Last updated: 21 เม.ย 2568 | 270 จำนวนผู้เข้าชม |
เมื่ออัจฉริยภาพของกาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei) มาผนวกเข้ากับความเชี่ยวชาญด้านการรังสรรค์เรือนเวลาของพาเนราย จูปิเตอร์เรียม (Jupiterium) นาฬิกาจักรวาลที่มีความซับซ้อนเชิงกลขั้นสูงก็ได้ถือกำเนิดขึ้นในโลกแห่งดาราศาสตร์อันน่าหลงใหล เพื่อเป็นการยกย่องอัจฉริยภาพของบิดาแห่งฟิสิกส์ชาวอิตาลีผู้นี้ ผู้ซึ่งเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณอันนำมาซึ่งสุดยอดวิวัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งสะท้อนถึงพันธกิจของพาเนรายในการมุ่งมั่นพัฒนาความก้าวหน้าทางเทคนิคอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง โดยผลงานขนาดใหญ่ชิ้นนี้ ซึ่งจัดแสดง ณ งาน Watches and Wonders 2025 มีความกว้าง 75 ซม. สูง 86 ซม. และมีน้ำหนักประมาณ 110 กก. ได้ถ่ายทอดการเคลื่อนที่อันน่าทึ่งของวัตถุท้องฟ้า ซึ่งมนุษยชาติได้รู้จักสิ่งเหล่านี้จากความรู้ที่กาลิเลโอเป็นผู้ค้นพบ
“ การนำ Jupiterium มาสู่งาน Watches and Wonders 2025 ถือเป็นความภาคภูมิใจของพาเนรายผลงานชิ้นเอกทางดาราศาสตร์ชิ้นนี้มีกลไกอันแสนซับซ้อน ตั้งแต่การถ่ายทอดการเคลื่อนไหวของวัตถุท้องฟ้าอย่างแม่นยำ ไปจนถึงกลไกสิทธิบัตรอย่างกลไก retrograde หรือระบบเดินเข็มนาฬิกาแบบย้อนกลับ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญทางเทคนิคเชิงลึกของเรา นี่คือการยกย่องมนุษยชาติและการค้นพบต่าง ๆ ของเรา อีกทั้งยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศและความหลงใหลของพาเนรายในการสร้างสรรค์นาฬิกาที่จะผลักดันให้โลกแห่งเรือนเวลานั้นก้าวล้ำยิ่งขึ้นไป ” Jean-Marc Pontroué ซีอีโอของพาเนรายกล่าว
ในปี ค.ศ. 1610 การสังเกตการณ์ของกาลิเลโอนำมาซึ่งหลักฐานสำคัญที่พิสูจน์ว่าโลกไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาล นับเป็นการท้าทายแนวคิดที่ว่าโลกเป็นศูนย์กลางของเอกภพซึ่งมีมาอย่างยาวนาน กาลิเลโอได้ค้นพบดาวบริวารสี่ดวงที่โคจรรอบดาวพฤหัสบดีด้วยกล้องโทรทรรศน์ (telescope) ของเขา ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ ดวงจันทร์กาลิเลียน ได้แก่ ไอโอ ยูโรปา แกนีมีด และคัลลิสโต โดย Jupiterium ถือกำเนิดขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากการค้นพบนี้และสร้างขึ้นเพื่อนำเสนอทัศนะของนักดาราศาสตร์ที่เชื่อในแนวคิดแบบเอกภพที่โลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
