BVLGARI Octo Finissimo Ultra Tourbillon and Serpenti Aeterna

Last updated: 3 เม.ย 2568  |  213 จำนวนผู้เข้าชม  | 

BVLGARI Octo Finissimo Ultra Tourbillon and Serpenti Aeterna

ออคโต ฟินิสซิโม และเซอร์เพนติ เรือนเวลาไอคอนิกอันเต็มเปี่ยมไปด้วยวิสัยทัศน์
อันพัฒนาอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

นับเป็นครั้งแรกของบุลการีที่ร่วมงาน Watches and Wonders ณ เจนีวา งานสำคัญของวงการนาฬิการะดับนานาชาติ ซึ่งถือเป็นหลักชัยครั้งสำคัญ



บุลการีเปิดตัว ณ งาน Watches and Wonders ด้วยพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการที่รวบรวมอัตลักษณ์ของต้นกำเนิดจากโรมันและดีเอ็นเอของบุลการี

ออคโต ฟินิสซิโม อัลตรา ทูร์บิญอง (Octo Finissimo Ultra Tourbillon) ได้สร้างสถิติโลกเป็นครั้งที่ 10 ในฐานะนาฬิกาบางพิเศษ ซึ่งเป็นการยืนยันความเป็นไอคอนของศตวรรษที่ 21 รวมทั้งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนาฬิกาที่ไม่มีใครเทียบได้

เซอร์เพนติ เอเทอร์นา (Serpenti Aeterna) จินตนาการใหม่ของสัตว์เลื้อยคลานอันเป็นสัญลักษณ์ของเมซง ซึ่งมาในรูปแบบเครื่องประดับอันโดดเด่นและล้ำสมัย

“เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เข้าร่วมงาน Watches and Wonders เป็นครั้งแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อนำเสนอความเป็นดีเอ็นเอของเราอย่างเต็มที่ในฐานะผู้ผลิตเครื่องประดับและนาฬิกา ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา เราได้ตอกย้ำสถานะการเป็นแนวหน้าของวงการนาฬิกาโดยการผสมผสานนวัตกรรมของสวิสเข้ากับความคิดสร้างสรรค์และอัจฉริยภาพด้านการออกแบบของอิตาลีได้อย่างลงตัว



ขณะที่เราเฉลิมฉลอง 25 ปีแห่งนวัตกรรมการผลิตนาฬิกาอันเหนือชั้นภายใต้แรงกระตุ้นของ LVMH รวมทั้งคติของเราคือ “ความหลงใหลในการสร้างสรรค์” เราได้สะท้อนสิ่งเหล่านี้ให้เห็นผ่านนวัตกรรมและงานฝีมือที่กำหนดวิสัยทัศน์ของเรา งาน Watches and Wonders ถือเป็นเวทีที่สมบูรณ์แบบในการนำเสนอเรื่องราวการเดินทางของเรา เริ่มตั้งแต่ปี 2014 ปีแรกที่ทำให้เราได้สร้างสถิติถึง 10 ปีซ้อนสำหรับนาฬิกา ออคโต ฟินิสซิโม นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดตัวนาฬิกาครั้งที่ 13 ของเราในระยะเวลาเพียง 11 ปี ซึ่งประกอบด้วย บุลการี พิคโคลิซซิโม (BVLGARI Piccolissimo) บุลการี ไมโคร ทูร์บิญอง เลดี้ (Bvlgari Micro Tourbillon Lady) บุลการี เลดี้ โซโล เทมโป (Bvlgari Lady Solo Tempo) ซึ่งถือเป็นเครื่องประดับสุดสร้างสรรค์สำหรับสตรี และยังมีนาฬิการุ่นอื่น ๆ ในงานนี้ด้วย

เรายังคงสำรวจพื้นที่ใหม่ ๆ สำหรับนาฬิกา ออคโต ฟินิสซิโม และ  เซอร์เพนติ เพื่อที่จะขยายขอบเขตของการออกแบบและการสร้างสรรค์นาฬิกา รวมทั้งเปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้กับวงการนาฬิกา” – ฌอง-คริสตอฟ บาแบง ซีอีโอแห่ง LVMH Watches และบุลการี

การเปิดตัวครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการวิวัฒนาการครั้งสำคัญ โดยบุลการีผู้เชี่ยวชาญด้านงานศิลปะแห่งการบอกเวลา ได้ยืนยันถึงเอกลักษณ์อันชัดเจนในการเป็นช่างอัญมณีแห่งโรมันที่ได้พัฒนามาสู่การเป็นช่างนาฬิกาสวิส ด้วยการนำมรดกอันล้ำค่าของเมซงมาใช้ รวมทั้งยังคงบุกเบิกสิ่งใหม่ ๆ และสร้างอนาคตต่อไปอยู่เสมอ



ลมหายใจแห่งอิตาลี ณ Watches and Wonders
บุลการีนำเสนอเรือนเวลาอันโดดเด่น พร้อมเน้นย้ำถึงความเชี่ยวชาญทั้งในด้านเครื่องประดับชั้นเยี่ยมและการผลิตนาฬิการะดับสูง

จากการถ่ายทอดจิตวิญญาณโรมันอันล้ำลึกของบุลการี รังสรรค์ให้พื้นที่จัดนิทรรศการมีลักษณะเชิญชวนผู้เยี่ยมชมดื่มด่ำกับวัฒนธรรมอิตาเลียนของเมซง รวมทั้งความสง่างามอันเป็นเอกลักษณ์และวิสัยทัศน์สร้างสรรค์อันล้ำสมัยผ่านหินอ่อนเฉดสีที่สวยที่สุดและการผสมผสานวัสดุอันล้ำค่า ให้ประสบการณ์อันน่าจดจำ เริ่มตั้งแต่ด้านหน้าประกอบด้วยสถาปัตยกรรมโรมันแบบราซิโอนาลิสตา (Razionalista) ที่สร้างความตระการตาให้กับผู้ชมในทันที ส่วนด้านในมีการจัดแสดงผลงาน 7 ชิ้นที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดี และได้รับแรงบัลดาลใจจาก “บี ยอนด์ ไทม์” (Beyond Time) ซึ่งถือเป็นบันทึกประวัติศาสตร์นาฬิกาของเมซงที่สมบูรณ์ที่สุดเพื่อนำพาผู้เยี่ยมชมเข้าสู่จักรวาลของบุลการี ผลงานจัดแสดงแต่ละชิ้น เปรียบเสมือนแต่ละบทที่เล่าเรื่องราวการสร้างสรรค์อันเป็นเอกลักษณ์ ภาพถ่ายต่าง ๆ ที่ถูกเก็บไว้ สะท้อนถึงบริบททางประวัติศาสตร์สำหรับชิ้นงานอันโดนเด่น ซึ่งสร้างบทสนทนาระหว่างผลงานในอดีตจนถึงปัจจุบัน

ในพื้นที่จัดแสดงที่ถูกสร้างขึ้นอย่างประณีต บุลการีได้เผยให้เห็นถึงความสามารถในการพัฒนาและกำหนดนิยามใหม่ของความสง่างามในการผลิตนาฬิกา โดยงานนี้บุลการีได้เปิดตัวเรือนนาฬิกาสำคัญ 2 เรือน อย่าง ออคโต ฟินิสซิโม อัลตรา ทูร์บิญอง และ  เซอร์เพนติ เอเทอร์นา



บุลการี ออคโต ฟินิสซิโม อัลตรา ทูร์บิญอง
ความประณีตในทุกมิติ
ออคโต ฟินิสซิโม อัลตรา ทูร์บิญอง เหนือกว่าเดิมด้วยการสร้างสถิติความบางใหม่ ด้วยการหลอมรวมโครงสร้างทูร์บิญองเข้ากับกลไกของนาฬิกาที่มีความหนาเพียง 1.85 มม. ผ่านวิธีการผลิตนาฬิกาแบบสวิสโดยช่างอัญมณีโรมัน แสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญด้านนาฬิกาด้วยวิธีการประดิษฐ์นาฬิกาอันเป็นเอกลักษณ์ที่ซับซ้อนทื่สุด

