสมาเกือบ 50 ปี และหลังจากนั้นเรื่อยมา ทางแบรนด์ได้สนับสนุนผู้เล่นและทัวร์นาเมนต์ระดับแนวหน้า จนได้เป็นผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการ (Official Timekeeper) ของ US Open ในปี 2018 และสำหรับการแข่งขันในปี 2024 จะจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม - วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน โดยมีเหล่าแชมป์เทนนิสจะกลับมาโชว์ฟอร์มควงแร็กเก็ตที่สนาม Flushing Meadows อีกครั้ง ท่ามกลางบรรยากาศอันน่าตื่นเต้นเร้าใจของสนาม Arthur Ashe Stadium ซึ่งเป็นสนามเทนนิสที่ใหญ่ที่สุดในโลก
บรรดานักเทนนิสที่เป็น Rolex Testimonee หลายต่อหลายคนประสบความสำเร็จในการลงแข่งรายการ US Open ท่ามกลางบรรยากาศในสนามที่ไม่เหมือนทัวร์นาเมนต์อื่น Roger Federer ยังคงเป็นผู้เล่นชายเพียงคนเดียวในยุค Open Era ที่คว้าชัยชนะติดต่อกัน 5 ครั้ง ในช่วงปี 2004-2008 ขณะที่ Stefan Edberg นักเทนนิสระดับตำนานชาวสวีเดน สามารถคว้าแชมป์ US Open ได้สองครั้งในช่วงปีทศวรรษ 1990 ล่าสุด Coco Gauff คว้าแชมป์แกรนด์สแลมรายการนี้มาครองได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในปี 2023 ตามรอย Sloane Stephens และ Dominic Thiem โดยในปีนี้ Stephens จะฉลองครบรอบ 10 ปีของการเป็น Rolex Testimonee พร้อมกลับมาโชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยมที่สนาม Flushing Meadows ร่วมกับ Dominic Thiem, Coco Gauff และ Ben Shelton ซึ่งเป็น Rolex Testimonee คนล่าสุด หลังจากไต่อันดับขึ้นเป็นมือวางอันดับ 1 ของสหรัฐไปเมื่อต้นปีนี้ Shelton พร้อมแล้วที่จะลงสนามสู้ศึกรอบใหม่ หลังเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศในการแข่งขัน US Open เมื่อปี 2023
STEFAN EDBERG
ประสบการณ์การแข่งขัน US Open
“ผู้ชมมากมายทุกเพศทุกวัยต่างมาเพื่อชมการแข่งขันเทนนิสที่ยิ่งใหญ่ในรายการ US Open ซึ่งเป็นรายการแข่งขันที่น่าทึ่งของวงการนี้ ครั้งแรกที่ผมคว้าแชมป์ในปี 1991 เป็นช่วงที่ผมเล่นได้ท็อปฟอร์มมากที่สุด และแมตซ์สุดท้ายในรอบไฟนอลคือ เกมที่ดีที่สุดของผมในการแข่งขัน”
การเป็นได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Rolex Testimonee
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้เป็น Rolex Testimonee และเป็นส่วนหนึ่งในบริษัทที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สำหรับอดีตนักเทนนิสอย่างผม ความเป็นมาและการสนับสนุนของ Rolex ต่อการแข่งขันเทนนิสเป็นสิ่งที่พิเศษยิ่งกว่า”
ROGER FEDERER
ประสบการณ์การแข่งขัน US Open
“US Open ต่างจากทัวร์นาเมนต์อื่น เพราะมีผู้ชมชาวนิวยอร์กมาร่วมดูการแข่งขันอย่างเนืองแน่น และคาดหวังว่าจะได้ชมการแข่งขันที่ยอดเยี่ยม พวกเขาพร้อมจะส่งเสียงเชียร์คุณตอนที่ลงแข่ง และมักจะคาดหวังอะไรบางอย่างที่ทำให้เกมการแข่งขันกดดันและเข้มข้นขึ้นในสนาม (Arthur Ashe) โดยเฉพาะกลางแสงไฟที่สาดส่องในคืนที่คุณเล่นในแมตซ์ที่สำคัญที่สุด US Open เป็นความฝันของผมมาตลอด คือการได้อยู่ในนิวยอร์ก ไปที่สนาม Flushing Meadows เพื่อที่จะได้เล่นเทนนิส ผมว่า ถ้าชนะแมตซ์ที่นิวยอร์กได้ คุณก็สามารถชนะแมตซ์อื่นได้ทุกที่ เพราะสภาพแวดล้อมที่นี่ไม่เหมือนที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นความชื้น ลม เสียงเชียร์ที่อึกทึกครึกโครม และบรรยากาศที่เข้มข้นในสนาม”
Rolex กับเทนนิส