จึงได้นำโลกมาไว้ที่จุดศูนย์กลางของจักรวาลทรงกลม และให้วัตถุท้องฟ้าอื่น ๆ โคจรรอบโลก นาฬิกาเรือนนี้จะแสดงการโคจรของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวพฤหัสบดี รวมถึงดวงจันทร์บริวารทั้งสี่ของดาวพฤหัสบดี กลไกการโคจรขับเคลื่อนด้วยระบบขึ้นลานด้วยมือ พร้อมระบบปฏิทินถาวรที่แสดงผลแนวระนาบ ซึ่งควบคุมการเคลื่อนไหวของวัตถุท้องฟ้าแบบเรียลไทม์ กลไกนี้ประกอบด้วยกระปุกลานแปดตัวที่ทำงานด้วยความถี่ 18,000 ครั้งต่อชั่วโมง แต่ละกระปุกลานติดตั้งสปริงที่มีความยาว 4 เมตร รวมความยาวทั้งหมดเป็น 32 เมตร ซึ่งสปริงเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนระบบพลังงานสำรองที่สามารถทำงานได้ยาวนานถึง 40 วัน ส่งพลังงานต่อเนื่องเพื่อให้กลไกอันซับซ้อนของนาฬิกาทำงานได้อย่างเปี่ยมประสิทธิภาพ
กลไกปฏิทินถาวรของพาเนราย ไม่จำเป็นต้องปรับตั้งใด ๆ จนกว่าจะปี ค.ศ. 2099 และสามารถแสดงวัน วันที่ เดือน และปีได้อย่างแม่นยำ โดยจะปรับอัตโนมัติตามจำนวนวันของแต่ละเดือน รวมถึงปีอธิกสุรทินที่เดือนกุมภาพันธ์มี 29 วันอีกด้วย นอกจากนี้ ระบบยังสามารถทำงานได้ยาวนานถึงปี ค.ศ. 9999 โดยในหนึ่งศตวรรษ Jupiterium ถึงจะต้องการการดูแลจากช่างนาฬิกาสักครั้ง เพื่อถอดบริดจ์และหมุนแผ่นดิสก์แสดงหลักร้อยไปที่ตำแหน่ง 90° องศา เพื่อให้นาฬิกายังคงคำนวณปีต่อๆไปได้อย่างถูกต้อง
Jupiterium ทรงกลม ประกอบด้วยสองซีกโลก คือซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ เชื่อมต่อกันด้วยแถบที่เป็นสัญลักษณ์ของเส้นศูนย์สูตรโลก สลักสัญลักษณ์จักรราศีทั้ง 12 ราศีไว้ โดยจะหมุนครบหนึ่งรอบในทุก 23 ชั่วโมง 56 นาที 4 วินาที ซึ่งเท่ากับหนึ่งวันตามระบบดาราคติ สำหรับ Jupiterium ของพาเนราย ได้จัดวางประเทศอิตาลีให้โดดเด่นอยู่ตรงกลางแบบจำลองโลกทรงกลมสีน้ำเงิน โดยเมื่อมองจากด้านหน้า อิตาลีจะอยู่ในตำแหน่งที่หันออกด้านนอกโดยตรง ทำให้สามารถมองเห็นอิตาลีได้อย่างชัดเจนจากมุมมองของโลก การจัดวางนี้เป็นหนึ่งในแนวคิดการออกแบบของ Jupiterium ที่สะท้อนมุมมองของกาลิเลโอ เพื่อเป็นเกียรติแก่การค้นพบของเขาที่มีอิทธิพลต่อวงการดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ และยังถ่ายทอดมรดกความเป็นอิตาลีของเมซงอีกด้วย
ฟังก์ชัน Retrograde ใน Jupiterium เป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากสำหรับศาสตร์แห่งการแสดงเวลา ซึ่งใช้จำลองการเคลื่อนที่แบบ " ถอยหลัง " ของดาวเคราะห์เมื่อมองจากโลก ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า Retrogradation เกิดขึ้นเมื่อดาวเคราะห์ดูเหมือนจะเคลื่อนที่ถอยหลัง โดยมีเหล่าดวงดาวเป็นพื้นหลัง เนื่องจากตำแหน่งและการเคลื่อนที่สัมพัทธ์ระหว่างโลกและดาวเคราะห์แต่ละดวงนั้นแตกต่างกันตามวงโคจร และเพื่อเป็นการจำลองการเคลื่อนที่แบบถอยหลังนี้ โดยเฉพาะสำหรับดาวพฤหัสบดีและดวงจันทร์บริวาร พาเนรายได้พัฒนากลไกสิทธิบัตร ซึ่งถ่ายทอดการเคลื่อนที่ของดาวพฤหัสบดีได้อย่างสมจริง แสดงให้เห็นถึงช่วงเวลาที่ดาวพฤหัสบดีดูเหมือนจะชะลอตัวลง เคลื่อนที่ถอยหลัง แล้วกลับมาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอีกครั้ง ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเนื่องจากโลกเคลื่อนที่แซงหน้าวงโคจรของดาวพฤหัสบดี กลไกที่ซับซ้อนนี้ทำงานผ่านระบบเฟืองและการถ่วงสมดุลที่ควบคุมตำแหน่งและการเคลื่อนที่ของวัตถุท้องฟ้า กลไกที่มีความแม่นยำขั้นสูงนี้ช่วยให้ Jupiterium สามารถแสดงการเคลื่อนที่แบบ Retrograde ได้อย่างถูกต้อง ทั้งในแง่ของเทคนิคชั้นสูงและความสมจริงทางดาราศาสตร์
จักรวาลแห่งนี้ พร้อมด้วยกลุ่มดาวหมุนเวียนเคลื่อนที่ไปตามที่มองเห็นจากโลก ด้วยกลไกที่ประกอบขึ้นอย่างประณีตด้วยชิ้นส่วนถึง 1,650 ชิ้น ส่วนใหญ่ทำจากไทเทเนียม ซึ่งเป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรง ช่วยเรื่องความเบาของน้ำหนักโดยรวมและยังทำให้กลไก อันซับซ้อนนั้นแข็งแรงทนทาน
Jupiterium บรรจุภายในกล่องกระจก บนฐานไม้มะฮอกกานี ขนาด 75 x 86 ซม. และมีน้ำหนักประมาณ 110 กิโลกรัม หน้าปัดหลักของนาฬิกาอยู่บริเวณด้านล่างของจักรวาลทรงกลมโดยพื้นหน้าปัดสีดำตกแต่งด้วยหลักชั่วโมงแบบแท่ง และตัวเลขอารบิกเรืองแสงขนาดใหญ่ ที่ตำแหน่ง 12 และ 6 นาฬิกา เพื่อให้สามารถอ่านค่าได้ง่ายแม้ในสภาวะแสงน้อย เข็มชั่วโมง นาที และวินาทีเคลือบสารเรืองแสง Super-LumiNova® เพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านค่าในความมืด นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชันแสดงค่าสำคัญ เช่น แสดงค่า AM/PM และมาตรแสดงพลังงานสำรองแบบเส้นตรง พร้อมสลักคำว่า ‘40 giorni’ (40 วัน) บริเวณขอบหน้าปัดแกะสลักชื่อ ‘Jupiterium’ ขณะที่กลไกของนาฬิกาสลักเป็นภาษาอิตาเลียนว่า ‘Calendario Perpetuo’ ซึ่งหมายถึงปฏิทินถาวร โดยแสดง วัน วันที่ เดือน และปี ในรูปแบบการแสดงผลแบบเรียงเป็นระนาบตรง
นาฬิกาจักรวาลอันงามสง่าเรือนนี้รวบรวมคุณสมบัติทางเทคนิคอันโดดเด่นของพาเนราย ที่จัดแสดงในงาน Watches and Wonders 2025 ไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยระบบพลังงานสำรองที่ยาวนานเป็นพิเศษและกลไกปฏิทินถาวรอันซับซ้อน Jupiterium ก้าวข้ามขีดจำกัดของศาสตร์แห่งการบอกเวลาแบบดั้งเดิม โดยนำนวัตกรรมเหล่านี้มาสร้างสรรค์ให้เป็นผลงานศิลปะเชิงสถาปัตยกรรมอันน่าทึ่ง ที่จะสร้างแรงบันดาลใจและความอัศจรรย์ใจให้แก่ผู้ชมด้วยเสน่ห์แห่งจักรวาลที่ยังคงเต็มไปด้วยปริศนาและความพิศวงที่รอการค้นพบ
25 เม.ย 2568
25 เม.ย 2568
25 เม.ย 2568
25 เม.ย 2568