Last updated: 21 ส.ค. 2567 | 1020 จำนวนผู้เข้าชม |
Blancpain (บลองแปง) เผยเรือนเวลา Ladybird Colors (เลดี้เบิร์ด คัลเลอร์ส) โฉมใหม่ ฉลองฤดูร้อน ด้วยนาฬิกาโทนสีใหม่ ในเฉดสีฟ้าน้ำทะเล แต่งเติมความสดใสให้กับหน้าปัดโมโนโครม สะท้อนเอกลักษณ์ของแบรนด์ นอกจากนี้ยังมีเรือนเวลาในเวอร์ชั่นตัวเลขบอกเวลาหลากสีที่มาพร้อมฟังก์ชั่น moon phase (มูนเฟส) เป็นครั้งแรก พร้อมด้วยสายนาฬิกาที่สามารถเปลี่ยนได้หลากสีสัน ให้เหมาะกับลุคตามต้องการ
Blancpain ฉลองฤดูร้อนด้วยการให้ความสำคัญแก่เหล่าสุภาพสตรี กับสองเรือนเวลารุ่นใหม่ในสีสันสดใสเปี่ยมชีวิตชีวาที่ต่างส่งประกายเติมแต่งคอลเลคชั่น Ladybird Colors ให้งดงาม เรือนเวลาในเวอร์ชั่นสีเดี่ยวเฉดสีฟ้าน้ำทะเล ชวนให้นึกถึงท้องฟ้ายามฤดูร้อนอันสดใส มอบความสดชื่นและมีชีวิตชีวาให้กับฤดูที่เต็มไปด้วยแสงแดด ส่วนเวอร์ชั่นตัวเลขบอกเวลาหลากสี มาพร้อมกับ moon phase ประดับใบหน้าของสุภาพสตรีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Blancpain
หน้าปัดของสองโมเดลใหม่นี้ สะท้อนถึงที่สุดแห่งงานฝีมือและความประณีต ด้วยการเล่นกับสัดส่วนและพื้นผิวสัมผัส ตัวเลขโรมันแต่ละตัวมีขนาดแตกต่างกันไป ตัวเลขด้านบนจะฉายความโดดเด่นที่สุด แล้วค่อยไล่เรียงลดทอนกันลงมาด้านล่างตามลำดับ ดูลื่นไหลลดหลั่นอย่างงดงาม ตัวเลขแต่ละตัวยังผ่านขั้นตอนเคลือบสีลงยาถึงห้าครั้งเพื่อให้ได้โทนสีที่ชัดและสดใสเช่นนี้
เพื่อปรับสมดุลความอสมมาตรของฟังก์ชั่นแสดงเวลาพระจันทร์ (moon phase) ใบหน้าของสุภาพสตรีจึงปรากฏ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ดูราวกับพระจันทร์กำลังล่องลอยอยู่เหนือพื้นหน้าปัดมุก mother-of-pearl ซึ่งเป็นวัสดุที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างเฉพาะเจาะจง ทั้งงามเงาอย่างเป็นเอกลักษณ์ ดูมีมิติ และขับทุกความงดงามให้ยิ่งโดดเด่น ตัวเรือนไวท์โกลด์ 18K ขนาด 34.9 มม. ประดับเพชร 59 เม็ด ในส่วนของหน้าปัดยังประดับด้วยเพชรทรงกลม 70 เม็ดด้วยมือบนหน้าปัดย่อยทั้งสองวง ส่งให้นาฬิกาเรือนนี้ยิ่งส่องประกายเล่นกับแสงอย่างแวววาว อีกทั้งเม็ดมะยมและบัคเคิลล็อคสายนาฬิกาก็ยังประดับด้วยเพชรเช่นกัน ทำให้ทั้งเรือนเวลามีเพชรประดับรวมกว่า 2 กะรัต เกิดความงดงามที่เปี่ยมสมดุล หน้าปัดให้อารมณ์อบอุ่นและเป็นมิตร ชวนให้พินิจมองความประณีตงดงาม
สายนาฬิกาหนังของ Ladybird Colors โมเดลใหม่ให้ทั้งความหรูหรา และความมีชีวิตชีวา เวอร์ชั่นสีฟ้าสดใสเข้าคู่กับตัวเลขในโทนสีเดียวกันบนหน้าปัด ส่วนเวอร์ชั่นที่มาพร้อมตัวเลขบอกเวลาหลากสีมาพร้อมสายนาฬิกาสีสดใสรวม 5 สาย (ชมพู, ฟ้า, เขียว, เหลือง และขาว) ซึ่งสายทั้งหมดมาพร้อมบัคเคิลสายแบบหัวเข็มขัดหรือแบบบานพับที่สามารถเปลี่ยนเพื่อจับคู่กับสายได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดาย และไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์ใด ๆ แค่เพียงพริบตาก็สามารถเปลี่ยนอารมณ์ของเรือนเวลาได้อย่างใจปรารถนา ที่สำคัญสองเรือนเวลาใหม่แห่งคอลเลคชั่น Ladybird Colors นี้ ยังเปี่ยมทั้งความเฟมินีน และความสามารถเชิงเทคนิคที่ไม่มีด้านด้อยไปกว่ากันแม้แต่น้อย
Ladybird ที่สุดแห่งความเป็นเลิศซึ่งสื่อผ่านความเฟมินีน