ทูร์บิญอง เป็นกลไกที่ครอบครองพื้นที่พิเศษในใจของบุลการี เนื่องจาก ออคโต ฟินิสซิโม ทูร์บิญอง เปิดตัวเป็นนาฬิกาที่บางพิเศษของบุลการีในปี 2014 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางอันยาวนานกว่าทศวรรษที่นาฬิการุ่นนี้ได้ครองสถิติโลกถึง 10 ปีซ้อน และได้รับรางวัลระดับนานาชาติมากกว่า 60 รางวัลรวมถึงรางวัลอันทรงเกียรติและเป็นที่ต้องการที่สุด อย่างรางวัลงานนาฬิกา กรังด์ ปรีซ์ เจนนีวา “อายกิลล์ ดอร์ (Aiguille d’Or)” โดย ออคโต ฟินิสซิโม ถือเป็นนาฬิกาและคอลเลกชั่นที่ได้รางวัลมากที่สุดในศตวรรษที่ 21 จวบจนปัจจุบัน

นับตั้งแต่กลไกทูร์บิญองถูกรังสรรค์ขึ้นในศตวรรษที่ 18 กลไกนี้ถูกยกย่องให้เป็นที่สุดแห่งความแม่นยำในการผลิตนาฬิกา ทูร์บิญองอันน่าหลงใหล ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องของมันสะท้อนถึงจังหวะการเต้นของหัวใจซึ่งช่วยมอบจิตวิญญาณให้กับเรือนเวลา นี่จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่การเดินทางของบุลการีสู่ความบางพิเศษเริ่มต้นขึ้นด้วย ออคโต ฟินิสซิโม ทูร์บิญอง ในปี 2014 ใช้กลไกแบบไขลานด้วยมือและตัวเรือนมีความหนาเพียง 1.95 มม. ซึ่งถือเป็นฟลายอิ้งทูร์บิญองที่บางที่สุดในโลก ณ ขณะนั้น


นาฬิกาหน้าปัดสเกเลตัน (Skeletonisation) – ศิลปะแห่งการฉลุลายแบบโปร่ง
วันนี้บุลการีได้ทำให้นาฬิกาหน้าปัดสเกเลตันก้าวขึ้นไปอีกขั้น ด้วยออคโต ฟินิสซิโม อัลตรา ทูร์บิญอง ใหม่ ได้เพิ่มการกระจายแสงสูงสุดตลอดทั้งกลไก สร้างความแตกต่างอย่างโดดเด่นด้วยเทคนิคการตกแต่งแบบร่วมสมัยที่นำมาใช้ในส่วนประกอบสำคัญที่มองเห็นได้ ทั้งขอบหน้าปัดขัดเงาที่มีความลาดเอียง บล็อกบาลานซ์และกลไลทูร์บิญองเคลือบโรเดียมอย่างประณีต และทูร์บิญองบริดจ์เคลือบโรเดียมและพื้นผิวซันเบิร์สต์ ซึ่งการตกแต่งอย่างประณีตและทันสมัยนี้ช่วยเสริมให้ศิลปะเชิงกลของนาฬิกามีความละเอียดอ่อนมากยิ่งขึ้น ส่วนประกอบแต่ละชิ้นต้องมีความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและความสวยงาม รวมทั้งความทนทาน ความน่าเชื่อถือและการประดับตกแต่งอันงดงาม ซึ่งนั่นจะทำให้ช่องว่างของความผิดพลาดน้อยตามลงไป ส่วนที่เผยให้เห็นการเคลื่อนไหวต้องสมบูรณ์ทั้งในด้านการออกแบบ การดำเนินการผลิต และผลงานสำเร็จ

ฟลายอิ้งทูร์บิญองที่บางที่สุดในโลก
การได้รับพลังสร้างสรรค์มาจากมรดกทางวัฒนธรรมโรมัน ทำให้คอลเลกชั่นออคโตของบุลการีเป็นส่วนหนึ่งของสถาปัตยกรรมที่มีมาอย่างยาวนาน รูปทรงแปดเหลี่ยมได้แรงบันดาลใจจากเพดานของวิหารของแม็กเซนเทียสและคอนสแตนติน นับตั้งแต่การก่อตั้งในปี 1884 เมืองอันเป็นนิรันดร์และความงดงามของอนุสรณ์สถาน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างเอกลักษณ์เชิงสร้างสรรค์ของเมซงมาโดยตลอด ซึ่งออคโตได้ดึงเอาวิสัยทัศน์อันบริสุทธิ์และทันสมัยจากมรดกเหล่านั้นมาใช้ผ่านมุมมองร่วมสมัย โดยวิสัยทัศน์นี้ได้รับการส่งเสริมด้วยสุนทรียศาสตร์สีเทาเอกรงค์ของคอลเลกชั่นออคโตอันบางเฉียบ สไตล์อันเป็นเอกลักษณ์นี้เน้นย้ำถึงความปรารถนาในการมุ่งมั่นเพื่อความบริสุทธิ์และความเป็นแก่นแท้ของการผลิตนาฬิกาชั้นเยี่ยม ก่อให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวที่ทำให้บุลการีสามารถยกระดับความบางพิเศษ ให้กลายเป็นนาฬิกาที่มีสถานะของการผลิตอันซับซ้อน