“ผมมีความสุขมากที่ Rolex สนับสนุนการแข่งขันเทนนิสทั่วโลก และยังภาคภูมิใจที่ได้เห็นความสัมพันธ์นี้เติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา เทนนิสเป็นกีฬาที่น่าทึ่ง และ Rolex ก็เป็นแบรนด์ที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน จึงเข้ากันได้อย่างลงตัว”
COCO GAUFF
การคว้าแชมป์ US Open
“การคว้าแชมป์ US Open เป็นความรู้สึกที่บ้าระห่ำอย่างที่ฉันไม่เคยสัมผัสมาก่อน และคิดว่า ฉันคงจะไม่ได้รู้สึกแบบนั้นอีก ฉันเคยฝันที่จะคว้าแชมป์แกรนด์สแลม และช่วงเวลาที่ทำได้สำเร็จมันยอดเยี่ยมกว่าที่ฉันจินตนาการไว้เสียอีก ที่ว่ามาเป็นแค่ส่วนเดียวเท่านั้น มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ แต่สัมผัสถึงมันได้ชัดเจนมาก ฉันจำได้ว่าตัวเองพยายามที่จะซึมซับอารมณ์ทั้งหมด และบอกกับตัวเองให้จดจำความรู้สึกนั้นไว้ให้ดีที่สุด”
การมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ
“ฉันมุ่งมั่นพัฒนาตัวเองไปสู่ความยิ่งใหญ่และเป็นเลิศมาตลอด ฉันไม่เคยคิดว่า สิ่งที่ทำอยู่นั้นน่าพอใจแล้ว ซึ่งบางครั้งมันก็รู้สึกแย่เหมือนกันถ้าทำไม่ได้อย่างที่หวัง แต่ฉันก็พยายามยินดีกับตัวเองและตั้งตารอเป้าหมายใหม่และความสำเร็จก้าวต่อไปที่ฉันจะทำได้ ซึ่งฉันคิดว่านั่นคือสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับแบรนด์อย่าง Rolex และนักเทนนิสที่แบรนด์สนับสนุน มันคือการมองไปข้างหน้าเพื่อพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง”
บุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจในการเล่นเทนนิส
“Roger Federer กับ Carlos Alcaraz เป็นนักเทนนิสคนสำคัญที่เป็นแรงบันดาลใจ ทั้งสองคนเป็น Rolex Testimonee Roger เป็นตำนานของวงการเทนนิส ฉันมองเขาเป็นต้นแบบมาตั้งแต่เด็กๆ และนับถือการวางตัวของเขามากในทุกเรื่อง ฉันพยายามทำให้ได้เหมือนเขาและเป็นตัวของตัวเอง ส่วนนักเทนนิสอีกคนที่เป็นแรงบันดาลใจก็คือ Sloane Stephens ตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันเคยตีเทนนิสในคอร์ตข้าง ๆ เธอ ซึ่งตอนนั้นเธอลงแข่งระดับมืออาชีพแล้ว ซึ่งบางอย่างฉันก็ได้เรียนรู้จากการดูเธอฝึกซ้อมว่า การจะเป็นนักเทนนิสได้นั้นต้องทำอย่างไร”
SLOANE STEPHENS
10 ปีแห่งการเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว Rolex
“ฉันภูมิใจมากที่ได้เป็น Rolex Testimonee มายาวนาน ชื่อของ Rolex บ่งบอกถึงความคงทนยาวนาน และคุณภาพของนาฬิกาที่ออกแบบเพื่อส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น คุณแม่ของฉันได้มอบ Rolex ให้เรือนหนึ่ง และฉันก็ตั้งใจว่าจะทำแบบเดียวกันด้วยการส่งต่อนาฬิกาให้ลูก มันเป็นความรู้สึกที่พิเศษมากที่ได้แบ่งปันคุณค่าที่ฉันยึดถือและรักษาคุณภาพเหมือนที่ฉันทำในการเล่นเทนนิสไปสู่การทำงานร่วมกับ Rolex เราได้สร้างความสัมพันธ์อันยอดเยี่ยมนี้ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา”
การแข่งขัน US Open ในบ้านตัวเอง
“ฉันรู้สึกเป็นเกียรติเสมอที่ได้เป็นตัวแทนของประเทศ และรู้สึกพิเศษทุกครั้งที่มีโอกาสเล่นบนแผ่นดินของสหรัฐฯ ฉันสัมผัสได้ถึงแรงสนับสนุนจากกองเชียร์เสมอ และมักจะมีครอบครัวและเพื่อน ๆ เดินทางมาร่วมเชียร์ด้วย การคว้าแชมป์ US Open ถือเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ และในฐานะชาวอเมริกันที่ยืนอยู่เบื้องหน้าท่ามกลางคนที่รักเรามากมายเป็นความรู้สึกที่ฉันจะไม่มีวันลืม”
8 ต.ค. 2567
7 ต.ค. 2567
26 ก.ย. 2567
16 ต.ค. 2567