คอลเลคชั่น Ladybird สะท้อนบทบาทของ Blancpain ในฐานะผู้สร้างประวัติศาสตร์การบุกเบิกนาฬิกาสำหรับสุภาพสตรี จากนาฬิกาข้อมือขึ้นลานอัตโนมัติเรือนแรกในปี 1930 สู่เรือนเวลาอันประณีตและนวัตกรรมขั้นสูงในปัจจุบัน รวมถึงการประดิษฐ์กลไกที่มีขนาดเล็กที่สุดที่ถูกคิดค้นขึ้นตั้งแต่หลายทศวรรษก่อน คอลเลคชั่น Ladybird สะท้อนความหลงใหลของ Blancpain ในด้านความเป็นเลิศ นาฬิกาคอลเลคชั่นนี้ออกแบบมาเพื่อสุภาพสตรีที่จะไม่ยอมละทิ้งสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป ไม่ว่าจะเป็นความงดงามหรือความสลับซับซ้อนเชิงเทคนิค เรื่องราวของนาฬิกาสำหรับสุภาพสตรีของ Blancpain นั้น ผูกพันกับความุ่งมั่นที่ฉายอยู่ในตัวของ Betty Fiechter (เบ็ตตี้ ฟิชแตร์) ผู้นำหญิงคนแรกของวงการนาฬิกาในช่วงต้นยุคปี 1930 ความชาญฉลาด และจิตวิญญาณอันเปี่ยมด้วยวิสัยทัศน์ของสตรีผู้นี้ เป็นต้นกำเนิดให้ The Manufacture ได้รังสรรค์นาฬิกาประดับอัญ-มณีขึ้นและสร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก
Moon phase หัวใจแห่งกาลเวลา
คอมพลิเคชั่น moon phase อันเป็นเอกลักษณ์ของ Blancpain นั้นได้มาปรากฏอยู่ในเรือนเวลา Ladybird Colors รุ่นใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย Calibre 1163L โดยสามารถสำรองพลังงานได้นาน 100 ชั่วโมง ทั้งนี้ moon phase เป็นคอมพลิเคชั่นที่เปิดตัวขึ้นใหม่อีกครั้งในปี 1983 ช่วงยุควิกฤตนาฬิกาควอตซ์ คอมพลิเคชั่นขั้นสูงนี้เป็นเครื่องยืนยันของทางเมซงว่า นาฬิกากลไกถือกำเนิดมาจากความเชี่ยวชาญอันเป็นเลิศอย่างแท้จริงซึ่งระบบควอตซ์ไม่มีวันที่จะมาทดแทนการรังสรรค์นาฬิกากลไกได้ คอมพลิเคชั่นนี้จึงเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งการฟื้นคืนของนาฬิกากลไก ตัวเครื่องของนาฬิกาโมเดลนี้ยังประกอบด้วยเทคนิคการตกแต่งเรือนเวลาในแบบฉบับดั้งเดิม เช่น bevelling หรือเทคนิคการตกแต่งเหลี่ยมมุม, circular graining หรือการขัดแต่งลวดลายวงกลม และ snailing หรือลายก้นหอย ซึ่งสามารถยลโฉมการทำงานของกลไกนี้ได้ผ่านกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ที่ด้านหลังตัวเรือน รวมถึงยังมี ซิลิคอนบาลานซ์สปริงทำให้มั่นใจได้ว่ากลไกจะต้านทานต่ออำนาจของสนามแม่เหล็กได้เป็นไรที่ติ
การปฏิวัติวงการด้วยซิลิคอน
ซิลิคอนเข้ามาปฏิวัติวงการนาฬิกาตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 21 และเป็นนวัตกรรมสำคัญที่ทำให้การบอกเวลาก้าวล้ำหน้าขึ้นไปอีกขั้น วัสดุชนิดนี้เป็นวัสดุเนื้อแข็งที่มีความยืดหยุ่นแต่คงรูป น้ำหนักเบา และยังทนทานต่อการกัดกร่อนได้สูง อีกทั้งยังโดดเด่นเรื่องคุณสมบัติในการต้านทานสนามแม่เหล็ก ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้นาฬิกาทำงานได้อย่างเที่ยงตรง ซึ่งต่างกับในช่วงยุคปี 1950 ที่บาลานซ์ของนาฬิกามักทำจากสปริงโลหะจึงมักจะได้รับผลกระทบจากสนามแม่เหล็ก ทำให้ต้องมีการประดิษฐ์กรงเหล็กเนื้ออ่อนครอบไว้อีกทีเพื่อป้องกันการตอบสนองจากสนามแม่เหล็ก ทั้งนี้เรือนเวลาในยุคปัจจุบันของ Blancpain ได้พัฒนามาใช้ซิลิคอนบาลานซ์สปริงทำให้สามารถเผยการทำงานของกลไกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ได้ผ่านกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ที่ด้านหลังตัวเรือน ต้องขอบคุณเทคโนโลยีนี้ ที่ทำให้ Ladybird Colors รุ่นใหม่ไม่เพียงแค่สามารถที่จะเผยโฉมฝีมือขั้นสูงในการขัดแต่งกลไกให้งดงาม แต่ยังมาพร้อมกับความทรงประสิทธิภาพในการบอกเวลาที่เที่ยงตรง สะท้อนถึงความเฟมินีนที่ก้าวควบคู่ไปกับความสลับซับซ้อนเชิงเทคนิคอย่างลงตัว
21 พ.ย. 2567
21 พ.ย. 2567
21 พ.ย. 2567
21 พ.ย. 2567