เกิดเป็นข้อเท็จจริงที่ว่า ออคโต ฟินิสซิโม อัลตรา ทูร์บิญอง เรือนใหม่ ของบุลการีซึ่งเป็นนาฬิกาทูร์บิญองที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมีตัวเรือนขนาด 40 มม. และมีความหนาเพียง 1.85 มม. ขับเคลื่อนด้วยกลไก ทูร์บิญอง คาลิเบอร์ บีวีเอฟ 900 เป็นกลไกไขลานด้วยมือ ทำงานด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง (4 เฮิรตซ์) และมีพลังสำรอง 42 ชั่วโมง คุณสมบัติและสถิติดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความสามารถอันโดดเด่นของช่างทำนาฬิกาและวิศวกรของบุลการี เมื่อนำความเชี่ยวชาญด้านความประณีตมาประยุกต์ใช้กับทูร์บิญอง จึงเกิดเป็นความซับซ้อนและแม่นยำที่บุลการีแสดงให้เห็นถึงแก่นแท้ของการผลิตนาฬิกาของแบรนด์

“แนวคิดของเราคือการสร้างนาฬิกาที่รวบรวมความเชี่ยวชาญทั้งหมดของเราไว้ มันไม่ใช่แค่การออกแบบที่ดีที่สุด แต่จะต้องผ่านวิธีการผลิตอันแม่นยำเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของนาฬิกาซีรีส์ออคโต ฟินิสซิโม ในขณะเดียวกันก็ต้องเคารพความสมบูรณ์ของรหัสทางสุนทรียะที่โดดเด่นของนาฬิการุ่นนี้ด้วยเช่นกัน ทุก ๆ รายละเอียดตั้งแต่เข็มนาฬิกาไปจนถึงโครงสร้างทูร์บิญองหน้าปัดเปลือย ล้วนเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นในความเป็นเลิศของบุลการี” ฟาบริซิโอ บวนนามาสซา สติหยิอานี (Fabrizio Buonamassa Stigliani) ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบนาฬิกาของบุลการี กล่าว


การเดินทางของกลไก
จุดเด่นของออคโต ฟินิสซิโม อัลตรา ทูร์บิญอง คือ แผ่นคาร์ไบด์ทังสเตนหลักที่บรรจุกลไกของนาฬิกาเอาไว้ ซึ่งโดยทั่วไปนาฬิกาจะประกอบด้วยตัวเรือนที่บรรจุกลไก ในหลายศตวรรษที่ผ่านมาช่างนาฬิกาให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ที่เรียบแบนเป็นหลักเพื่อความสง่างามทางสุนทรียศาสตร์ โดยปกติแล้วช่างทำนาฬิกาจะพยายามผลิตนาฬิกาให้บางเพื่อสร้างความสง่างาม วัตถุประสงค์นี้ทำให้เกิดความท้าทายเกี่ยวกับโครงสร้างและความแข็งแกร่ง และเพื่อแก้สมการอันซับซ้อนนี้ทีมงานที่บุลการีได้มีการพัฒนาผสมผสานวัสดุขั้นสูง

