Last updated: 20 มี.ค. 2567 | 1058 จำนวนผู้เข้าชม |
ในรอบหลายทศวรรษนับตั้งแต่เปิดตัวนาฬิกาดำน้ำเรือนแรกของญี่ปุ่น Seiko ได้สร้างสรรค์นาฬิกาสำหรับนักดำน้ำหลากหลายรุ่นออกสู่ตลาดและได้รับความนิยมจากมืออาชีพและผู้ชื่นชอบทั่วโลกในเรื่องความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และความสะดวกในการใช้งาน หนึ่งในรุ่นดังกล่าวก็คือ SPB143 ซึ่งเปิดตัวในปี 2020 ด้วยความสามารถในการกันน้ำระดับ200 เมตร และมากับกลไกที่มีพลังงานสำรอง 70 ชั่วโมง นาฬิกาเรือนนี้จึงได้รับการยกย่องไปทั่วโลกในด้านการใช้งานและการออกแบบสไตล์วินเทจที่ได้รับแรงบันดาลใจจากนาฬิกาดำน้ำรุ่นดั้งเดิมระดับตำนานของ Seiko นั่นคือ 62MAS และในวันนี้ Seiko ได้เปิดตัวซีรีย์นาฬิกาในคอลเลกชัน Prospex ซึ่งมีพื้นฐานมาจาก SPB143 ที่ได้รับการตอบรับจากแฟนๆ พร้อมกับการปรับปรุงในหลายจุด ทั้งด้านเทคโนโลยี การออกแบบ และโครงสร้าง โดยมีรุ่นหน้าปัดสีดำและหน้าปัดสีน้ำเงินเป็นคอลเลกชั่นหลักของ Prospex พร้อมกับรุ่นพิเศษที่เน้นสีทอง เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของแบรนด์ Seiko
นาฬิกาแต่ละรุ่นจะได้รับการติดตั้งกลไกเครื่องอินเฮาส์ คาลิเบอร์ 6R55 ที่พัฒนาและผลิตขึ้นภายในโรงงานของ Seiko ซึ่งมีพลังงานสำรองในระดับ 72 ชั่วโมง หรือ 3 วันเต็ม และถือเป็นครั้งแรกที่กลไกรุ่นนี้ได้รับการติดตั้งอยู่ในนาฬิกาของคอลเล็กชั่น Prospex นาฬิกาใหม่รุ่นนี้ได้รับการยกระดับความสามารถในการกันน้ำมาอยู่ที่ 300 เมตร ถือเป็นครั้งแรกสำหรับคอลเล็กชั่น Prospex ที่มีนาฬิกาดำน้ำซึ่งไม่อยู่ในกลุ่มสำหรับใช้ในการดำน้ำแบบอิ่มตัว หรือ Saturation diver’s watches จะมีความสามารถในการกันน้ำระดับนี้ นอกจากนั้น ยังมีการเปลี่ยนตำแหน่งช่องหน้าต่างแสดงวันที่ จากเดิมอยู่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกามาอยู่ระหว่างหลักชั่วโมงในตำแหน่ง 4 และ 5 นาฬิกา ซึ่งช่วยเพิ่มความสมดุลในด้านการออกแบบ และยังช่วยเพิ่มพื้นที่สำหรับติดตั้งหลักชั่วโมงที่มาพร้อมกับสารเรืองแสงลูมิไบร์ท ที่สามารถมองเห็นได้ง่ายเมื่ออยู่ในที่มืด
แม้ว่าจะมีการอัพเกรดหลายอย่างที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ตัวนาฬิกาเองก็ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีขนาดกะทัดรัดขึ้น โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 มิลลิเมตร ความยาวของตัวเรือนจากปลายขาสายด้ายหนึ่งมายังอีกด้านหนึ่ง 46.4 มิลลิเมตร และความหนา 13 มิลลิเมตร ขณะที่ยังคงสร้างความน่าเชื่อถือ ความปลอดภัย และความสะดวกในการใช้งานซึ่งเป็นจุดเด่นของนาฬิกาดำน้ำของ Seiko อีกทั้งนาฬิกาแต่ละเรือนมาพร้อมขอบตัวเรือนที่ผลิตจากสเตนเลสสตีและมีอินเสิร์ตที่ผลิตจากอะลูมิเนียมวางอยู่ด้านบน และเพื่อให้ความรู้สึกและรูปลักษณ์คลาสสิกยังมีการออกแบบสเกลจับเวลาด้วยการใช้ขีดสำหรับบอกเวลาในส่วนนาทีที่วางอยู่ใต้ตัวเลข โดยเครื่องหมายนาทีและตัวเลขบนกรอบได้รับการแกะสลักด้วยเลเซอร์เพื่อป้องกันการสึกหรอจากการใช้งานเป็นเวลานาน ด้วยสายนาฬิกาแบบใหม่ที่มีข้อสั้นลงและตัวล็อคที่เล็กลง นาฬิกาเรือนนี้จึงมีความสบายในระดับที่สูงขึ้นเมื่อปรับให้เข้ากับข้อมือของผู้สวมใส่
นับตั้งแต่ก่อตั้ง Seiko ในปี 1881 บริษัทยังคงสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่องตามปรัชญาของผู้ก่อตั้งที่จะ "Always one step ahead of the rest." หรือนำหน้าคู่แข่งในตลาดหนึ่งก้าวเสมอ และในปี 1924 บริษัทได้เปิดตัวนาฬิกาข้อมือรุ่นแรกที่มีคำว่า "Seiko" บนหน้าปัด ซึ่งแสดงถึงจุดเริ่มต้นของแบรนด์ Seiko ดังนั้น ปี 2024 จึงถือเป็นการครบรอบ 100 ปีของเหตุการณ์สำคัญนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง จึงมีการผลิตนาฬิการุ่นที่ 3 ซึ่งมาพร้อมหน้าปัดสีเทาชาร์โคลถูกเปิดตัวออกมาในฐานะที่เป็นรุ่นพิเศษ โดยสีทองที่อยู่ในตัวนาฬิกาเป็นการสะท้อนถึงความก้าวหน้าด้านการผลิตนาฬิกามากมายที่เกิดขึ้นภายใต้ชื่อ Seiko ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา
นาฬิกาพิเศษรุ่นนี้จะมีสายพิเศษอีกหนึ่งเส้นที่ผลิตจากวัสดุซึ่งมาจากขวดพลาสติกรีไซเคิลทั้งหมด และสร้างขึ้นโดยใช้เทคนิคการถักแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่เรียกว่า Seichu ซึ่งถูกใช้สำหรับการออกแบบผ้า พื้นผิวและความแวววาวที่เกิดจากเทคนิคนี้สามารถสังเกตได้จากโอบิจิเมะแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นเชือกประดับที่ยึดสายสะพายชุดกิโมโนไว้ สายเส้นนี้สะท้อนถึงสุนทรียะและพื้นผิวที่เป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น และผลิตขึ้นเป็นพิเศษเพื่อให้มีความต้านทานต่อแรงดึงมากถึงเกือบ 4 เท่าของสายผ้า Seiko ทั่วไป* ความแข็งแรงและความต้านทานต่อการเสื่อมสภาพที่เกิดจากการสัมผัสกับแสงแดดของสายนาฬิกานั้นเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดสำหรับนาฬิกาดำน้ำของ Seiko และเหมาะสำหรับการใช้งานใต้น้ำ
21 พ.ย. 2567
23 พ.ย. 2567
22 พ.ย. 2567
23 พ.ย. 2567