GRAND SEIKO Tentagraph

Last updated: 4 เม.ย 2568  |  1040 จำนวนผู้เข้าชม  | 

GRAND SEIKO Tentagraph

ในปี 2019 Grand Seiko ได้สร้างสรรค์นาฬิกาสปอร์ตรุ่นใหม่ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสิงโต สัญลักษณ์ที่ Grand Seiko ใช้มาอย่างยาวนานตั้งแต่แรกเริ่มในปี 1960 นาฬิกาซีรี่ส์ใหม่นี้สร้างความโดด เด่นให้กับนาฬิกาสปอร์ตของ Grand Seiko ด้วยเหลี่ยมมุมที่เฉียบคมและดีไซน์ตัวเรือนที่แข็งแกร่ง และวันนี้ ก็ถือเป็นก้าวสําคัญครั้งใหม่ด้วยการนํานาฬิกาสปอร์ตในดีไซน์แบบ Tokyo Lion (โตเกียว ไลอ้อน) มาสู่ยุค ใหม่ด้วยดีไซน์ที่ทรงพลังแต่เต็มไปด้วยความประณีต และให้ประสิทธิภาพระดับสูงจากการใช้กลไกจักรกล โครโนกราฟจับเวลา คาลิเบอร์แรกของแบรนด์ นั่นก็คือ Tentagraph (เทนทากราฟ) 

สัญลักษณ์ทรงพลังแห่งความเป็นเลิศและความมุ่งมั่น
สัญลักษณ์สิงโต สะท้อนถึงเป้าหมายดั้งเดิมของทีมงาน Grand Seiko ที่ต้องการสร้างนาฬิกาที่ดี ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งในแง่ของความแม่นยํา ความทนทาน และความสวยงาม นาฬิการุ่นนี้ถูกพัฒนาขึ้น โดยสืบสานสัญลักษณ์สิงโตไปพร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาแก่นแท้แห่งนาฬิกาสปอร์ตของ Grand Seiko โดยเริ่มจากดีไซน์ตัวเรือนที่เต็มไปด้วยคุณลักษณะอันเป็นสัญลักษณ์ สายยางดีไซน์ประณีต และ หน้าปัดแบบมีลวดลาย ที่มีวิวัฒนาการมาจากนาฬิกาดีไซน์สัญลักษณ์สิงโตรุ่นก่อน ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งคุณค่า สําคัญของนาฬิกาสปอร์ต เช่น ความชัดเจนในการอ่านค่า ความทนทาน ความสบายต่อการสวมใส่ และความสวยงาม

ดีไซน์ที่แสวงหาแก่นแท้ของนาฬิกาสปอร์ต



การตกแต่งด้วยลายเส้นแบบแฮร์ไลน์บนพื้นผิวที่มีลักษณะคล้ายกรงเล็บ ถูกเน้นให้ชัดเจนยิ่งขึ้นบนดีไซน์แบบ ใหม่ ซึ่งโดดเด่นกว่าดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสิงโตในรุ่นก่อน ๆ โดยครอบคลุมตั้งแต่ส่วนขาของตัวเรือนไปจนถึงส่วนขอบของตัวเรือน

นาฬิการุ่นนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ Grand Seiko นําวัสดุ บริลเลียนท์ ฮาร์ด ไทเทเนียม มาใช้กับคอล เลกชั่นสปอร์ต โลหะผสมชนิดนี้มีความสว่างกว่าไทเทเนียมทั่วไปซึ่งทําให้พื้นผิวตัวเรือนทั้งที่ถูกขัดให้เกิด ลายเส้นแบบแฮร์ไลน์ และถูกขัดเงาด้วยเทคนิคซารัตสึ ดูเปล่งประกายได้มากขึ้นซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง ให้กับดีไซน์ในภาพรวม บริลเลียนท์ ฮาร์ด ไทเทเนียม ไม่เพียงแต่ทําให้นาฬิการุ่นนี้มีน้ําหนักเบาเท่านั้น แต่ ยังมีความทนทานต่อการกัดกร่อนและรอยขีดข่วนได้ดีอีกด้วย โดยมีความแข็งของพื้นผิวเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับสเตนเลสสตีลเกรดมาตรฐาน



ปุ่มกดที่ด้านข้างของตัวเรือนถูกออกแบบใหม่ให้ใช้งานฟังก์ชั่นจับเวลาได้สะดวกยิ่งขึ้น และดีไซน์ที่เปี่ยมไปด้วยพลังของปุ่มกดทั้งสอง จะสร้างความรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อใช้งานฟังก์ชั่นจับเวลา