ออคโต ฟินิสซิโม อัลตรา ทูร์บิญอง ใหม่นี้ โดดเด่นด้วยกรอบของนาฬิกา ตัวเรือนกลาง และตัวเชื่อมกับสายนาฬิกาที่ทำจากไททาเนียมเคลือบไมโครบีด ในขณะที่แผ่นหลักทำจากคาร์ไบด์ทังสเตน แต่ง 'เม็ดมะยม' ทรงระนาบสองเม็ด แต่ละเม็ดจะยื่นออกมาเล็กน้อยจากด้านข้างของตัวเรือน ทางซ้าย (8 นาฬิกา) ใช้เพื่อไขลานกลไก และทางขวา (3 นาฬิกา) ใช้เพื่อตั้งเวลา โดยเม็ดมะยมทำจากสเตนเลสสตีลเม็ดกลม ในทำนองเดียวกันส่วนเฟืองล้อกลไกลที่แกะสลักด้วยลวดลายเรขาคณิตนั้นทำจากเหล็กเม็ดกลมเช่นกัน เพื่อให้อ่านเวลาได้ชัดเจนที่สุด หน้าปัดชั่วโมงมีเข็มชั่วโมงและเข็มนาทีชุบโรเดียมวางอยู่บนพื้นผิวทองเหลืองพ่นทรายพร้อมเคลือบ ดีแอลซี แอนทราไซต์  ซึ่งต่างจากรุ่นก่อน ๆ อย่างออคโต ฟินิสซิโม อัลตรา และ ออคโต ฟินิสซิโม อัลตรา ซีโอเอสซี ที่ตัวกลไกชั่วโมงและนาทีมีการตกแต่งเกี่ยวเนื่องกัน

สายไททาเนียมเคลือบไมโครบีดเสริมนาฬิกาให้สมบูรณ์ สะท้อนถึงรูปลักษณ์ที่บางพิเศษที่มีความหนาเพียง 1.5 มม. ซึ่งความหนานี้รวมตัวเกี่ยวที่สามารถพับได้ เป็นอีกครั้งที่บุลการีสามารถผสานความซับซ้อนเข้ากับความสง่างามได้อย่างเชี่ยวชาญเกิดเป็นเรือนเวลาอันประณีตและพิเศษ

เพิ่มขีดจำกัดตั้งแต่ปี 2014: ภารกิจในการประดิษฐ์นาฬิกาที่บางพิเศษจนได้ครองสถิติโลกถึง 10 สมัย
ออคโต ฟินิสซิโม อัลตรา ทูร์บิญอง พิสูจน์ให้เห็นถึงความประณีตอันยอดเยี่ยม แสดงถึงความเชี่ยวชาญของบุลการีในด้านความบางพิเศษและเป็นตัวแทนของความก้าวขึ้นไปอีกขั้นในการผลิตนาฬิกา

“แต่ละสถิติเปรียบเสมือนบันไดก้าวหนึ่ง การสร้างสถิติไม่ได้เป็นเพียงแค่การก้าวข้ามอุปสรรคเท่านั้น แต่ยังเป็นการกำหนดนิยามใหม่ของความเป็นไปได้ในการผลิตนาฬิกาเชิงกลอีกด้วย ความท้าทายในแต่ละครั้งทำให้เราต้องคิดใหม่ไม่เพียงแต่เทคนิคแบบดั้งเดิม แต่ยังรวมถึงวิธีการออกแบบและพัฒนาของนาฬิกาอีกด้วย” ฌอง-คริสตอฟ บาแบง ซีอีโอแห่ง LVMH Watches และบุลการี

การระดมผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตทั้งหมดของบุลการีในโครงการที่ซับซ้อนนี้เกี่ยวข้องกับการทบทวนหลักการดั้งเดิมเพื่อออกแบบนาฬิกาในลักษณะสองมิติแทนที่จะเป็นสามมิติ แนวทางที่กล้าหาญนี้ปลุกพลังใหม่ให้กับทีมงานของบุลการี ส่งเสริมความร่วมมือสร้างสรรค์ที่ไม่เคยมีมาก่อนเพื่อรับมือกับความท้าทาย พร้อมทั้งปรับปรุงและคิดเทคนิคใหม่ อย่าง การกลับมาใช้การแสดงผลด้วย 2 เข็มนาฬิกา ได้เพิ่มสัมผัสอันล้ำลึกของความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริงให้กับความพยายามทั้งหมด

