Last updated: 8 ม.ค. 2566 | 473 จำนวนผู้เข้าชม |
เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2012 ผู้สร้างภาพยนตร์และนักสำรวจ James Cameron ได้ปฏิบัติภารกิจ Deepsea Challenge Expedition การสำรวจทางทะเลครั้งประวัติศาสตร์ที่มีตัวเขาเพียงผู้เดียวได้ดำดิ่งไปพร้อมกับเรือดำน้ำ Challenger Deep ที่ความลึก 10,908 เมตร ของร่องสมุทรมาเรียน่า (Mariana Trench) โดยมีเรือนเวลา Oyster Perpetual Deepsea Challenge จาก Rolex ผูกไว้กับแขนกลของเรือดำน้ำในการสำรวจครั้งนี้ด้วย เหตุการณ์นี้ได้การันตีถึงความเชี่ยวชาญในการผลิตนาฬิกาของ Rolex ที่สามารถสร้างสรรค์เรือนเวลาที่กันน้ำได้ลึกอย่างเหลือเชื่อ วันนี้ Rolex กลับมาพร้อมกับเรือนเวลา
ถ้าไม่นับเรือนเวลาต้นแบบรุ่นอื่นๆ ของ Rolex แล้ว Oyster Perpetual Deepsea Challenge รุ่นล่าสุดนี้เป็นเรือนเวลาเรือนแรกของแบรนด์ที่ผลิตจากวัสดุไทเทเนียมตลอดเรือนร่าง ตัวเรือนผลิตจากไทเทเนียม RLX หรือที่เราคุ้นหูกันก็คือไทเทเนียมเกรด 5 และแน่นอนว่าการใช้วัสดุชนิดนี้ทำให้เรือนเวลาที่มีขนาดใหญ่ที่ 50.0 มิลลิเมตร หนา 23.0 มิลลิเมตร มีน้ำหนักเบาและสวมใส่ได้สบายขึ้น และเมื่อเทียบกับรุ่นต้นแบบจากภารกิจปี 2012 ถือว่ามีน้ำหนักเบากว่าเดิมถึง 30 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
มากไปกว่านั้น เรือนเวลารุ่นนี้ยังเพิ่มขีดความสามารถในการกันน้ำที่ลึกกว่าเดิมที่ระดับ 11,000 เมตร สิ่งที่ทำให้ Oyster Perpetual Deepsea Challenge เรือนนี้สามารถต้านทานแรงกดดันอากาศได้อย่างเหลือเชื่อนี้ คือนวัตกรรมโครงสร้างตัวเรือนที่ Rolex คิดค้นขึ้นตั้งแต่เรือนเวลา Deepsea Challenge รุ่นต้นแบบเมื่อ 10 ปีที่แล้ว นั่นคือโครงสร้างตัวเรือนแบบ “Ringlock” โดยโครงสร้างตัวเรือนที่ได้รับการจดลิขสิทธิ์แล้วนี้ออกแบบให้สามารถไล่ก๊าซจากฮีเลียมวาล์วออกจากตัวเรือนได้เมื่อดำน้ำถึงระยะ decompression นอกจากนี้เม็ดมะยมระบบ “Triplock” สามารถกันน้ำได้ถึงสามระดับ และฝาหลังแบบขันเกลียวที่ผนึกแน่นให้มั่นใจว่าจะไม่มีน้ำเล็ดรอดเข้าสู่ภายในตัวเรือนได้อย่างแน่นอน และในการทดสอบการกันน้ำนั้น ทาง Rolex ได้ร่วมกับ Comex (Compagnie Maritime d’Expertises) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องของการดำน้ำ ทำการทดสอบโดยการนำนาฬิกาลงสู่แทงค์ที่มีความดันอากาศสูงซึ่งมีค่าแรงดันการทดสอบเทียบเท่ากับระดับความลึกของน้ำที่ 13,750 เมตร นั่นเอง
ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก Oyster Perpetual Deepsea Challenge รุ่นใหม่ ได้รับการขัดแต่งพื้นผิวตัวเรือนอย่างละเมียดละไม ทั้งปัดด้านและขัดเงา ขอบตัวเรือนหมุนได้ทิศทางเดียวติดตั้งวงแหวน Cerachrom สีดำและเติมแต่งสเกล 60 นาทีสำหรับการจับเวลาดำน้ำด้วยสีเงินจากแพลทินัม พื้นหน้าปัดสีดำด้านล้อมกรอบด้วยวงแหวนโลหะระบุข้อความ “Original Gas Escape Valve” มาร์เกอร์แทนหลักชั่วโมง และเข็มนาฬิกาผลิตจากไวท์โกลด์และเคลือบสารเรืองแสง “Chromalight”
ภายในบรรจุด้วยกลไก in-house อัตโนมัติ calibre 3230 คงความยอดเยี่ยมในความเที่ยงตรงด้วยระบบปล่อยจักร Chronergy รวมถึงการใช้สปริงสายใยพาราโครมสีน้ำเงิน อันเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Rolex กลไกทำงานด้วยความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง และสะสมพลังงานได้ยาวนาน 70 ชั่วโมง พร้อมการรับประกันคุณภาพความเที่ยงตรงจากการทดสอบในระดับ Superlative Chronometer ที่มีค่าความเที่ยงตรงอยู่ที่ -2/+2 วินาทีต่อวัน
Oyster Perpetual Deepsea Challenge สวมใส่คู่กับสายแบบ Oyster 3 ข้อสาย ผลิตจากไทเทเนียม RLX ขัดแต่งผิวด้านเต็มรูปแบบ มาพร้อมที่พับล็อกสายนิรภัย Oysterlock รวมถึงระบบ Rolex Glidelock extension และ Fliplock extension อำนวยความสะดวกในการขยายสายให้สวมใส่ได้ง่ายและสบายยิ่งขึ้น
22 พ.ย. 2567
21 พ.ย. 2567
23 พ.ย. 2567
23 พ.ย. 2567