การสร้างสรรค์ครั้งใหม่นี้ยังมีรูปแบบหน้าปัดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากแผงคอของสิงโตที่โบกสะบัดตามสายลม โดยที่ตําแหน่ง 3, 6 และ 9 นาฬิกา เป็นพื้นที่อันโดดเด่นสําหรับหน้าปัดย่อยแบบสามมิติที่ฝังลง ในหน้าปัด ซึ่งทําให้ระยะห่างระหว่างสเกลบนหน้าปัดย่อยและเข็มลดลง ทําให้อ่านค่าเวลาได้ง่ายขึ้น ชิ้น หลักชั่วโมงในรูปแบบ ไดมอนด์-คัท ที่สะท้อนกับแสงได้อย่างสวยงามมีลักษณะคล้ายกับกรงเล็บอันแหลม คนของสิงโต อีกทั้งชิ้นหลักชั่วโมงเหล่านี้ยังถูกออกแบบให้มีความสูงมากขึ้นและมีรูปร่างที่สามารถบรรจุสาร เรืองแสงลูมิไบรท์ ได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ดูเวลาได้ชัดเจนยิ่งขึ้นในทุกสภาพแสง

ออกแบบมาเพื่อความสบายในการสวมใส่


ฝาหลังที่มีความโค้งเล็กน้อยนํามาซึ่งลักษณะตามหลักสรีรศาสตร์ และทําให้โอบรับข้อมือได้ดียิ่งขึ้น


ตัวล็อกสายถูกออกแบบใหม่ให้ฝั่งด้านในมีความโค้งรับกับข้อมือ

สายยางที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ มีความแข็งแรงกว่าสายซิลิโคนของ Grand Seiko ถึงเกือบ 2.7 เท่า สายยางนี้ได้รับการสร้างขึ้นเพื่อใช้กับนาฬิการุ่นนี้โดยเฉพาะ โดยสีน้าตาลของสายนั้นเข้ากันได้อย่างลงตัว

กับสีของหน้าปัด และนอกจากพื้นผิวที่เนียนเรียบและงดงามด้วยเส้นสันอันเฉียบคมของฝั่งด้านหน้าแล้ว ฝั่งด้านหลังของสายยังมีลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจมาจากอุ้งเท้าของสิงโต ซึ่งทําให้มีรายละเอียดการดีไซน์ที่ สนุกสนานแม้จะไม่มีใครมองเห็นนอกจากตัวเจ้าของนาฬิกาเอง และเมื่อประกอบเข้ากับฝาหลังที่มีความโค้งเล็กน้อยแล้ว สายยางที่ออกแบบสร้างขึ้นมาใหม่นี้จะช่วยให้สวมใส่ได้อย่างสบายข้อมือและมีความกระชับรับ กับข้อมือ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่เหมาะกับการเป็นนาฬิกาสปอร์ตของ Grand Seiko

เช่นเดียวกับผลงานทุกชิ้นของ Grand Seiko การแสวงหาความแม่นยํา คือ หัวใจสําคัญของกลไก Tentagraph สําหรับคาลิเบอร์ 9SC5 ที่ใช้กับนาฬิการุ่นนี้ทํางานด้วยความถี่ 10 ครั้งต่อวินาที ทําให้มีความ แม่นยําสูงทั้งในฟังก์ชั่นจับเวลาและการบอกเวลา อีกทั้งคุณลักษณะของกลไกแบบ ดูอัล อิมพัลซ์ เอสเคป เมนท์ ที่ประหยัดพลังงาน และตลับลานที่มีอยู่ถึง 2 ชุด ก็ทําให้นาฬิกาทํางานได้นานถึง 3 วัน แม้ในขณะที่มี การใช้งานกลไกจับเวลาอยู่ นอกจากนี้ กลไก Tentagraph แต่ละเครื่องยังผ่านการทดสอบเป็นเวลา 20 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานกว่าการทดสอบกลไกจักรกลของ Grand Seiko โดยส่วนใหญ่ถึง 3 วัน เพื่อให้มั่นใจ ว่ากลไกจะทํางานด้วยความแม่นยําตามมาตรฐาน แกรนด์ ไซโก สแตนดาร์ด ซึ่งอยู่ที่ +5 ถึง -3 วินาทีต่อวัน แม้ในขณะที่กลไกจับเวลากําลังทํางานอยู่ก็ตาม

ความโดดเด่นของกลไกจับเวลาคุณภาพสูงแบบสมัยใหม่ ทั้งคลัตช์แนวตั้ง และคอลัมน์วีล รับประกัน ได้ถึงประสิทธิภาพระดับสูงทั้งในเรื่องของความแม่นยําและการทํางาน โดยคลัตช์แนวตั้งจะช่วยขจัดอาการ สั่นหรือการกระโดดของเข็มจับเวลาเมื่อใช้งานกลไกจับเวลา และเพิ่มความแม่นยําในการจับเวลา ขณะที่คอลัมน์วีล ช่วยทําให้ควบคุมการทํางานของกลไกจับเวลาได้อย่างแม่นยํา กลไกนี้ใช้ค้อนแบบสามแฉกที่ช่วยให้มั่นใจว่าเมื่อกดปุ่มรีเซ็ต เข็มจับเวลาจะกลับสู่ตําแหน่งศูนย์ในทันทีโดยเป็นการประสานการทํางานกันอย่างสมบูรณ์แบบ

นาฬิการุ่นใหม่นี้จะพร้อมจําหน่ายที่ แกรนด์ ไซโก บูติก ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2025 เป็นต้นไป

ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่:
https://www.grand-seiko.com/th-th/collections/sigc009g

สามารถรับชมนาฬิกาได้ Grand Seiko Boutique @ Gaysorn Village

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้