เพื่อตอบสนองความท้าทายเหล่านี้ ทีมวิจัยและพัฒนา (R&D) ของบุลการีได้สร้างกระบวนการและเทคนิคใหม่ ๆ และได้รับสิทธิบัตรเฉพาะจำนวน 8 ฉบับ ซึ่งครอบคลุมนวัตกรรมต่าง ๆ เช่น การแสดงค่าแบบดิฟเฟอเรนเชียล การออกแบบตัวเรือน ฝาหลังตัวเรือนที่ทำจากสองวัสดุ วิธีการติดตั้งคริสตัลแบบใหม่ โครงสร้างบาร์เรลแบบใหม่ โมดูลออสซิลเลเตอร์ โครงสร้างแบบโมดูลาร์ และการออกแบบสายนาฬิกา

การแสวงหาความบางพิเศษของบุลการีเริ่มต้นในปี 2014 ด้วย ออคโต ทูร์บิญอง ที่ไขลานด้วยมือ นับตั้งแต่นั้นมาบุลการีได้ผลิตนวัตกรรมที่ทำลายสถิติในหลากหลายด้าน ทั้งมินิทรีพีทเตอร์ที่บางที่สุดในโลก (3.12 มม. ในปี 2016) ออคโต ฟินิสซิโม ออโตแมติก (2.23 มม. ในปี 2017) และตัวบอกวันที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา (2.75 มม. ในปี 2021) ที่ได้เกียรติได้รับรางวัลอายกิลล์ ดอร์ (Aiguille d’Or) ในงาน กรังด์ ปรีซ์ ดอร์โลเฌรี เดอ เฌอเนฟ (Grand Prix d'Horlogerie de Genève) หรือ GPHG เมื่อปี 2012 ที่มีการเปิดตัวนาฬิกาออคโต ที่ออกแบบอย่างไอคอนิกในวงการนาฬิกาสมัยใหม่ ใช้เวลาเพียง 10 ปีหลังจากเปิดตัวออคโต ซากา ออคโต ฟินิสซิโม อัลตรา ก็ได้สร้างสถิติใหม่ด้วยความบางเพียง 1.8 มม. การเปิดตัวในครั้งนี้เป็นการเฉลิมฉลองอย่างมีสไตล์และสนุกสนานในจตุรัสใจกลางกรุงโรม (Piazza della Rotonda) ด้านหน้าวิหารแพนธีออน ตอนนั้นออคโต ฟินิสซิโม อัลตรา ได้รับรางวัลออดาซิตี ไพรซ์ [Prix de l'Audace (the Audacity Prize)] ในงาน GPHG

ออคโต ฟินิสซิโม อัลตรา ได้รับการจดสิทธิบัตรแล้วจำนวน 8 ฉบับตั้งแต่ปี 2022 และสำหรับออคโต ฟินิสซิโม อัลตรา ทูร์บิญอง ใหม่นี้ บุลการีจะยังคงแสวงหากลเม็ดและความละเอียดอ่อนในทุกด้านของนาฬิกาเรือนนี้ต่อไป



เซอร์เพนติ เอเทอร์นา
วิวัฒนาการที่กล้าหาญและมีวิสัยทัศน์ของไอคอนเหนือกาลเวลา
เซอร์เพนติ ผลงานสุดไอคอนิกได้ก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา: เอเทอร์นา ผลงานอันทันสมัยสไตล์อาวองการ์ด (Avant-garde) จากงูในตำนานของบุลการีที่ออกแบบอย่างมีสไตล์ในดีไซน์ที่ดีที่สุด รูปทรงเรขาคณิตและทรงพลังของสร้อยข้อมือแบบดั้งเดิมนำไปสู่รุ่งอรุณแห่งยุคสมัยใหม่

สไตล์และความทันสมัยที่ได้รับแรงบัลดาลใจจากมรดกล้ำค่าของบุลการีและเซอร์เพนติ อันเปลี่ยนผ่านสู่สุนทรียศาสตร์แห่งอนาคต

แก่นแท้อันบริสุทธิ์ของเซอร์เพนติถูกนำมาใช้แสดงถึงสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่ชั่วนิรันดร์

กำไลข้อมือได้ถูกนำมารวมอยู่ในเซอร์เพนติคอลเลกชั่นนี้ โดยออกแบบมาให้สามารถจับคู่กับเครื่องประดับของบุลการีได้อย่างลงตัว

ผลงานชิ้นนี้ถือเป็นประติมากรรมชิ้นเอกเหนือกาลเวลา ไดนามิก สง่างามและเที่ยงตรง

ในปี 2025 ซึ่งเป็นปีงูตามปฏิทินจีน ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของเซอร์เพนติ ผสมผสานเอเทอร์นา บุลการีได้นำสัตว์เลื้อยคลายหรืองูกลับมาทำให้มีชีวิตอีกครั้งด้วยเครื่องประดับชั้นสูงอันวิจิตรบรรจงส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์อันล้ำเลิศ เพชรส่องแสงประกายสีทองเปรียบดั่งสัตว์อันล้ำค่า โดยตัวผิวหนังสะท้อนถึงรากฐานของบุลการีมากกว่าที่เคย ทั้งยังสะท้อนสไตล์อิตาเลียนและความล้ำสมัยอันเป็นเอกลักษณ์ ไอคอนที่คิดขึ้นใหม่นี้ได้รวบรวมเอามรดกอันล้ำค่าที่มีมาก่อนหน้าและขยายออกไปสู่อนาคต โดยไม่ยึดติดอยู่กับแฟชั่นและกาลเวลา


“เอเทอร์นาเป็นมากกว่าเรือนเวลาหรือเครื่องประดับ ผลงานชิ้นนี้เป็นการแสดงออกถึงวิสัยทัศน์อันล้ำสมัยของบุลการีในระดับสูงสุด ผมต้องการที่จะนำเอาดีเอ็นเอของเซอร์เพนติมากลั่นจนเห็นเนื้อแท้แล้วนำเสนอมันออกไปในอนาคต”  – ฟาบริซิโอ บวนนามาสซา สติหยิอานี ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบนาฬิกาของบุลการี

ผลงานชั้นนี้ไม่มีตา ไม่มีเกล็ด ไม่มีลูกเล่นมากมาย มีเพียงรูปร่างพื้นฐานของงูเท่านั้นซึ่งสามารถสะกดผู้ชมและให้ความรู้สึกมีพลังสั่งการได้ ออกแบบจากทองล้ำค่าและประดับเพชรอย่างพิถีพิถันพร้อมโอบรัดรอบข้อมือด้วยกำไลอันสง่างาม

การเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์ของผลงานอันเป็นเอกลักษณ์
ตั้งแต่ปี 1948 เซอร์เพนติถูกคิดค้นขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงถึงแก่นแท้แห่งการเกิดใหม่อยู่เสมอ มันล่อลวง ชวนให้หลงใหลและสร้างความปรารถนา เช่นเดียวกับทูโบกาส (Tubogas) ที่ยืดหยุ่นและขดตัวรอบข้อมือ เหมือนกับภาพกราฟิกและประติมากรรมที่ไม่มีที่สิ้นสุด ในปี 2020 เซดูโตริ (Seduttori) รังสรรค์เพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างสง่างาม แต่ยังคงบรรจุไว้ด้วยกลไกทูร์บิญองอันโดดเด่น และในปี 2022 มิสเตริโอซี (Misteriosi) ซึ่งเป็นดั่งผลงานอันล้ำค่าของความสำเร็จทางเทคนิค ด้วยพิคโคลิซซิโม บีวีแอล คาลิเบอร์ 100 ด้วยขนาดที่เล็กลงมาก ถือเป็นสถิติในการย่อสัดส่วนให้เล็กลง ตอนนี้ เลดี้ โซโลเทมโป ซึ่งเป็นนาฬิกากลไกอัตโนมัติที่ถูกประดิษฐ์เองทั้งหมด ได้กลายมาเป็นหัวใจของการตีความใหม่สำหรับ เซดูโตริ และ ทูโบกาส รวมทั้งเรือนเวลารุ่นอื่น ๆ ที่จะเปิดตัวในปี 2025 เพื่อเป็นการเชิดชูเกียรติของงู และเป็นการฟื้นฟูวิธีการอันเก่าแก่ของนาฬิกาเชิงกลไกสำหรับสตรี

วันนี้เอเทอร์นาได้ขยายขอบเขตขึ้นไปอีกขั้น การออกแบบของมันไม่เพียงแต่สื่อถึงงูเท่านั้นแต่ยังสะท้อนถึงจิตวิญญาณของงูอีกด้วย


ศิลปะอันประณีต
“ฉันชอบที่จะออกแบบในสไตล์ร่วมสมัยที่บริสุทธิ์ ตกแต่งเพียงเล็กน้อย เพื่อวาดเส้นที่สื่อสารถึงภาษาแห่งความเป็นนิรันดร์  ออคโต ฟินิสซิโม เป็นการแสดงออกที่สมบูรณ์แบบของภารกิจในครั้งนี้ผ่านรูปแบบอันแน่นอนที่ตอนนี้ถูกแปรเปลี่ยนเป็นเซอร์เพนติ ใช้การลากเส้นเพียงไม่กี่ครั้งในการร่างแบบเอเทอร์นา งูตัวนี้ถูกกลั่นกรองจนเหลือแต่ส่วนประกอบที่สำคัญ มีการเคลื่อนไหวเฉพาะตัวและการถูกปรับแต่งให้อยู่ในรูปแบบที่ทรงพลังที่สุดด้วยวิสัยทัศน์อันทันสมัย” – ฟาบริซิโอ บวนนามาสซา สติหยิอานี ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบนาฬิกาของบุลการี

เอเทอร์นาโอบรัดข้อมือด้วยกำไลขดเดียวในลักษณะการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหล พร้อมความเย้ายวนของทองคำที่สัมผัสผิว วงแหวนทรงเรขาคณิตสว่างไสวรูปทรงเรียวแหลมมีน้ำหนัก เซอร์เพนติ เอเทอร์นา ไม่เพียงกำหนดนิยามของตัวเองเท่านั้น แต่ยังยืนยันถึงลักษณะเฉพาะตัวของกำไลข้อมือที่ได้รับการออกแบบอย่างประณีตสง่างาม ด้วยการออกแบบอย่างอเนกประสงค์ทำให้สามารถปรับข้อกับสไตล์ของแต่ละคนได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังสามารถจับคู่กับชิ้นงานอื่น ๆ ของบุลการีได้อีกด้วย การออกแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนนี้โอบรัดรอบข้อมือได้อย่างลงตัวด้วยกลไกตัวล็อคอันชาญฉลาด ชิ้นงานที่โดดเด่นนี้ใช้เวลาพัฒนานานถึง 2 ปี เพื่อให้เกิดผลงานที่ทั้งสวยงามตามหลักสุนทรียศาสตร์และสวมได้อย่างสบาย ตัวเกล็ดหกเหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของการออกแบบเซอร์เพนติในอดีต ถูกนำมาแกะสลักอย่างประณีตลงบนส่วนโค้งด้านในซึ่งมองไม่เห็นจากภายนอก แต่รายละเอียดที่ถูกประดิษฐ์อย่างประณีตช่วยตอกย้ำความสัมพันธ์ใกล้ชิดของเอเทอร์นาอันเป็นมรดกพิเศษของเซอร์เพนติ


ความสง่างามอันเป็นนิรันดร์
บุลการี เปิดตัวเซอร์เพนติ เอเทอร์นาในสีโรสโกลด์ประดับเพชร เช่นเดียวกับการตีความเครื่องประดับชั้นสูงในรูปแบบของไวท์โกลด์และฝังเพชรพาเว่ทั้งเรือน อัญมณีล้ำค่านี้ส่องสว่างให้หน้าปัดนาฬิกาเปรียบเสมือนมีหิมะปกคลุม รวมทั้งยังมีอัญมณีประดับไปตามแนวกระดูกสันหลังยาวไปจนถึงปลายหางของงู ในนาฬิการุ่นไวท์โกลด์นั้นมีอัญมณีขนากใหญ่ช่วยสร้างเอกเฟกต์สามมิติ และช่วยเพิ่มมิติอันน่าหลังไกลให้กับนาฬิกา

เซอร์เพนติ เอเทอร์นา ถือกำเนิดขึ้นจากการมองการณ์ไกล หัวใจของเซอร์เพนติซึ่งเป็ญไอคอนอันล้ำสมัยนี้ ควรค่าแก่การสัมผัสในวันนี้ พรุ่งนี้และตลอดไป ราวกับหยุดเวลาที่ยังคงเดินอยู่

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้